19 ก.พ. 2022 เวลา 09:39 • กีฬา
ข่าวแดงเดือดในไทย เป็น Talk of the town อย่างแท้จริง เพราะมันไม่บ่อยนัก ที่ทีมระดับท็อปของพรีเมียร์ลีก จะมาลงแข่งกันเอง ในรูปแบบของเกมกระชับมิตร
คนจัดจะทำกำไรหรือไม่ กับการจ้างสองทีมระดับโลกมาแข่งกันแบบนี้ วิเคราะห์บอลจริงจังจะวิเคราะห์ด้วยข้อมูลที่มีให้อ่านกันนะครับ
ก่อนอื่นเลย ผมอยากย้อนกลับไปในปี 2013 ณ ตอนนั้น เป็นวาระครบรอบ 80 ปีของสิงห์ คอร์ปอเรชั่น ฝั่งสิงห์จึงมีไอเดียอยากจัดกิจกรรมขนาดใหญ่เพื่อเป็นการฉลอง จึงมีไอเดียว่าจะเจรจาเอาแมนฯ ยูไนเต็ด กับ เชลซี สองทีมดังจากอังกฤษมาเตะเกมอุ่นเครื่องในไทย
ณ เวลานั้น สิงห์เป็น official Partner กับทั้งสองสโมสร การเจรจาจึงเกิดขึ้นไม่ยากนัก ทั้งสองทีมตอบตกลงว่าจะเดินทางมาไทย เพื่อลงเล่นเป็นนัดแรก ในช่วงปรีซีซั่นก่อนฤดูกาล 2013-14 จะเริ่มขึ้น
1
ในตอนแรก สิงห์อยากจะจัดหนัก เอาสองทีมมาปะทะกันเองเลย จะได้กลายเป็นสุดยอดแมตช์ แมนฯ ยูไนเต็ด vs เชลซี ดึงความสนใจจากคนทั่วโลกได้
1
แต่การเจรจานั้นไม่ลงตัว เพราะทั้ง 2 สโมสร ไม่อยากเจอกันเอง กล่าวคือในช่วงปรีซีซั่น แต่ละทีมจะเน้นการจับจังหวะ อุ่นเครื่องเบาๆ คือเล่นไปตามเกม ชนะก็ได้ แพ้ก็ไม่เป็นไร เหมือนให้นักเตะสร้างความคุ้นเคยกับเกมเฉยๆ หลังเบรกพักร้อนมานาน
2
แต่ถ้าหากโปรแกรมอุ่นเครื่อง ดันเป็นทีมใหญ่เจอกันเอง คุณจะเล่นแบบผ่อนคลายไม่ได้แล้ว เพราะทั้ง 2 ทีมมีความเป็นคู่ปรับกันอยู่ เล่นเหยาะแหยะแล้วแพ้ ก็โดนแฟนบอลคู่แข่งเยาะเย้ยอีก ดังนั้นในมุมของสโมสรก็พยายามจะเลี่ยงการชนทีมใหญ่กันเอง โดยเฉพาะเกมแรกสุดของช่วงปรีซีซั่น
1
อย่างไรก็ตาม มีกรณีที่สโมสรในพรีเมียร์ลีกอาจจะยอมเป็นกรณีพิเศษ นั่นคือผู้จัดการแข่งขัน "เงินถึง" จริงๆ ถ้าคุยกันด้วยตัวเลขที่สูงพอ ก็อาจพอจะดีลกันได้
1
แต่แค่เงินอย่างเดียวไม่พอ ผู้จัดก็ต้องมีทักษะหว่านล้อมที่ดีพอ เพื่ออธิบายให้ 2 สโมสรยอมรับว่าทำไมเราต้องไปแข่งกับคู่อริสำคัญในเกมกระชับมิตรด้วย
คือถ้าเป็น ICC หรือ Premier League Asia Trophy ที่มีคอนเซ็ปต์ ให้ทีมใหญ่มาชนกันอยู่แล้ว อันนี้พวกเขาจะพอโอเค เตะด้วยกันได้ แต่ถ้าเป็นกระชับมิตรเวิลด์ทัวร์ทั่วๆไป ทีมใหญ่ไม่ค่อยอยากเจอกันเองหรอก
1
