25 ก.พ. 2022 เวลา 12:30 • สัตว์เลี้ยง
เราไม่ได้เตี้ย...แค่ส่วนสูงน่ารักต่างหาก
เหล่าน้องหมาขาสั้นนับว่าเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่มัดใจหลายคนได้ไม่ยาก ด้วยลักษณะขาสั้นวิ่งทีก็กระดุ๊กกระดิ๊กที่ชวนให้หมั่นเขี้ยวอย่างบอกไม่ถูก ดังนั้นในคราวนี้เราเลยจะมาขอเจาะลึกเกี่ยวกับแก๊งค์น้องหมาขาสั้นให้ได้รู้จักกัน เมื่อน้องหมาขาสั้นยังมีอีกหลายสายพันธุ์ที่เราไม่รู้จักอีกเยอะเลย
แล้วเราจะรู้ว่าน้องหมาขาสั้นมีประวัติที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นนักรบสุดโหดอย่างชาวไวกิ้งก็มีสายพันธุ์สุนัขขาสั้นของตัวเอง สุนัขขาสั้นหน้าตาประหลาดแต่กลับดมกลิ่นเก่งที่สุดแถมยังกลายเป็นไอคอนของแบรนด์ระดับโลก หรือกระทั่งคอร์กี้ น้องหมาขาสั้นที่โด่งดังไปทั่วโลกก็อาจจะเป็นสุนัขที่มาจากดินแดนแห่งภูต
มารู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้น แล้วเราจะรู้ว่านอกจากขาสั้นๆ แล้วพวกเขายังมีเสน่ห์ที่แสนน่ารักอยู่อีกมากมาย
ถึงจะสูงไม่กี่เซน....แต่เราก็เห็นเธออยู่ในสายตาเสมอนะ
สุนัขสายพันธุ์ Dachshund
ถ้าพูดถึงน้องหมาขาสั้นรุ่นแรกๆ ที่คนไทยเรารู้จักกันก็ต้องเป็นน้องหมา Dachshund อย่างแน่นอน
สุนัขสายพันธุ์ Dachshund ถูกค้นพบในเยอรมัน ซึ่งรู้จักกันในนาม “Badger Dog” (สุนัขที่ไล่ล่าตัวแบดเจอร์) Dachs หมายถึงตัวแบดเจอร์ (สัตว์กินเนื้อชนิดหนึ่ง) และ Hund หมายถึงสุนัข โดยรูปร่างยาวละม้ายคล้ายไส้กรอกคงเป็นลักษณะเด่นของสุนัขพันธุ์นี้
Dachshund เป็นสุนัขสายพันธุ์เดียวที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสายพันธุ์นักล่าทั้งบนพื้นและใต้ดิน ด้วยขาสั้นที่ทรงพลังของพวกมันทำให้สามารถมุดโพรงแคบๆ เพื่อเข้าไปล่าเหยื่อได้ หางยาวเหยียดตรงยืดออกมาจากกระดูกสันหลัง มีไว้สำหรับผู้ล่าใช้มือดึงพวกมันออกจากโพรง Dachshund มีอุ้งเท้าที่ใหญ่และคล้ายใบพายทำให้สามารถขุดดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีหน้าอกใหญ่เพื่อป้องกันปอดที่ทรงพลังและสำคัญมากในการล่าของมัน จมูกที่ยาวนั้นทำให้ดมกลิ่นได้ดี และพวกมันยังมีเสียงเห่าที่ดังกังวาน นั่นก็เพื่อให้คนรู้ตำแหน่งของมันหลังจากเข้าไปในโพรง
ในปี ค.ศ.1800 Dachshund ถูกเลี้ยงให้กลายเป็นนักล่ามากกว่าที่จะเป็นสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอังกฤษ จากนั้นพวกมันก็เป็นที่โปรดปรานในราชสำนักของประเทศยุโรปหลายแห่ง รวมไปถึงสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียผู้ชื่นชอบสุนัขพันธุ์นี้เป็นอย่างยิ่ง จนพระองค์ถึงกับทรงเอ่ยปากชมสุนัขสายพันธุ์นี้ในเรื่องของความรวดเร็ว
