โลกดำรงอยู่ได้ด้วยการให้
การให้ทาน
มีพุทธพจน์บทหนึ่งได้กล่าวว่า..
"ผู้ฉลาดในบุญ ควรทำทานด้วยจิตเลื่อมใส ในเนื้อนาดี ทานที่บุคคลให้ดีแล้ว ในทักขิไณยบุคคลทั้งหลาย ย่อมมีผลไพบูลย์ เทวดาย่อมเลื่อมใส และอนุโมทนาด้วย"
การอยู่ร่วมกันในโลกนี้ เราจำเป็นจะต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เหมือนน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งปา ชีวิตประจำวันของเราทุกคน ต่างต้องเกี่ยวข้องกับการให้ทานตลอดเวลา บางครั้งเราก็เป็นผู้ให้ บางครั้งเราก็เป็นผู้รับ และบางครั้งเราก็เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับในเวลาเดียวกัน
ถ้าปราศจากการให้ เช่น พ่อแม่ไม่ให้การเลี้ยงดูลูก สามีภรรยาไม่แบ่งปันกัน ครูบาอาจารย์ไม่ให้การอบรมสั่งสอนศิษย์ และมนุษย์ไม่รู้จักการให้อภัยกัน โลกก็คงจะเกิดความสับสนวุ่นวายไม่น้อย
เพราะฉะนั้น การให้จึงเป็นสิ่งสำคัญ โลกเรายังคงดำรงอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะการให้ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านเคยกล่าวว่า..
"พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ได้ด้วยการให้ การให้ทานเป็นหลักสำคัญที่จะให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง ไม่ว่าจะอยู่ในที่ใด ก็อย่าลืมการให้ทาน" การให้เป็นประเพณีของคนฉลาด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ
ดังนั้นผู้มีปัญญาจะเลือกการทำทานที่ให้ผลมาก เป็นมหาทานบารมี จึงต้องรู้จักวิธีการให้ทานที่ถูกต้อง และถูกเนื้อนาบุญ
การให้ทานที่จะให้ได้บุญมากนั้น ทั้งผู้ให้และผู้รับต้องมีความบริสุทธิ์ และวัตถุทานก็ต้องบริสุทธิ์ด้วย คือได้มาด้วยความชอบธรรม ยิ่งถ้าผู้รับเป็นเนื้อนาบญอันประเสริจ ได้เข้าถึงพระรัตนตรัย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระรัตนตรัยภายใน ผลบุญที่เกิดขึ้นย่อมเป็นอสงไขยอัปมาณัง คือมากจนกระทั่งไม่สามารถจะคำนวณได้
แม้ว่าผู้รับยังไม่หมดกิเลส แต่ถ้าตั้งใจปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากอาสวะกิเลส คือมุ่งกำจัดราคะ โทสะ โมหะ ให้หมดสิ้นไป อานิสงส์ย่อมจะบังเกิดขึ้นอย่างไม่มีประมาณ เหมือนอย่างนายบุญชาวนา ได้เปลี่ยนฐานะจากนายบุญชาวนา เป็นนายบุญเศรษฐี ที่เรียกว่าปุณณเศรษฐีก็ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่เกิดจากการถวายทานนี้ (หลวงพ่อธัมมชโย)
ในอดีต มีชาวนาครอบครัวหนึ่ง สามีออกไปไถนา ทุกๆ วันภรรยาจะนำอาหารไปให้ที่ท้องนา วันหนึ่งในระหว่างที่ภรรยากำลังเดินทางนำอาหารไปให้สามี ได้พบกับพระสารีบุตร ซึ่งเพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติมาใหม่ๆ
เมื่อภรรยานายบุญเห็นเข้า ก็เกิดความศรัทธาเลื่อมใส อยากจะทำบุญกับพระเถระนางคิดว่า "บางวันเราอยากจะทำทาน แต่ก็ไม่มีไทยธรรม เพราะต้องหาเช้ากินค่ำ บางวันมีไทยธรรมแล้ว แต่ก็ไม่มีพระมาโปรด ตอนนี้ไทยธรรมของเราก็มีพร้อมแล้ว พระก็มาโปรดแล้ว เราควรทำบุญวันนี้แหละ"