สำหรับสิงห์ ณ เวลานั้น พวกเขามองว่า ถ้าสองทีมไม่อยากเจอกันเอง ก็ไม่เป็นไร งั้นแบ่งแข่งเป็น 2 นัดก็ได้ โดยทีมสิงห์ออลสตาร์ จะเจอกับแมนฯ ยูไนเต็ด วันที่ 13 กรกฎาคม 2013 และ เจอกับเชลซี วันที่ 17 กรกฎาคม 2013 ห่างกันใน gap แค่ 4 วันเท่านั้น
1
ค่าใช้จ่ายในการจ้างสโมสรพรีเมียร์ลีกมาเตะในไทย ในปี 2013 ตัวเลขอยู่ที่ราวๆ ทีมละ 100 ล้านบาท สองทีมรวมกันก็ต้องจ่าย 200 ล้าน ยังไม่นับค่าประชาสัมพันธ์ ค่ามีเดีย ค่าเช่าสนามราชมังฯ และดีเทลสารพัดอย่าง ตีกลมๆ สิงห์ควักเงินเพื่อ 2 แมตช์นี้ไปราวๆ 300 ล้านบาท
1
ถ้าเงินมี คอนเน็กชั่นถึง การดึงเอาทีมดังๆ มาเล่นในประเทศไทย ก็มีทางเป็นไปได้ โดยวิธีการนั้น ผู้จัดการแข่งจะจ่ายเงินให้สโมสรก้อนเดียวเลย จากนั้นสโมสรก็จะอธิบายว่า เงินที่คุณจ่ายมา จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้างไปจากสโมสรเรา เช่น
- ฟุตบอล 1 แมตช์
- เปิดให้ดูการซ้อม 2 ครั้ง
- ส่งนักกีฬาไปร่วมกับอีเวนต์กับสปอนเซอร์ 3 ครั้ง
- จัดมีต แอนด์ กรี๊ด กับแฟนบอลท้องถิ่น 1 ครั้ง
- จัด Exclusive ให้สื่อท้องถิ่น 2 ครั้ง อะไรลักษณะนี้เป็นต้น
4
แล้วผู้จัดก็จะเอาสิทธิประโยชน์เหล่านี้ล่ะ ไปดีลกับสปอนเซอร์ หารายได้เพิ่มอีกทาง นอกเหนือจากค่าตั๋ว
1
คือสโมสรฟุตบอลระดับนี้จะมีความเป็นมืออาชีพสูงมาก พวกเขาไปเวิลด์ทัวร์บ่อย และรู้ขั้นตอนอยู่แล้วว่าจะทำอะไร เมื่อผู้จัดจ่ายเงิน สโมสรก็จะเดินหน้าหาโรงแรมเอง อย่างในปี 2013 ตอนเชลซีมาไทย สิงห์จ่ายเงินให้ปั๊บ สโมสรก็หาโรงแรมเอง โดยเลือกแชงกรีล่า จัดการเองเสร็จสรรพเลยทีเดียว
2
-------------------------------
สำหรับการแข่งขันลิเวอร์พูล vs แมนฯ ยูไนเต็ด ที่จะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2022 นี้ สิ่งที่มั่นใจได้เลยคือ ค่าจ้างสองทีมรวมกัน "แพงแน่"
สิงห์เชิญ เชลซี + แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2013 ใช้เงินไป 300 ล้านบาท แล้วนี่ผ่านมา 9 ปี มูลค่าต่างๆ ก็เพิ่มสูงขึ้น ตอนนี้ไม่มีการประกาศตัวเลขกลมๆ ออกมา แต่ก็ประเมินกันว่า ค่าจ้างทีม ค่า PR ทุกสิ่งอย่างใดๆ ควรจะอยู่ในระดับ 500 ล้านขึ้นไป หรือถ้าจะเคลมว่าถึง 1000 ล้าน ก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์นัก
3
เอาล่ะ ทีนี้เรามาวิเคราะห์ในสเต็ปต่อไปว่า เฟรชแอร์ เฟสติวัล ผู้จัดการแข่งขัน จะได้กำไรไหม? กับตั๋วราคา Range 5000 บาท ถึง 25000 บาท