สายพันธุ์มาตรฐานปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรในปี ค.ศ.1879 และสมาคมสุนัขดัชชุนเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อ 9 ปีต่อมาในปี ค.ศ.1888 โดยปี ค.ศ.1885 ได้มีการนำสุนัขดัชชุนเข้าสู่สหรัฐอเมริกา และมี 11 ตัว ได้จดทะเบียนกับ America Kennel Club โดยตัวแรกมีชื่อว่า “Dash” ซึ่งสายพันธุ์นี้ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงต้นปี ค.ศ. 1900
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สายพันธุ์นี้ก็ถูกลดความนิยมลงไปมากในอเมริกา เพราะว่าสุนัขพวกนี้มีถิ่นกำเนิดมาจากเยอรมันซึ่งขณะนั้นเป็นปรปักษ์กับสหรัฐ บางครั้งเจ้าของ Dachshund เหล่านั้นก็เรียกมันว่าคนทรยศและขว้างปาก้อนหินใส่ หลังจากสงครามสงบลง บางรัฐของสหรัฐก็นำเข้าสายพันธุ์นี้อีกครั้งจากเยอรมัน จนมันเริ่มกลับมาเป็นที่นิยมอีกรอบ ทว่าชะตากรรมเดียวกันนี้ได้หวนกลับอีกครั้งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ก็ไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก
แม้ว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมของดัชชุนในเยอรมันจะมีขนาดใหญ่กว่า Dachshund ในปัจจุบันนี้ แต่ก็ยังคงเห็นความกล้าหาญของมันได้ไม่ต่างไปจากเดิม โปรดจำไว้ว่าสุนัขพันธุ์นี้มีสัญชาตญาณนักล่าอยู่ในสายเลือดเต็มเปี่ยมเสมอ
ทั้งขาที่สั้นและรูปร่างยืดยาวคล้ายไส้กรอกของมันนั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการล่าเลยสักนิด แต่กลับเพิ่มประสิทธิภาพของมันให้เหนือกว่านักล่าอื่นๆ เสียด้วยซ้ำ
ดังนั้นอย่าเพิ่งรีบตัดสินใครแค่ภายนอก ต้องมองกันให้ลึกและมองกันให้ยาว
หรือถ้ามองให้เห็นถึงข้างในหัวใจได้เลยก็ยิ่งดี
สุนัขสายพันธุ์ Basset Hound
ถ้าเรื่องดมกลิ่นล่ะก็...เราก็ไม่เคยแพ้ใคร
กล่าวกันว่าชาวฝรั่งเศสนั้นมีเซนส์ด้านการสรรค์สร้างผลงานน่ารักแบบแปลกๆ อยู่เสมอ แน่นอนว่าหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของชาวฝรั่งเศสก็คือน้องหมาสายพันธุ์ Basset Hound ที่เป็นส่วนผสมของความประหลาดแต่ก็มีสเน่ห์และน่ารักผสมกันอย่างลงตัว
