20 ก.พ. 2022 เวลา 13:48 • ไลฟ์สไตล์
วันนี้จะขอเก็บเอาคำสองคำมาเล่าสู่กันฟัง​ คือคำว่า"กลัว" กับ"เจ็บ"
มาเริ่มคำแรกก่อน​ "ความกลัว"คนทั่วไปคงนึกหวาดหวั่นไม่อยากประสพพบ​เจอ​ เพราะไม่ว่าความกลัวจะเกิดจากอะไรก็คงไม่ดีต่อหัวจิตหัวใจของเราแน่นอน​ แต่แท้จริงความกลัวเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการอยู่รอดของสัตว์ในธรรมชาติ​ จนถ่ายทอดทาง​พันธุกรรม​เป็นสัณชาต​ญาณ​จากรุ่นสู่รุ่น​
เพราะสัตว์มีความกลัวจึงระแวดระวัง​ภัยที่อยู่รอบด้านทำให้อยู่รอดและสืบเผ่าพันธุ์​มาได้​ ส่วน"ความเจ็บ" ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่คนเราเข็ดขยาด​ จะเดิน​ จะนั่ง​ จะนอนก็แทบจะทนไม่ไหว​ เพราะความเจ็บปวดนั้นแสนจะทรมาน​
แต่เอาเข้าจริงความเจ็บปวดนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายไม่น้อย​ เพราะมีความเจ็บปวดเราจึงเกิดความระมัดระวังและคอยดูแลรักษาร่างกายได้ทันท่วงที​ ลองนึกถึงคนที่เป็นอัมพฤก​อัมพาต​ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายไม่มีความรู้สึก​ ส่วนนั้นก็จะเกิดแผลเรื้อรังจนอันตรายต่อชีวิต​ หรือเกิดบาดแผลแบบไม่รู้ตัว
นั่นเป็นเพราะไม่มีความเจ็บปวดคอยเตือน​ เห็นไหมครับว่าแม้แต่ความเจ็บ​หรือแม้แต่ความกลัวที่เราคิดว่ามีแต่โทษก็ยังมีประโยชน์ต่อชีวิต​ แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เราพูดถึงเป็นเพียงเชิงกายภาพ​
หากแต่คนเรานอกจากร่างกายแล้วยังมีจิตใจ​ ยังมีความรู้สึกนึกคิด​ ที่ล้วนส่งผลต่อร่างกายด้วย​ ฉะนั้นการปล่อยให้อารมณ์​ความรู้สึกมันอยู่เหนือจิตใจ​ เมื่อเกิดความกลัวหรือความเจ็บทางร่างกายเราก็จะทุกข์ทรมาน​ ปรุงแต่งความคิดสารพัด​เป็นการซ้ำเติมร่างกายเข้าไปอีก​
ยามเราวิบัติไม่ว่าจะเกิดจากความกลัวหรือความเจ็บหรือจากเหตุการณ์​ใด​ก็ตาม สิ่งที่ต้องมีคือ"สติ"
สติจะเป็นตัวให้เกิดปัญญาและปัญญาจะก่อให้เกิดการมองเห็นสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง​ มองสิ่งที่เกิดเป็นธรรมดาและมองเห็นสิ่งนั้นเป็นเพียงกระบวนการ​ ไม่มีเขาไม่มีเรามีแต่จิตที่คอยรู้ มีตั้งขึ้น​ มีแปรปรวน​ และสลายกลายเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งหมุนวนต่อไปไม่มีสิ้นสุด...
1
ยามที่เราต้องวิบัติมักจะเกิดสองทางเลือก ทางแรกเกิดปัญญา​ ตาสว่าง​ วางเป็น​ เห็นสัจธรรม​ทางแรกนี้เรียกว่า"คนมีบุญมีวาสนา"
ทางที่สองเกิดความคิดถลำลึกไปสู่ความมืดบอดกว่าเดิม ใช้ชีวิตแบบอับปัญญากว่าเดิม นอกจากมองไม่เห็นความจริงแล้วยังยิ่งประมาทมากกว่าเดิม ทางที่สองนี้เรียกว่า"คนอาภัพอับปัญญา" ...อยู่ที่เราจะเลือกเดินทางใด เราเท่านั้นเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิต กำหนดวาสนาตัวเอง...
โฆษณา