ถ้าหากสแตนด์ทิศเหนือ-ทิศใต้ของราชมังฯ ขายตั๋วฝั่งละ 1 หมื่นใบ ราคาใบละ 5000 ให้แฟนบอล (ตามปกติตั๋วหลังโกล์ราคาถูกสุดอยู่แล้ว) ตีซะว่า 20000 x 5000 = 100 ล้านบาท
1
ส่วนอีก 3 หมื่นใบที่เหลือ ตีซะว่าขายเฉลี่ยใบละ 20000 เลยนะ ก็จะได้ 30000 x 20000 = 600 ล้านบาท
100 ล้าน + 600 ล้าน = ได้เงินขายตั๋ว 700 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่ดูดีทีเดียว แต่จริงๆ คงได้ไม่ถึงหรอก เพราะต้องมีบัตรสปอนเซอร์ใดๆ อีกหลายพันใบนั่นแหละ
1
เอาล่ะ ได้เงินค่าตั๋ว 700 ล้านบาท แถมได้สปอนเซอร์มาซัพพอร์ทอีก ดูแล้ว ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด ก็แอบมีลุ้นคัฟเวอร์ตัวเลขที่ลงทุนไปได้อยู่
เรื่องตั๋วแพงจะขายหมดไหม ผมมั่นใจว่า ยังไงก็ Sold Out อยู่แล้ว เพราะอย่าลืม นี่คือการปะทะกันของ ลิเวอร์พูล vs แมนฯ ยูไนเต็ด สองทีมที่มีแฟนบอลมากที่สุดในอังกฤษ แน่นอนว่า เจอกันเมื่อไหร่ตั๋วขายหมดเมื่อนั้น
ย้อนกลับไป ตอนลิเวอร์พูล ปะทะกันแมนฯ ยูไนเต็ด ใน ICC ที่อเมริกาเมื่อ 5 ปีก่อน ตั๋ว 1 แสนใบขายหมดเกลี้ยงสบายๆ ดังนั้นตั๋วแค่ 5 หมื่นที่ราชมังฯ ยังไงก็ไม่พอหรอก
แน่นอนคนไทยย่อมได้สิทธิ์ซื้อตั๋วก่อน แต่สมมุติแฟนบอลไทยซื้อตั๋วไม่ครบ ก็รับรองได้ว่า ประเทศใกล้เคียงกับเรา ก็พร้อมจะจ่ายเงินซื้อตั๋วแล้วบินมาดูได้เลยแบบสบายๆ เพราะฐานแฟนของสองทีมนี้หนาแน่นสุดๆ อยู่แล้ว
1
อย่างไรก็ตามเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดในเรื่องนี้ ที่จะทำให้เฟรชแอร์ เฟสติวัลไม่เจ็บตัว ก็คือ "รัฐบาลต้องเอาด้วย"
1
ถ้าอีเวนต์นี้ ไม่ได้รับการซัพพอร์ทจากรัฐบาล เป็นไปไม่ได้เลยที่จะคุ้มทุน คืออย่าลืมว่าวิกฤติโควิดยังไม่จบเลย ถ้าหากภาครัฐบอกว่า จะจัดคนดูเต็มสนามได้ไง เดี๋ยวไวรัสก็ระบาด แบบนี้คนจัดก็เจ๊งแล้ว
ตอนนี้ในไทยลีก ก็ยังไม่ได้อนุมัติให้คนเข้ามาดูเต็ม 100% ทุกสนามนะครับ ขึ้นอยู่กับบางจังหวัดจะให้โควต้าเท่าไหร่ อย่างราชบุรี มิตรผล ทีมที่ผมเชียร์ สามารถให้คนดูเข้าสนามได้ 75% เอง
สมมุติเล่นๆนะ ถ้าเรื่องนี้ ไม่ได้ผ่านการสนับสนุนจากรัฐบาล แล้วตั๋วขายไปหมดแล้ว ทีนี้ก่อนวันแข่ง รัฐบาลบอกว่าอนุมัติให้คนเข้าดูได้แค่ 50 % แล้วแบบนี้คนซื้อตั๋วไปแล้วจะทำยังไง คงโกลาหลกันน่าดู
1