เพราะ Basset Hound เป็นสุนัขที่ตัวใหญ่ ร่างกายกำยำ แต่กลับขาสั้น แถมยังหน้าย่นมากจนดูเหมือนแก่ตั้งแต่เด็ก แล้วก็มีหูยาวอีกต่างหาก ทำให้หลายคนลบภาพลักษณ์แก๊งค์สุนัขขาสั้นว่าต้องเป็นสุนัขตัวเล็กไปได้เลย เพราะ Basset Hound เป็นสุนัขตัวใหญ่ที่มีขาสั้นเท่านั้น ทั้งกระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรงมากทำให้พวกเขาตัวหนักกว่าสุนัขในไซส์เดียวกัน
แม้ภาพลักษณ์ภายนอกจะดูตลกไปเสียหน่อย แต่ Basset Hound เป็นยอดสุนัขดมกลิ่นที่ได้ชื่อว่าสุดยอดที่สุดในโลก เป็นรองเพียงแค่สุนัขสายพันธุ์ Blood Hound ที่เป็นสุนัขดมกลิ่นที่เก่งที่สุดเท่านั้น ด้วยความที่ขาสั้นทำให้พวกเขาดมกลิ่นที่ติดอยู่ตามพื้นได้ดี อีกทั้งเวลาวิ่งจะทำให้หูยาวๆ ของพวกเขากระพือไปมาทำให้อนุภาคกลิ่นที่ติดอยู่รอบตัวลอยฟุ้งและติดอยู่ตามรอยย่นต่างๆ บนใบหน้า ซึ่งจะทำให้พวกเขารับรู้กลิ่นได้มากขึ้นอีกนั่นเอง
ต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้ย้อนกลับไปนานถึงศตวรรษที่ 15 เลยทีเดียว จากหลักฐานชิ้นแรกคือภาพวาดของสุนัขพันธุ์นี้ในหนังสือเกี่ยวกับการล่าสัตว์ของชาวฝรั่งเศส เชื่อกันว่า Basset Hound กับ Blood Hound มีต้นกำเนิดมาจาก St. Hubert Hound เหมือนกัน โดย St. Hubert Hound แบบปกติก็กลายมาเป็น Blood Hound ในปัจจุบัน ส่วนที่ขาสั้นก็ได้ถูกพัฒนาต่อจนกลายเป็น Basset Hound
แต่ก่อน Basset Hound เป็นที่ชื่นชอบของชนชั้นสูงของฝรั่งเศส แต่เมื่อเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสแล้วสุนัขพันธุ์นี้ก็ยังได้รับความรักจากเหล่าประชาชนด้วยเช่นกัน เนื่องจากสมัยนั้นประชาชนฝรั่งเศสยากจนไม่มีม้าขี่ทำให้พวกเขาชอบสุนัขพันธุ์นี้ที่สามารถเดินตามพวกเขาได้ในความเร็วใกล้ๆ กัน แถมยังดมกลิ่นตามรอยสัตว์เก่งอีกด้วย
1
ในปัจจุบัน Basset Hound เป็นสุนัขที่ได้ชื่อว่าโด่งดังและหลายคนคงคุ้นหน้าไปทั่วโลก เนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้ถูกเลือกให้เป็นตัวแทนแบรนด์รองเท้าและเครื่องหนังยอดนิยม Hush Puppies ที่เราคงเคยเห็นรูปน้องหมา Basset Hound อยู่บนโลโก้นั่นเอง
นี่คงเป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าแม้สิ่งที่ดูออกจะแปลกๆ ไปนิดเมื่อมองด้วยสายตาคนส่วนใหญ่...
แต่ถ้าได้อยู่ในที่ๆ เหมาะสม ทั้งเสน่ห์และความสามารถของสิ่งนั้นก็สามารถงอกงามขึ้นได้เหมือนกัน
สุนัขสายพันธุ์ Dandie Dinmont Terrier
ขอให้เราเป็นสุภาพบุรุษที่คอยดูแลเธอนะ
