20 ก.พ. 2022 เวลา 12:44 • กีฬา
#สักสีของเอกบุรุษ
1
ที่คุณเห็นนั่นไม่ใช่เสื้อ ไม่ใช่บอดีเพนท์​ แต่มันเป็นรอยสัก
โดย มิสมาต้า
หากคุณ​คิดว่าคุณ​เป็นแฟนบอลพันธุ์​แท้เพียงเพราะว่าคุณทราบทุกอย่างเกี่ยวกับสโมสร​ อาจจะในเรื่องราว​ทางประวัติศา​ตร์, เกียรติยศ, ถือตั๋วปี, มีเสื้อแข่งครบทุกรุ่น หรือ มีหุ้นของสโมสร
1
คุณอาจจะตั้งคำถามกับตัวเองว่า หรือเราอาจจะยังไม่ใช่แฟนบอลที่คลั่งทีมอย่างเข้มข้นชนิดเข้าเส้นเลือด​ เมื่อคุณ​ได้พบกับ เมาริซิโอ ดอส ซานโตส แฟนบอล​พันธุ์​แท้ของ ฟลาเมงโก หนึ่งในยอดทีมแห่งทวีปอเมริกาใต้​
เมาริซิโอ เคยมีความฝันตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น​ว่าในสักวันหนึ่ง เขาจะสักเสื้อแข่งหลักของสโมสรพร้อมตราประจำทีมลงบนร่างกายของตนเองให้ได้
เมื่อตอนอายุ 16 ปี เมาริซิโอได้ปรึกษา​เรื่องนี้กับบิดาซึ่งเป็นแฟนบอลระดับฮาร์ดคอร์​ของฟลาเมงโกเช่นเดียวกัน แต่เมื่อได้ทราบความต้องการ​ของบุตรชาย​ บิดาของเขามี่ไม่ชอบการสักถึงกับร้องเสียงหลงพร้อมกับเอ็ดตะโร​เสียงลั่นบ้านว่า
2
"แกอย่าได้คิดว่าฉันจะเห็นด้วยกับความคิดพิเรนท​ร์ของแกนะ แล้วอย่าให้ฉันเห็นว่ามีอะไรผิดปกติบนตัวแก ฉันเอาแกตายแน่ เมาริซิโอ"
สองปีผ่านไป เมาริซิโอ สามารถไปสักสัญลักษณ์​ของสโมสรได้สำเร็จ​ภายหลังความพยายามในการหว่านล้อมบิดาเป็นผล แน่นอนว่าเป้าหมายต่อไปของเขาคือรอยสักเสื้อแข่งทั้งตัวตามที่ตั้งใจเอาไว้
2
แต่เมื่อนำเรื่องนี้มาขออนุญาต​ผู้ร่วมเรียงเคียงหมอน แถมยังเป็นแฟนบอลฟลาเมงโกเช่นเดียวกับเขาด้วย เขาก็ถูกสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดว่า
"ไม่นะ หยุดเลย คุณบ้าหรือเปล่า อย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด"
เขาจึงจับมือภรรยานั่งลง​เพื่อหารือกัน ภรรยาให้ความเห็นว่าเธอกลัวว่าเขาจะถูกมองเป็นตัวประหลาด​ แล้วถูกนำไปนินทาลับหลัง​ หรือ อาจมีรายการหมั่นไส้จนเกิดการวิวาทขึ้นได้
แน่นอน สำหรับเมาริซิโอแล้ว ครอบครัวคือเจ้าของหัวใจของเขา แต่สำหรับร่างกายที่เป็นของเขาเองนั้นเมื่อต้องทำอะไรก็จงลงมือทำไปซะ เมาริซิโอจึงกล่อมภรรยาได้สำเร็จ​ในที่สุด
1
::
ในปี 2017 ความฝันของ เมาริซิโอ มีราคาราว 2,790-4,185 เหรียญสหรัฐ​ ซึ่งเป็นฝันที่แพงเกินไปสำหรับ​เขา การลดขนาดความฝันจึงตามมาด้วยการเริ่มสักจากที่ไหล่ และ หน้าอกให้ได้เสียก่อน ภายใต้งบประมาณสานฝันที่ราคา 230 ดอลลาร์​
1
เมื่อตกลงกันจบ ช่างสักกลับเปลี่ยนใจด้วยการรับปากว่าจะสักให้ทั้งลำตัวโดยไม่คิดค่าใช่จ่ายเพิ่มเติม แต่เมื่อลงมือทำไปได้ราว 30% ทั้งสองคนก็เกิดความคิดเห็นไม่ตรงกัน การแยกทางจึงบังเกิด
เมาริซิโอ จัดการหาช่างคนใหม่ได้สำเร็จ​ แต่เขาต้องลงทุนเพิ่มเพื่อเติมความฝันในส่วนที่เหลือ การขายมอเตอร์ไซค์​จึงได้เกิดขึ้นเมื่อเงินเก็บจำนวนสองเดือน กับการระดมทุนจากเพื่อนๆ ยังไม่เพียงพอ จนทำให้ทุกอย่างพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าไปให้ครบ 100%