ด้วยจิตที่เลื่อมใสในพระเถระ นางจึงน้อมถวายอาหารมื้อนั้นแด่ท่าน ส่วนพระสารีบุตร ท่านรู้เห็นในญาณทัสสนะว่า โยมคนนี้จะเป็นเจ้าของบุญ เป็นผู้ที่มีลาภทางบุญจึงได้มาโปรด
เมื่อผู้ให้กับผู้รับตรงกัน ผู้ให้ก็ให้ด้วยใจที่บริสุทธิ์ ผู้รับคือพระสารีบุตร ธาตุธรรมท่านบริสุทธิ์ล้วนๆ เพราะเข้านิโรธสมาบัติมาตลอด ๗ วัน ธรรมกายใสสว่างเต็มที่
พอภรรยาของนายบุญชาวนา นำข้าวใส่บาตรด้วยความเลื่อมใสบุญก็เกิดขึ้นทันที กระแสธารแห่งบุญ ไหลเข้ามาสู่ศูนย์กลางกายของภรรยานายบุญ อย่างไม่มีประมาณ
พระเถระท่านให้พรสั้นๆ ว่า "ขอให้สมปรารถนาในทุกเรื่อง" แค่นั้นนางก็ชื่นใจ ปลื้มปีติเบิกบานใจมาก ไม่กังวลว่าสามีจะหงุดหงิดหรือเปล่า แล้วได้กลับบ้านไปเตรียมอาหารมาใหม่ เพื่อจะนำไปให้สามีที่อยู่กลางทุ่งนา สามีกำลังเหน็ดเหนื่อยและกำลังหิวมาก
เมื่อภรรยาเห็นสามีกำลังเหนื่อย ก็ส่งยิ้มไปก่อน และพูดด้วยถ้อยคำที่ไพเราะ หาน้ำหาท่าให้ดื่ม เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ พอร่างกายสบาย จิตใจสบาย นางจึงพูดว่า "วันนี้ที่มาส่งอาหารช้า เพราะเผอิญเจอพระในระหว่างทาง ท่านมีผิวพรรณวรรณะที่เปล่งปลั่ง ผ่องใสมาก เห็นแล้วอยากทำบุญ น้องก็เลยเอาอาหารใส่บาตรทำบุญไป พี่ตั้งจิตอนุโมทนาด้วยเถอะนะ"
นายบุญก็ใจบุญสมชื่อ แม้จะเหน็ดเหนื่อยมา พอได้ยินข่าวบุญก็อนุโมทนา บอกว่า "ดีแล้ว น้องเอ๋ย ที่ได้ตักบาตรพระ เพราะเมื่อสักครู่พี่ก็ได้ถวายน้ำ และไม้ชำระฟันแด่ท่านไปเหมือนกัน" ด้วยจิตอันเลื่อมใสนั้น กระแสธารแห่งบุญจึงไหลส่งต่อมาถึงนายบุญทันที
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ได้นอนพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้นมามองดูผืนนาที่ไถไปเมื่อเช้า พื้นดินได้กลายเป็นทองคำไปหมด เขาจ้องมองดูด้วยความตะลึง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาจึงถามภรรยาว่า "น้องเห็นไหมนั่นอะไร บริเวณที่พี่ไถนาเมื่อเช้า กลายเป็นทองคำเหลืองอร่ามไปหมดแล้ว"
ภรรยาก็มองเห็นเช่นเดียวกัน จึงไปเอาก้อนดินที่เป็นทองนั้น ทดลอง
ทุยกับงอนไถดู รู้ว่าเป็นทองแน่นอน เกิดความปีติในมหากุศลนั้น ที่พลิกดิน
เปลี่ยนเป็นทองคำ การแปรธาตุจากดินเป็นทองคำได้นี้ ก็ด้วยอานุภาพบุญที่
เกิดจากการทำบุญถูกเนื้อนาบุญ บุญศักดิ์สิทธิ์จึงบังเกิดขึ้นเป็นอัศจรรย์
ปุณณเศรษฐี ผู้ไถนา เป็นทองคํา
เราจะเห็นได้ว่าการทำบุญถูกเนื้อนาบุญ เป็นบุญลาภอันยิ่งใหญ่ทีเดียว ผู้ที่มีบุญมากนั้น ในกาลก่อนท่านได้ทำในสิ่งที่ใครๆ ทำได้ยาก มีใจเต็มเปี่ยมไม่เสียดายทรัพย์หรือแม้กระทั่งชีวิต
การทำบุญถูกเนื้อนาบุญ คือทำถูกทักขิไณยบุคคล หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านกล่าวไว้ว่า..