น้องหมาสายพันธุ์ Dandie Dinmont Terrier อาจเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูชาวไทยเท่าไหร่นัก เพราะเป็นสายพันธุ์น้องหมาที่นิยมเลี้ยงในอังกฤษและสหรัฐอเมริกามากกว่า แต่อย่างไรก็ดีในบรรดาเหล่าน้องหมาขาสั้นแล้ว Dandie Dinmont Terrier เป็นสุนัขที่มีประวัติที่น่าสนใจมากๆ เลยทีเดียว
1
อย่างแรกสุดคือที่มาของพวกเขานั้นค่อนข้างสับสน หลายคนบอกว่าต้นกำเนิดของ Dandie Dinmont Terrier มาจากการผสมสุนัขสายพันธุ์ Otter Hound กับสุนัขตระกูล Terrier พื้นบ้าน แต่บางคนก็บอกว่าเกิดจากการนำสุนัขตระกูล Terrier มาผสมกับ Dachshund ต่างหาก แต่คนที่ชอบสุนัขพันธุ์นี้ก็บอกว่าจริงๆ แล้ว Dandie Dinmont Terrier เป็นสุนัขสายพันธุ์แท้ที่มีมาแต่เดิมตั้งแต่สมัยโบราณแล้วต่างหาก โดยมีหลักฐานคือภาพเหมือนของ Henry ดยุคที่สามแห่ง Buccleuch ซึ่งมีรูปสุนัขหน้าตาคล้ายสายพันธุ์นี้อยู่ในภาพด้วย
แต่ถึงจะมีที่มาชวนสับสนอย่างไร Dandie Dinmont Terrier ก็มีอีกจุดเด่นหนึ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันคือพวกเขาเป็นสุนัขสายพันธุ์เดียวที่มีชื่อสายพันธุ์มาจากตัวละครในนิยาย โดยต้องบอกว่าชาวอังกฤษค่อนข้างคุ้นเคย Dandie Dinmont Terrier มานานแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีชื่อเรียกเฉพาะให้ จนกระทั่ง Sir Walter Scott ได้บรรยายถึงสุนัขสายพันธุ์นี้ในนิยายเรื่อง Guy Mannering ซึ่งเป็นลูกสุนัขของชาวนาที่มีชื่อว่า Dandie Dinmont จากนั้นสุนัขพันธุ์นี้ก็เลยถูกเรียกว่าเป็น Dandie Dinmont Terrier เป็นต้นมา
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือพวกเขาเป็นแก๊งค์สุนัขขาสั้นที่ขาหน้าและขาหลังสั้นไม่เท่ากันด้วย โดยขาหน้าของสุนัขพันธุ์นี้จะสั้นกว่าขาหลังและแข็งแรงกว่าเพื่อทำหน้าที่คอยขุดหลุมหรือตะกุยดินมุดได้อย่างคล่องแคล่ว ส่วนขาหลังนั้นจะยาวและเพรียวบางกว่า โดยความสามารถของสุนัขพันธุ์นี้คือการเป็นนักล่าตัวนากและตัวแบดเจอร์นั่นเอง
แม้ว่าสุนัขขาสั้นส่วนใหญ่จะมีพลังเหลือล้นและแอคทีฟกันสุดๆ แต่ Dandie Dinmont Terrier เป็นสุนัขที่ได้รับฉายาว่าเป็น “สุภาพบุรุษแห่งเทอเรียร์” จากนิสัยที่เคร่งขรึมและสงบเสงี่ยมเรียบร้อยของพวกเขา แต่พวกเขาก็ทำหน้าที่เฝ้ายามได้อย่างดีเยี่ยมแถมยังไม่เห่าพร่ำเพรื่ออีกต่างหาก ทำให้ใครหลายคนตกหลุมรักสุภาพบุรุษที่พูดน้อยตัวนี้ไม่ยากเลย
แม้ว่าชื่อสายพันธุ์ของพวกเขาจะมาจากเรื่องแต่ง
แต่รับรองเลยว่าความรักของพวกเขาที่มีให้เจ้าของนั้นเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน
สุนัขสายพันธุ์ Westphalian Dachsbracke
ถึงจะตัวเตี้ย...แต่ไม่เคยกลัวใครนะ
ถ้าพูดถึงความกล้าหาญและพร้อมพุ่งชนทุกเป้าหมายของแก๊งค์หมาเตี้ย ต้องยกให้น้องหมาสายโหลดจากเยอรมัน Westphalian Dachsbracke นี้เลย ต้นกำเนิดของน้องหมาสายพันธุ์นี้เชื่อกันว่าเกิดจาการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง German Hound และ Dachshund ทำให้ได้สุนัขที่มีสัญชาตญาณนักล่าเต็มเปี่ยม พร้อมด้วยรูปร่างเพรียวยาวขาสั้นที่พร้อมทะลวงแบบถึงไหนถึงกันในทุกภูมิประเทศ
หลายคนอาจจะเผลอมองว่าน้องหมาตัวเตี้ยแบบนี้จะล่าไหวหรือ ต้องบอกเลยว่าคุณคิดผิด เพราะ Westphalian Dachsbracke เป็นสุนัขนักล่าที่เก่งกาจ เพียบพร้อมทั้งด้วยความคล่องแคล่วและชั้นเชิง ในสมัยก่อนพวกเขามักถูกใช้โดยนายพรานให้ออกล่าตัวแบดเจอร์หรือสุนัขจิ้งจอกที่หลบซ่อนในโพรงเก่ง แต่ที่โดดเด่นกว่าความสามารถในการล่าคือนิสัยที่กล้าหาญมาก พวกเขาพร้อมลุยกับเป้าหมายที่ใหญ่กว่าตัวเองเสมอ จนในสมัยก่อนได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดนักล่าหมูป่าเลยทีเดียว
ที่น่าสนใจคือน้องหมาพันธุ์นี้มีญาติห่างๆ ที่มีชื่อว่า Drever ซึ่งเป็นน้องหมาอีกสายพันธุ์หนึ่งมีลักษณะคล้ายๆ กันเพียงแต่ตัวเล็กกว่า แต่ทว่าสุนัขสายพันธุ์ Drever นั้นกลับเป็นสุนัขสายพันธุ์แท้จากสวีเดน ซึ่งหลายคนยังคงสงสัยว่าสุนัข 2 สายพันธุ์นี้อาจมีอะไรที่เกี่ยวโยงกัน แต่ตอนนี้ยังไม่หลักฐานยืนยันนั้น
ถึงพวกเขาจะเป็นนักล่าผู้เก่งกาจ แต่เมื่ออยู่กับเจ้าของแล้วก็ไม่ได้มีนิสัยดุร้ายแต่อย่างใดแถมยังชอบเล่นกับเจ้าของมากๆ Westphalian Dachsbracke มีนิสัยชอบออกกำลังกายตามสไตล์น้องหมานักล่าที่มีพลังในตัวเยอะ ดังนั้นเจ้าของต้องพาพวกเขาออกไปเที่ยวเล่นเยอะหน่อย
แล้วคุณจะรู้เลยว่าการได้ลุยเคียงข้างพวกเขาที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญและไม่กลัวเกรงสิ่งใดนั้น....
เป็นเรื่องสนุกที่ต้องลองสัมผัสซักครั้งในชีวิตจริงๆ
สุนัขสายพันธุ์ Swedish Vallhund
มองผ่านๆ นึกว่าเป็นหมาป่าแบบขาสั้นนะเนี่ย
ใครเห็นน้องหมาสายพันธุ์ Swedish Vallhund ก็คงคิดแบบนี้กันทุกคน เนื่องจากทั้งโครงหน้าแหลมและสีขนเทาๆ ก็ชวนให้นึกถึงหมาป่าอย่างบอกไม่ถูก แต่จริงๆ แล้ว ชื่อ Vallhund นั้นเป็นภาษาสวีเดน มีความหมายว่า สุนัขต้อนฝูงแกะ โดยมีตำนานกล่าวกันว่าสุนัขสายพันธุ์นี้เคยเป็นสุนัขที่สืบเชื้อสายจากชาวไวกิ้งมาก่อน
