20 ก.พ. 2022 เวลา 06:03 • หุ้น & เศรษฐกิจ
การจัดพอร์ตการลงทุนในหุ้น ควรมีหุ้นประเภทใดบ้าง ?
2
หุ้น 7 ประเภทที่ควรมีในพอร์ต ได้แก่
1.หุ้นบริษัทชั้นดี (Blue Chip Stock)
หุ้น Blue Chip คือ หุ้นที่มีพื้นฐานธุรกิจดี มีความมั่นคง ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือเป็นหุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง (Market Capitalization สูง) และสภาพคล่องในการซื้อขายสูง (มีปริมาณการซื้อขายมาก) ตัวอย่างเช่น หุ้นที่อยู่ใน SET 50 เป็นต้น
-กลยุทธ์การซื้อ หาจังหวะซื้อที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น ค่า P/E ต่ำกว่าในอดีตโดยไม่มีปัจจัยลบที่กระทบต่อพื้นฐาน
-กลยุทธ์การขาย ขายหากผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หรือ มีค่า P/E สูงกว่าในอดีตมากโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน และคอยติดตามข่าวสาร
2.หุ้นที่เจริญเติบโตเร็ว (Growth Stock)
หุ้น Growth คือ หุ้นที่มีโอกาสในการสร้างผลกำไรในอนาคตได้สูงขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นระยะเวลานาน โดยทั่วไปมักคาดหวังการเติบโตของผลกำไรมากกว่า 20% ต่อปี และเติบโตต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 5 ปี ขึ้นไป ตัวอย่างเช่น หุ้นเทคโนโลยี
-กลยุทธ์การซื้อ หาจังหวะซื้อที่เหมาะสม เช่น จังหวะการย่อของราคา
-กลยุทธ์การขาย ขายก่อนที่ผลประกอบการจะไม่มีการเติบโต หรือ ได้รับผลกำไรที่คาดหวังแล้ว
3.หุ้นวัฏจักร (Cyclical Stock)
หุ้น Cyclical คือ หุ้นที่มีราคาปรับตัวขึ้นและลงเป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน ส่วนใหญ่ผลกำไรมักขึ้นอยู่กับ สินค้าหรือดัชนีราคาการให้บริการ อย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวอย่างเช่น หุ้นน้ำมัน หรือหุ้นขนส่งทางเรือ เป็นต้น
-กลยุทธ์การซื้อ ซื้อเมื่อเริ่มวัฏจักรขาขึ้น
-กลยุทธ์การขาย ขายเมื่อเริ่มวัฏจักรขาลง
1
4.หุ้นตั้งรับ (Defensive Stock)
หุ้น Defensive คือ หุ้นที่มีราคาค่อนข้างคงที่ไม่ว่าสภาวะตลาดจะขึ้นหรือลง มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอแต่อาจไม่มากนัก โดยทั่วไปมักมีพื้นฐานการดำเนินธุรกิจที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนทั่วไป เช่น หุ้นโรงไฟฟ้า หุ้นถนนทางพิเศษ หรือทางสัมปทาน เป็นต้น
-กลยุทธ์การซื้อ หาจังหวะซื้อที่เหมาะสม เช่น จังหวะการย่อของราคา
-กลยุทธ์การขาย ขายเมื่อได้ผลตอบแทนที่คาดหวัง
5.หุ้นเก็งกำไร (Speculative Stock)
หุ้น Speculative คือ หุ้นที่มีความผันผวนของราคาสูง อาจมีการเปลี่ยนแปลงของพื้นฐานธุรกิจหรือไม่ก็ได้ โดยทั่วไปมักเป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยจะมีปริมาณการซื้อขายสูง เมื่อเทียบกับอดีต ตัวอย่างเช่น หุ้นที่ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับ กัญชา หรือ ขุดคริปโทเคอเรนซี่ เป็นต้น
-กลยุทธ์การซื้อ ซื้อเมื่อเริ่มต้นเทรน
-กลยุทธ์การขาย ขายเมื่อสิ้นสุดเทรน หรือ ได้รับผลตอบแทนที่คาดหวัง
6.หุ้นพลิกฟื้น (Turnaround Stock)
หุ้น Turnaround คือ หุ้นที่มีราคาพลิกฟื้นจากช่วงก่อนหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ 1.Liquidity Driven คือ ราคาปรับตัวขึ้นเนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายจำนวนมาก 2.Earning Driven คือ ราคาปรับตัวขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยพื้นฐาน ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น หุ้น การท่องเที่ยวหลังจากเกิดโรคระบาด COVID-19
-กลยุทธ์การซื้อ ซื้อเมื่อเกิดความตกต่ำที่สุดของวิกฤตนั้นๆ แต่จะต้องมั่นใจว่าบริษัทนั้นๆ มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสามารถฝ่าวิกฤตไปได้
-กลยุทธ์การขาย ขายเมื่อผ่านพ้นวิกฤตไปและบริษัทมีผลประกอบการกลับมาคงที่แล้ว หรือ ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวัง
7.หุ้นปันผล (Dividend Stock)
หุ้น Dividend คือ หุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง ที่สำคัญของหุ้นประเภทนี้คือ หุ้นที่สามารถจ่ายเงินปันผลได้จะต้องเป็นหุ้นที่มีกระแสเงินสดที่เพียงพอต่อการจ่ายเงินปันผล และควรเป็นกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงาน
-กลยุทธ์การซื้อ หาจังหวะซื้อที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น ค่า P/E ต่ำกว่าในอดีตโดยไม่มีปัจจัยลบที่กระทบต่อพื้นฐาน
-กลยุทธ์การขาย ขายหากผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หรือ มีค่า P/E สูงกว่าในอดีตมากโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน และคอยติดตามข่าวสาร
เพิ่มเติม หุ้นบางตัวอาจมีคุณลักษณะมากกว่า 1 ประเภทที่กล่าวมาข้างต้นก็ได้ เช่น เป็นทั้งหุ้น BlueChip และ Defensive เป็นต้น
**กลยุทธ์ในการซื้อขายเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการให้ข้อมูลเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาเพิ่มเติมและตัดสินใจการลงทุนด้วยตนเอง**
สามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวการลงทุนจาก Face book fanpage ได้ที่ https://www.facebook.com/110969337706134
หากต้องการเปิดพอร์ตการลงทุนในหุ้น หรือ TFEX ของหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การดูแลจาก ก.ล.ต. สามารถติดต่อได้ทาง Inbox เพจ รีวิวการลงทุน หรือ ลงชื่อในลิงค์ จากคอมเม้นด้านล่าง
โฆษณา