"การบริจาคทาน ถ้าถูกทักขิไณยบุคคลก็เป็นผลยิ่งใหญ่ไพศาล ถ้าไม่ถูกทักขิไณยบุคคลแล้ว ผลนั้นก็ทรามต่ำลง"
ทักขิไณยบุคคลหมายเอาผู้ที่เข้าถึงธรรมกาย เป็นธรรมกายแล้ว ตั้งแต่ธรรมกายโคตรภู ธรรมกายพระโสดาบัน จนถึงธรรมกายพระอรหันต์ ทั้งหมดนี้เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสามเณร เป็นหญิงเป็นชาย เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ถ้าเข้าถึงธรรมกายได้อย่างนี้แล้ว ถือว่าเป็นทักขิไณยบุคคลทั้งนั้น
ทานที่ถวายถูกทักขิไณยบุคคล จึงมีอานิสงส์ใหญ่ จะทำให้เราได้มหาสมบัติตักไม่พร่อง สมบัติเป็นของกลางของโลกมีไว้ให้เฉพาะผู้มีบุญ ผู้ที่มีดวงบุญที่สุกใสสว่างอยู่ภายในเท่านั้น จึงจะสามารถดึงดูดสมบัติมาใช้ได้ ถ้าใจบริสุทธิ์มาก สว่างมาก ท่อธารแห่งบุญที่อยู่ในศูนย์กลางกายย่อมมีแรงดึงดูดมาก สมบัติทั้งหลายจะหลั่งไหลมาหาผู้มีบุญให้ใช้ได้ตามใจปรารถนา
ในขณะนี้ บุญที่เกิดจากการสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ ที่เกิดขึ้นเพื่อสันติสุขของมวลมนุษยชาติ เป็นบุญใหญ่ที่หาได้ยาก มหาธรรมกายเจดีย์นี้จะเป็นที่สำหรับสร้างคนดีที่โลกต้องการ เพราะว่าบุคคลใดที่สร้างมหาธรรมกายเจดีย์ สร้างพระธรรมกายประจำตัว ภาพแห่งความบริสุทธิ์ของมหาเจดีย์ และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบังเกิดขึ้นในใจของบุคคลนั้น
ความดีที่เกิดขึ้นนั้นจะกระตุ้นเตือนให้เขาคิดแต่สิ่งที่ดี พูดแต่สิ่งที่ดี และทำแต่สิ่งที่ดี ทำให้ใจเขามีแต่กุศลธรรมล้วนๆ
ดังนั้น มหาทานบารมีที่เราทำมานี้ จะเป็นบุญพิเศษที่จะส่งผลให้เรารู้แจ้ง เห็นแจ้ง แทงตลอดในวิชชาธรรมกาย จะมีมหาสมบัติจักรพรรดิมากมายตักไม่พร่อง
เมื่อได้มหาสมบัติมาแล้ว ก็ไม่ติดในสมบัตินั้น มีใจรักในการทำทาน ไม่มีความตระหนี่ ให้แล้วก็มีความปีติ ไม่เสียดาย จะมีความสุขไปทุกภพทุกชาติ จนกระทั่งเข้าสู่อายตนนิพพาน
เมื่อทราบดังนี้แล้ว ก็ให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมทุกวัน ให้เข้าถึงธรรมกายให้ได้ อย่าเอาภารกิจประจำวันมาเป็นข้ออ้าง เป็นข้อแม้ และเงื่อนไข ที่จะทำให้เราเกียจคร้าน หรือทอดธุระในการปฏิบัติธรรม วันนี้เรายังเป็นเจ้าของชีวิตที่แท้จริง เราจึงควรทำวันนี้ให้เกิดประโยชน์ ด้วยการประพฤติธรรมคือทำใจให้หยุด ให้นิ่ง ให้เฉย อย่างสบายๆ ที่กึ่งกลางกาย
รวมพระธรรมเทศนา 1 หน้า 14-17
ภาพจาก เพจการบ้าน, kalyanamitra.org
- 96
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
