20 ก.พ. 2022 เวลา 02:12 • ปรัชญา
ทำงานส่วนของเราให้เต็มที่ อย่าสนใจสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
นี่ใช่คำตอบที่ถูกต้องจริงหรือเปล่า?
เราพึ่งมีโอกาสได้ Discuss กับรุ่นน้องที่บริษัทเดียวกันมา ในวงเหล้า
ในประเด็น Sensitive อย่างสวัสดิการ และโครงสร้างเงินเดือน
(อะไรมันจะไปสนุกเท่าการพูดคุยเรื่องนี้ ในวงเหล้าละเนอะ)
น้องๆสังเกตเห็นการออกของพี่ๆพนักงานหลายๆคน เพราะไม่พอใจที่บริษัท พึ่งจะเริ่มปรับวิธีการปรับตำแหน่งใหม่ จากที่เคยคิดๆไว้ว่าจะต้องปรับเมื่ออายุเท่านี้ แต่แล้วพอเปลี่ยนโครงสร้าง พอไม่ได้ปรับตามเวลาที่ตัวเองคิด พี่ๆก็ได้ขอบายจากบริษัทไป ไปสู่บริษัทคู่แข่งที่เงินอาจน้อยกว่านิดหน่อย แต่งานไม่หนักเทียบเท่า (เค้าว่ากันว่าอย่างนั้น)
ทั้งๆที่อายุห่างกันไม่มาก แต่ความคิดเห็นของเรา กับน้อง ต่างกันแทบจะสิ้นเชิง
เราบอกน้องว่า "เราทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ เรื่องการปรับตำแหน่ง เราไม่ได้มีสิทธิตัดสินใจ" เพราะเราก็คิดอย่างนั้นจริงๆ จะไปเครียดอะไรกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้วะ?
คิ้วน้องขมวดทันที แสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน
"แล้วทำไมพี่ไม่คิดว่าเราควรเปลี่ยนสิ่งที่ควบคุมไม่ได้นี้ ให้มันควบคุมได้ละวะ? ไม่ต้องดิ้นรนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทนไม่ได้ก็ออกไป พี่ต้องการแบบนี้หรอ"
เราอยู่ในยุคสมัยที่ smart phone พึ่งจะมาตอนเรียนไปเกือบจบมหาวิทยาลัย Facebook มาก่อนหน้านั้นเล็กน้อยแต่ต้องเปิดผ่านคอม ฟังก์ชันเพจยังไม่มา ข่าวสารก็ไม่ได้มาอัพเดทอะไรในเฟสบุค นอกจากไปตามรู้เรื่องของเพื่อนๆกิ๊กๆก๊อกๆเท่านั้น
รุ่นเราส่วนใหญ่ ก็เลยทำอะไรตามๆกับสิ่งทีคนก่อนๆเคยทำ ไม่ได้รู้สึกว่าถูกหรือผิดหรอกนะ แค่รู้สึกว่าาทำได้แหละ เพราะว่ารุ่นก่อนๆยังทำได้ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
"เราก็แค่ทำหน้าที่ของเราให้ดี ก็พอ"
และเราอยู่ในกรอบความคิดแบบนี้มาตลอด จนถึงปัจจุบัน
เราทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ เราไม่สนใจว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่กำหนดมาให้เราจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือถูกใจเราหรือไม่ เราแค่คิดว่า เราไม่มีอำนาจจะแก้ไขมันได้ แค่นั้นเอง
แต่เราว่ากรอบความคิดนี้ อาจไม่ได้อยู่ในหัวของน้องๆรุ่นถัดไปอีกแล้ว
ห่างกันเพียงไม่กี่ปี Smartphone เป็นของที่เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่น เรื่องราวข่าวสารต่างๆถูกส่งผ่านกันได้เพียงแค่ปลายนิ้วมือ (ไม่ใช่การคลิกอีกต่อไป) สิ่งที่เคยทำสืบๆต่อกันมา อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด ซ้ำร้ายอาจเป็นสิ่งที่แย่ ไร้เหตุผลและทำร้ายใครหลายคน
"สิ่งที่เคยทำได้ เพราะเมื่อก่อนทำได้" จะไม่สามารถทำได้ โดยไม่มีเหตุผลอีกแล้ว
กระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้น้องๆรู้แล้วว่า อะไรที่มันไม่ดีไม่ถูก มันก็ต้องเปลี่ยนได้สิ
เราคุยกับน้องสนุกมาก เราอาจสนิทเพียงพอที่จะเปิดใจรับฟังความเห็นกันและกัน รวมถึงพลังของน้ำเบียร์ที่ละลายพฤติกรรมแห่งมารยาทออกไป และคุยกันด้วยสิ่งที่อยู่ในใจล้วนๆ
เราคงไม่สามารถบอกได้ว่าเราเห็นด้วยกับน้อง 100% ไม่ว่าจะเพราะเรื่องระบบและระเบียบขององค์กร รวมถึงความเครียดที่ต้องเผชิญเมื่อต้องนำเรื่องที่ควบคุมไม่ได้มาเป็น Factor ในการทำงาน แต่อย่างไรก็ตาม กรอบความคิดของเรา ได้เริ่มถูกเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว...
เราว่าระบบระเบียบที่ต้องเชื่อฟังคำสั่ง แบบที่เราได้ถูกทำให้ปฏิบัติสืบต่อกันมา เป็นเหมือนกับต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่ฝังรากลึกลงไป ชอนไชในดิน จนลำต้นแข็งแกร่ง ยากที่จะหักโค่นออกไป
เราก็เป็นแค่ลมเบาๆ ที่ถ้าอยากจะพุ่งไปข้างหน้า ก็ต้องยอมอ่อน หักเลี้ยวหลบต้นไม้ต้นนี้ ปะทะเข้าไปก็มีจะทำให้เราบางเบาลง หรืออาจหายไปในที่สุด
แต่เราว่ามันกำลังเปลี่ยน กระแสลมที่แรงกว่าเรากำลังพัดมา กระแสลมนี้จะไม่กระจัดกระจายเหมือนก่อน แต่จะถูกรวมเป็นกระแสลมขนาดใหญ่ด้วยสิ่งที่เรียกว่า Social Media และมันกำลังเริ่มขึ้นแล้ว
ต้นไม้ใหญ่ที่เคยตั้งตระหง่าน ไม่โอนอ่อนต่อสิ่งใด ถ้าไม่ยอมที่จะอ่อนข้อเสียกิ่งก้านเพื่อหลบกระแสลมนี้บ้าง ต้นไม้อาจโดนกระแสลมกระชากรากที่ฝังอยู่จนหลุดออกไปได้ในสักวัน แบบที่ในอดีต เราไม่เคยได้เห็นมาก่อน
ซึ่งอาจเบิกทางให้ทั้งลมรุ่นใหม่ และลมรุ่นเก่าอย่างเรา ได้เห็นทางข้างหน้าชัดเจน มากขึ้นกว่าสิ่งที่พวกเราเห็นในปัจจุบัน ...
โฆษณา