หรือถ้าภาครัฐมาออกมาตรการกักตัวใดๆ อีกในช่วงนั้น จนทำให้สโมสรเดินทางลำบาก การแข่งอาจจะล่มไปเลยก็ได้เหมือนกัน
1
ดังนั้นผมมั่นใจว่าต้องมีการคุยกันไว้แล้วล่ะระหว่างผู้จัดกับภาครัฐ เพื่อไม่ให้เกิดอะไรผิดพลาดขึ้นในวันแข่งจริง ถ้าไม่มีการคอนเฟิร์มใดๆ จากรัฐเลย มันเสี่ยงเกินไปที่จะเดินหน้าสร้างอีเวนต์ที่ใหญ่ขนาดนี้
3
ถ้ามองในมุมของรัฐบาลเอง ผมว่าเกมลิเวอร์พูล vs แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีประโยชน์นะ ในแง่การช่วย Big Launch เรื่องการท่องเที่ยวไทยได้เป็นอย่างดี ณ วันนั้นเราอาจใช้เกมนี้แหละ โชว์ให้โลกเห็นได้เลยว่า ที่ไทยปลอดภัยถึงขั้นไม่ต้องใส่แมสก์แล้วก็ได้
3
อันนี้มาจากการวิเคราะห์ของผมเองนะครับ จริงๆ เฟรชแอร์อาจจะไม่ได้ดีลอะไรกับใครไว้เลย แล้วเดินหน้าลุยโดดๆ วัดใจก็ได้ (แต่ก็นะ คนจัดอีเวนต์ระดับนี้ มีหรือจะเสี่ยงดวงแบบนั้น?)
1
ส่วนตัวผมว่า แม้จะเป็น Friendly Match แต่ก็เป็นเกมที่น่าดู ในหลายๆ มิติ
มิติแรก นี่จะเป็นการมาเยือนไทยครั้งแรกของลิเวอร์พูลในยุคเจอร์เก้น คล็อปป์ และบางทีเราอาจจะได้เห็น ซาลาห์-มาเน่-ฟีร์มีโน่ เล่นด้วยกันเป็นซีซั่นสุดท้าย ก่อนจะแยกย้ายกันไปในอนาคต
1
มิติที่สอง แมนฯ ยูไนเต็ด ณ เวลานั้น อาจจะได้โค้ชใหม่แล้ว เผลอๆ ที่ไทยจะเป็นเกมแรกสุดของโค้ชใหม่เลยก็ได้ เหมือนในปี 2013 เดวิด มอยส์ คุมแมนฯ ยูไนเต็ดเกมแรกก็คือการเจอกับสิงห์ออลสตาร์นี่แหละ ยิ่งไปกว่านั้น เกมนัดนั้นจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของแมนฯ ยูไนเต็ด ผมคิดว่าพวกเขาก็คงไม่อยากมาแพ้ที่ไทยติดๆ กัน 2 เกมหรอกนะ มาทีไร ก็แพ้ทุกที ทีมระดับนี้ยอมแบบนั้นไม่ได้หรอก
1
มิติที่สาม เกมระหว่าง หงส์แดง กับปีศาจแดง จะดีจะร้ายก็ย่อมเป็นเกมคุณภาพอยู่แล้ว มันไม่ใช่แค่เตะขำๆ แน่ แต่ทุกคนจะใส่ Passion ลงไป ต่อให้มีดาวรุ่งผสมด้วย ก็ยังมั่นใจได้ว่าจะเป็นเกมที่ดี
มิติที่สี่ ผมค่อนข้างเชื่อว่า จะลงครบหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผู้เล่นจะมาแบบ Full Team เพราะปรีซีซั่น 2021-22 นักเตะจะรายงานตัวตรงกำหนด เนื่องจากไม่มีเกมทีมชาติคั่นกลาง (เพราะบอลโลกเลื่อนไปปลายปีแล้ว) คีย์แมนทั้งหลาย ซาลาห์ , บรูโน่ , โชต้า, แม็กไกวร์ ผมว่ามากันครบเซ็ต
2
