เปิดกรณีศึกษา “สิงห์ เลม่อนโซดา”
กับการมองตลาดที่ไม่ใช่แค่ 80 : 20
กลยุทธ์ที่คุ้นชินในการสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการบริโภคของลูกค้านั้น นอกจากจะผลักดันให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในทุกช่วงอายุของลูกค้า เป็น Customer Lifetime Value แล้ว อีกกลยุทธ์การสร้างโอกาสในการขายใหม่ๆ ที่เราได้เห็นอย่างหนาตาในช่วงหลังมานี้ก็คือ การครีเอทเซ็กเม้นต์ใหม่ๆ ขึ้นมาระหว่างตรงกลางของ 2 ตลาดใหญ่ ที่มีขนาดของตลาดค่อนข้างใหญ่ เพื่อสร้างโอกาสในการขายด้วยการดึงการบริโภคจาก 2 เซ็กเม้นต์ที่แบรนด์ดังกล่าวเข้าไปแทรกอยู่ตรงกัน
เป็นการ “ถ่าง” ตัวเองออกมา เพื่อสร้างโอกาสในการขายที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะถือเป็นการเปลี่ยนมุมมองใหม่ของการทำตลาด จากเดิมที่เราจะคุ้นชินกับการตลาดแบบ 80:20 ที่สินค้าขายดี 20% สามารถสร้างยอดขายหรือรายได้รวมให้ได้ถึง 80%
แต่สำหรับแนวคิดใหม่นี้ ไม่ได้มองว่า แค่ 20% แต่ต้องกวาดให้ได้แบบ 100% เต็ม คือเอาหมดแม้กระทั่งตลาดที่เป็นนิชภายใต้กลยุทธ์นี้จะไม่มีการเจาะจงลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแต่มองลูกค้าที่มีโอกาสเข้าไปเจาะ โดยนำเสนอสินค้าที่มีนวัตกรรมที่สามารถเข้ามาแก้ Pain Point ให้กับลูกค้าได้
ตัวอย่างในเรื่องนี้ก็คือการทำตลาดของสิงห์เลมอนโซดา ที่ความน่าสนใจของการเปิดตัวสิงห์ เลมอนโซดา ไม่ได้อยู่ที่การเป็นสินค้าใหม่ในรอบหลายปีภายใต้ Umbrella ของแบรนด์สิงห์เท่านั้น แต่นี่ยังเป็นการขยับตัวที่เป็นการสร้างการเติบโตในตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
อย่างที่รู้ๆ อยู่ว่า สิงห์เป็นผู้นำในตลาดโซดาที่มีมูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท โดยมีแชร์กว่า 90% ซึ่งการบริโภคส่วนใหญ่ของลูกค้าในตลาดนี้จะนำโซดาไปเป็นมิกเซอร์ผสมกับเหล้า การเติบโตของยอดขายของโซดาสิงห์ส่วนหนึ่งจึงต้องพึ่งพาการเติบโตของตลาดเหล้าด้วย
แม้สิงห์จะใช้ความพยายามในการสร้างรูปแบบการดื่มใหม่ๆ ของโซดาสิงห์ไม่ใช่แค่ผสมเหล้าเพียงอย่างเดียว แต่ก็เปลี่ยนการบริโภคได้ไม่มากนัก การสร้างการเติบโตใหม่ๆ จึงถูกวางมาที่การนำเสนอสินค้าตัวใหม่เข้าสู่ตลาด
สิงห์เลมอนโซดา นี้ เป็นการออกสินค้าใหม่ที่ “ถ่าง” ตัวเอง เข้ามาเล่นอยู่ตรงกลางระหว่างโซดา ที่มีมูลค่าตลาด 15,000 ล้านบาท กับตลาดน้ำอัดลมมูลค่า 56,000 ล้านบาท ซึ่งหากสามารถกินได้ทั้ง 2 ตลาด จะมีมูลค่ารวมกันถึง 71,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
การเข้าตลาดของสิงห์เลมอนโซดา จึงมีการวางตัวเองให้เป็นเครื่องดื่มดับกระหายที่มีประโยชน์จากวิตามินซี และไม่มีน้ำตาล เพื่อเล่นกับเทรนด์สุขภาพของคนไทย ซึ่งแน่นอนว่า แม้จะเข้าไปแข่งกับน้ำอัดลม แต่สิงห์ก็ยังไม่ทิ้งตลาดเดิม เพราะหากมองเข้ามาในตลาดโซดาแล้ว จะพบว่าปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยเริ่มหันไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แนวใหม่ๆ อย่างวอดก้า หรือเตกีล่า มากขึ้น แม้การดื่มจะมีหลากหลายรูปแบบ แต่ส่วนหนึ่งก็มีการนำเครื่องดื่มอัดคาร์บอเนตเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของมิกเซอร์ ทำให้แบรนด์อย่างชเวปส์ กลายเป็นทางเลือกแรกๆ เมื่อมีสิงห์เลมอนโซดา เข้ามาแชร์ตลาด จึงน่าจับตามองว่า จะสามารถเข้าไปเกาะเทรนด์การบริโภคไวท์สปิริตของคอเหล้ารุ่นใหม่ได้มากน้อยแค่ไหน
สิงห์เลมอนโซดา เป็นการมองเห็นโอกาสทางการตลาด เทรนด์ของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะมีบทบาทต่อการบริโภคของประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสรักสุขภาพที่มาแรงได้กลายเป็นปัจจัยเร่งให้แนวโน้มผู้บริโภคหันมาใส่ใจกับสุขภาพมากยิ่งขึ้น การต่อยอดพัฒนาสินค้าใหม่ จึงปรับเปลี่ยนให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอีกด้วย
การเข้าตลาดของสิงห์เลม่อนโซดา จึงเป็นการรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ ต้องพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อให้สอดคล้องสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
สิงห์ สานต่อความสำเร็จผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องดื่มทางเลือกเพื่อสุขภาพ ดึงเทรนด์โลก “กลิ่นส้มยูซุ” มาแรง ผสานกระแสผู้บริโภครักสุขภาพ เปิดตัวรสชาติใหม่ "สิงห์ ยูซุ เลมอน โซดา" ชูความเปรี้ยวซ่า หอมหวานสดชื่น แบบไม่มีน้ำตาล ไม่มีแคลอรี่ เข้าทำตลาดเสริมทัพ “สิงห์ เลมอน โซดา” ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
เมื่อมองเข้ามาที่ภาพรวมตลาดน้ำอัดลมกระป๋องทั้งสูตรมีน้ำตาลและสูตรไม่มีน้ำตาล แล้ว จะพบว่า มีมูลค่าประมาณ 13,172 ล้านบาท สิงห์ เลมอน โซดา เข้าทำตลาดเมื่อปลายปี 2563 ที่ผ่านมา และสามารถสร้างมาร์เก็ตแชร์ได้ 4% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 มียอดขายเติบโตกว่า 1-2 เท่าตัว ทั้งช่องทางห้างค้าปลีกสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรด และช่องทางร้านสะดวกซื้อ ซึ่งการออกสินค้ากลิ่นและรสชาติใหม่ๆ เสริมพอร์ตโฟลิโอ การทำตลาดอย่างต่อเนื่องนั้น สิงห์มีการตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโตมากกว่า 20% ต่อเนื่องทุกปี
เป็นการอีกการขยายพอร์ตสินค้าที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว....
#BrandAgeOnline #Singha #สิงห์ #สิงห์เลม่อนโซดา
- 15
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