1
เมาริซิโอ เทียวเข้าออกร้านสักอยู่ถึง 32 ครั้ง กินเวลากว่า 90 ชั่วโมง เสื้อทีมเหย้าปี 2015 พร้อมตราสโมสรที่กินเนื้อที่ราว 40% ของร่างกายจึงเสร็จ​สิ้นลง
ที่แผ่นหลังของเขา ปรากฏ​หมายเลข 10 อันเป็นหมายเลขที่นักเตะระดับสัญลักษณ์​ของทีมเคยสวมใส่ แล้วเมื่อเขาได้พบกับ ซิโก ตำนานที่ยังคงเดินได้ของทีม ดาวเตะชื่อดังในอดีตถึงกับเขามาจับเพื่อทดสอบว่านี่คือหนังแท้ๆ ไม่ใช่เสื้อแข่งอย่างที่สายตามองเห็น
1
แล้ว ซิโก ก็บรรจงมอบลายเซ็น​อันเป็นแบบร่างของรอยสักอันล่าสุดของเขามาเพิ่มอีกที่
เขาไม่อนุญาต​ให้​สปอนเซอร์​ของทีมมาอยู่บนลำตัว แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขารังเกียจระบบทุนนิยม เพียงแต่ความเจ็บปวด​ กับ งบประมาณ​ที่สิ้นเปลือง​เกินไปทำให้บนลำตัวเขาไร้ซึ่งสปอนเซอร์​ของทีม
1
เมื่อถามว่าเขาคิดจะสักกางเกงแข่ง ถุงเท้า สนับแข้ง หรือ รองเท้าแข่งเพิ่มอีกหรือไม่ เมาริซิโอ ตอบว่าคิด แต่ยังไม่ใช่ในเวลาอันใกล้นี้ เพราะเขายังอิ่มเอมกับความฝันที่เป็นจริงที่ได้เสื้ออันศักดิ์สิทธิ์​ของสโมสรสุดรักมาคลุมร่างกาย
แต่เขาจะหาเวลาไปสักชื่อ และ รอยเท้าของลูกสาวคนโต และ ลูกฝาแฝดเพิ่มเติม เพราะรอยสักอันเดิมถูกรอยสักใหม่ปกคลุม​แทนที่ไปแล้ว
ผู้คนหลายร้อยคนมักจะถามเขาว่า คุณเสียใจหรือไม่ที่ได้ทำแบบนี้ หรือ สงสัยว่าเขาไม่รู้สึกแปลกเลยหรือที่เหมือนจะสวมเสื้อฟุตบอล​อยู่ตลอดเวลา​
คำตอบสั้นๆ ของเมาริซิโอก็คือ "ไม่เลย เชื่อผมเถิดนะว่าผมไม่เคยคิดที่จะเสีย​ใจ แล้วกรุณา​อย่าถามผมอีกเลย"
ซิโก้ เปเล่ขาว
ในอนาคตจะเป็นเช่นไรไม่มีใครรู้ แต่สำหรับ​ เมาริซิโอ เขายังคงตามไปเชียร์​ทีม​รัก​เช่นเดิม
ที่บ้าน และ ที่สนามแข่ง เสื้อหนังของเขาจะเป็นอาภรณ์​แสดงความจงรักภักดี​ แต่บนท้องถนน เมาริซิโอ จะสวมเสื้อแข่งจริงๆ ของทีมราวสัปดาห์​ละ 1-2 ครั้งเพื่อเดินทางจากบ้านไปสนามแข่ง
1
บนโลกนี้น่าจะมีเพียง เขา และ เฟลิเป อัลวาเรซ แฟนบอลของทีม แอตเลติโก​ นาซิอองนาล เท่านั้นที่มีรอยสักแบบนี้ เพราะชายชาวโคลัมเบีย​สักมาตั้งแต่ปี 2010 แต่เสื้อหนังของ เมาริซิโอ ดูจะกินเนื้อที่มากกว่าเสื้อหนังสีเขียวของ เฟลิเป อยู่นิดหน่อย
แต่ที่แน่ๆ ทั้งสองคนมีสิ่งสำคัญ​อยู่สี่สิ่งที่เหมือนกันแทบจะหนึ่งร้อยเปอร์เซ็น​ นั่นก็คือ ความคลั่งรัก , ความภูมิใจ​ , ความเจ็บปวดอย่างสุดขั้วหัวใจเมื่อถูกเข็มจิ้มเข้าไปที่บริเวณ​กระดูกสันหลัง​
และ จะไม่มีใครสงสัยในความเป็นกองเชียร์​ของเขา ที่สามารถชื่นชม หรือ ด่าทีมของตนได้อย่างเต็มปาก ไม่ว่าเขาจะใส่เสื้อลิขสิทธิ์​แท้หรือไม่ก็ตาม
เพราะถ้ามีใครหาญกล้าตั้งข้อสงสัยในตัวเขาว่าเชียร์​ทีมตามกระแส หรือ ต้องเสียพนันแน่ๆ ถึงได้ตามต่อว่าทีม
เมาริซิโอ และ เฟลิเป คงจะสวนกลับไปว่า "ไปทำเหมือนข้าให้ได้เสียก่อนแล้วค่อยมาคุยเรื่องความภักดี​กัน"
#PlayNowThailand #khelnow #football
โฆษณา