2
ตามตำนานบอกว่าในสมัยโบราณประมาณศตวรรษที่ 8 ยามที่ชาวไวกิ้ง นักรบผู้แข็งแกร่งและเก่งกาจแห่งแดนเหนือได้ล่องเรือไปยึดครองพื้นที่ต่างๆ ในแถบสแกนดิเนเวีย ก็ได้นำสุนัขพันธุ์นี้ติดสอยห้อยตามไปบนเรือด้วยและคอยต้อนดูแลฝูงปศุสัตว์เมื่อเหล่านักรบลงหลักปักฐานตามพื้นที่ต่างๆ แต่อย่างไรก็ดีบางคนก็คิดว่านี่เป็นเรื่องเล่าเสียมากกว่า เพราะหลักฐานเท่าที่มีตอนนี้บอกได้เพียงแค่ว่า Swedish Vallhund ถือกำเนิดขึ้นมาในยุคหลังเพื่อช่วยต้อนวัวและแกะตอนที่เริ่มมีการทำเพาะปลูกและปศุสัตว์แล้วมากกว่า
แม้ภายนอก Swedish Vallhund จะชวนให้นึกถึง Welsh Corgi แต่จริงๆ แล้วเมื่อเช็กพันธุกรรมแล้วกลับพบว่าไม่ค่อยมีความเกี่ยวข้องซักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ดีน้องหมาสองสายพันธุ์นี้ก็มีหน้าที่อย่างเดียวกันคือถูกปรับปรุงพันธุ์มาให้ขาสั้นจนตัวเตี้ยเพื่อให้ต้อนแกะด้วยการงับบริเวณข้อเท้าสัตว์ และด้วยความตัวเตี้ยทำให้เหล่าวัวหรือแกะเวลาเตะก็จะเตะข้ามหัวไปไม่โดนอีกด้วย
ด้านนิสัย Swedish Vallhund ก็ต้องบอกเลยว่าน้องหมาพันธุ์นี้เลี้ยงไม่ง่าย เนื่องจากเป็นสุนัขสายต้อนปศุสัตว์ทำให้มีพลังงานล้นเหลือและต้องการการเอาใจใส่จากเจ้าของ พวกเขามีนิสัยขี้เล่นและร่าเริงมาก และคอยหาเกมต่างๆ มาเล่นด้วยกันกับเจ้าของอยู่เสมอ ซึ่งใครหลายคนล้วนแต่ตกหลุมรักในความน่ารักขี้อ้อนนี้เป็นอย่างมาก
อีกเรื่องที่เป็นจุดเด่นของน้องหมาพันธุ์นี้คือพวกเขาเป็นนักเห่าตัวยง เป็นสุนัขที่ชอบส่งเสียงเมื่อเจออะไรที่ไม่คุ้นเคย ทั้งคนส่งของ น้องหมาหรือแมวข้างบ้าน รวมไปถึงถ้าปล่อยให้เขาอยู่ตัวเดียวนานก็จะเริ่มเห่าด้วยเช่นกัน และด้วยความที่เป็นน้องหมานักต้อนแกะ ทำให้พวกเขามีสัญชาตญาณชอบงับข้อเท้าคนอื่น ซึ่งหากเลี้ยงร่วมกับเด็กๆ ก็ระวังเรื่องที่อาจจะถูกงับๆ แง็บๆ นิดหน่อยได้นะ
แม้ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว Swedish Vallhund เป็นสุนัขของชาวไวกิ้งผู้พิชิตหรือไม่
แต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้พวกเขานั้นได้พิชิตหัวใจใครหลายคนไปเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว
สุนัขสายพันธุ์ Welsh Corgi
รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้ว คอร์กี้เป็นสุนัขเวทมนตร์
เพราะตามตำนานเรื่องเล่าพื้นบ้านของชาวเวลล์ กล่าวว่าคอร์กี้เป็นสุนัขที่มีพื้นเพมาจากดินแดนของเหล่าเอลฟ์และภูติแฟรี่ !