มิติที่ห้า กิจกรรมนอกสนามก็ต้องมันส์แน่ๆ เพราะเมื่อลิเวอร์พูล กับแมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ในกรุงเทพฯ ในช่วงเวลาเดียวกัน คงมีอะไรสนุกๆ ให้สื่อมวลชนนำเสนอตลอดวีก
1
และ มิติที่หก ผมคิดว่าหลายๆคน คงคิดถึงบรรยากาศดูบอลแบบ Sold Out เต็มราชมังคลาฯ เราไม่ได้มีฟีลลิ่งแบบนั้นนานแล้ว แค่คิดว่าแฟนๆ จะอัดแน่นเต็มสนาม ผลัดกันร้องเพลง YNWA กับ Glory Glory Man United แค่คิดผมว่าก็สนุกแล้ว
2
ดังนั้นจากเหตุผลทั้งหมด ก็เลยเข้าใจนะว่า Demand ความต้องการตั๋ว มันจะพุ่งสูงอย่างมหาศาล ถ้าลิเวอร์พูลทีมเดียว หรือแมนฯ ยูไนเต็ดทีมเดียว อาจจะไม่มากขนาดนี้ แต่เมื่อเป็น "แดงเดือด" ปั๊บ มูลค่าของเกม มันสูงขึ้นอย่างพรวดพราดเลย
สรุปแล้วในเรื่องนี้ ถ้าพูดแฟร์ๆ ก็ต้องให้เครดิตเฟรชแอร์ เฟสติวัล ผู้จัดการแข่ง ที่ไปดีลมาได้ทั้งกับสโมสรและกับภาครัฐ คือเรื่องนี้มีเงินอย่างเดียวไม่พอ การมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับทุกๆ ฝ่าย เป็นจุดชี้ขาด ที่ทำให้แดงเดือดในไทยเกิดขึ้นได้
สุดท้ายถามว่าผมอยากดูไหม คำตอบคือ ก็อยากนะครับ
ในแง่ Competitive อาจจะไม่ได้หวังมาก เพราะสองทีมก็คงเอาจริงกันแค่ระดับหนึ่ง คงเล่นกันระวังอยู่ แต่ผมสนมากกว่าในแง่ของ History ครับ
กล่าวคือ ตั้งแต่ 2 สโมสรก่อตั้งมาร้อยกว่าปี มีแค่ 3 เกมเท่านั้น ที่แข่งกันนอกประเทศอังกฤษ ประกอบด้วย
1
1983 - เกมเทสติโมเนียล แมตช์ ให้บิลลี่ เดรนแนน เลขาธิการสมาคมฟุตบอลไอร์แลนด์ โดยจัดแข่งที่เบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ ผลลัพธ์ ยูไนเต็ดชนะ 4-3
2014 - เกมอุ่นเครื่องรายการกินเนสส์ แชมเปี้ยนส์ คัพ แข่งที่ซันไลฟ์ สเตเดี้ยม ที่ฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ผลลัพธ์ ยูไนเต็ดชนะ 3-1
2018 - เกมอุ่นเครื่อง ICC แข่งที่มิชิแกน สเตเดี้ยม ที่สหรัฐอเมริกา ผลลัพธ์ ลิเวอร์พูลชนะ 4-1
1
เราจะเห็นได้เลยว่า เป็นเรื่องยากจริงๆ ที่เกมแดงเดือดจะเกิดขึ้นนอกอังกฤษ ดังนั้นถ้าเกมนัดที่ 4 เกิดขึ้นที่ประเทศไทย คงเป็นอะไรที่น่าจดจำอยู่เหมือนกันครับ ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม
 
ครับผม แต่ก่อนที่จะมาพูดถึงว่าอยากดู หรือไม่อยากดู ขั้นแรกคือผมต้องกดตั๋วให้ทันชาวบ้านก่อนนะ 5555555555!
2
#REDWARINTHAILAND
โฆษณา