เรื่องเล่าในตำนานนี้ได้กล่าวถึงเด็กน้อยชาวเวลล์สองคนที่ออกไปตามลูกวัวที่หลงฝูง หลังที่ได้เดินลึกเข้าไปในป่า บรรยากาศก็ได้เริ่มเปลี่ยนไป และในป่าที่ดูลี้ลับไม่เหมือนเดิมนั้น ตรงหน้าของพวกเขามีลูกสุนัขนอนหลับอยู่
ในแว่บแรกเด็กสองคนนี้คิดว่าเป็นลูกสุนัขจิ้งจอก แต่ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปเลยเก็บลูกสุนัขตัวนั้นกลับมาบ้านด้วย เมื่อพ่อแม่ของเด็กเห็นก็บอกว่านี่ไม่ใช่ลูกสุนัขจิ้งจอกหรอก แต่เป็นลูกสุนัขคอร์กี้ต่างหาก ลูกสุนัขตัวนี้เป็นของขวัญจากเหล่าภูติที่อาศัยอยู่ในป่ามนตราแถบนั้น โดยปกติแล้วเหล่าภูติแฟรี่จะใช้สุนัขคอร์กี้ในการบรรทุกของและขี่หลังมันในการทำศึกสงคราม
หลังจากนั้นเด็กน้อยทั้งสองคนก็เลี้ยงดูลูกสุนัขคอร์กี้ที่เก็บมาเป็นอย่างดีจนเติบใหญ่แข็งแรง จนเจ้าคอร์กี้ผู้มาจากดินแดนแห่งภูตินั้นก็กลายเป็นสุนัขที่ฉลาดแสนรู้และเป็นกำลังหลักในการช่วยต้อนวัวทำฟาร์มให้กับเด็กสองคนนั้นต่อไป
นี่คือเรื่องราวจากตำนานพื้นบ้าน แต่สำหรับประวัติศาสตร์จริงๆ ของสุนัขพันธุ์คอร์กี้น่าจะสืบทอดเชื้อสายจากสุนัขเลี้ยงแกะลักษณะคล้ายๆ กันของสวีเดนที่มีชื่อว่า Vallhunds ซึ่งถูกนำมายังเวลล์โดยชาวไวกิ้ง ในศตวรรษที่ 9 และ 10 แต่อีกบางส่วนเชื่อว่ามันสืบเชื้อสายมาจากเหล่าสุนัขที่นักทอผ้าชาว Flemish นำเข้ามาในเวลล์ ในช่วงศตวรรษที่ 12 สาเหตุที่ประวัติศาสตร์ไม่แน่ชัดนี้เป็นเพราะว่าสุนัขพันธุ์นี้ถูกชาวไร่ปรับปรุงพันธุ์กันเองทำให้ไม่มีการเก็บบันทึกประวัติเอาไว้
แม้ว่าคนไทยจะคุ้นชินกับชื่อพันธุ์ว่าคอร์กี้เฉยๆ แต่จริงๆ แล้วสุนัขพันธุ์นี้มีชื่อเต็มๆ ว่า Welsh Corgi ซึ่งสามารถแยกย่อยออกไปได้อีก 2 สายพันธุ์ย่อยคือ Pembroke Welsh Corgi และ Cardigans Welsh Corgi ซึ่ง Welsh Corgi ที่เราเห็นกันอยู่ส่วนใหญ่นั้นมักเป็นสายพันธุ์ Pembroke
Welsh Corgi ได้รับความนิยมไปทั่วโลก แม้กระทั่งในประเทศอังกฤษ พระราชินีควีนเอลิซาเบธที่ 2 ก็เคยทรงได้รับ Welsh Corgi จากพระราชบิดา (กษัตริย์จอร์จที่ 4) ที่มีชื่อว่า Rozavel Goledn Eagle ในปี ค.ศ.1993 สุนัขตัวนี้เป็นเพื่อนเล่นให้กับสมเด็จพระราชินีและพระน้องสาวของพระองค์ท่านเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ และในปัจจุบันนี้ก็ยังมีสุนัข Welsh Corgi อยู่ฝูงหนึ่งที่พระราชวังบักกิ้งแฮมและแทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวควีนเอลิซาเบธที่ 2 ไปแล้ว
จุดเด่นของ Corgi น่าจะอยู่ที่ลำตัวป้อมยาว ขาสั้นดูกะทัดรัด แต่ร่าเริงกระฉับกระเฉง อีกทั้งพวกมันยังถูกขนานนามว่าเป็นสุนัขที่ไม่มีวันแก่ คือหน้าตาของ Welsh Corgi จะดูอ่อนเยาว์เหมือนยังหนุ่มสาวอยู่ตลอดเวลา
พอได้ยินแบบนี้แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า….บางทีคอร์กี้อาจมีเวทมนตร์จริงๆ ก็ได้นะ ใครจะรู้
โฆษณา