24 ก.พ. 2022 เวลา 02:00 • กีฬา
" ท่าหวดกอล์ฟในตำนานของเบลลามี่ "
ลิเวอร์พูล ยังคงมีความเป็นทีมที่เก่งฟุตบอลถ้วยอยู่เสมอ แม้แต่ในยุคที่พวกเขาไม่ได้มีทีมที่มั่นคงแน่นอนพอจะลุ้นแชมป์ลีก
สมัย ราฟา เบนิเตซ มาปีแรกก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ทันที
เว้นวรรคไป 1 ปี พอเข้าซีซั่น 2006/07 ลิเวอร์พูล ก็ยังมีผลงานในลีกไม่เอาอ่าว แต่บนเวทียุโรปแล้ว พวกเขาไม่กลัวใคร
1
ยกตัวอย่างเช่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของปีนั้น พวกเขาเจอกับ บาร์เซโลน่า ....
บาร์ซ่า คือเจ้าของแชมป์ปี 2005/06 ขณะนั้น ลิโอเนล เมสซี่ เพิ่งขึ้นชั้นมาใหม่ๆ โรนัลดินโญ่ ยังอยู่ในสภาพร่างกายที่ดี และมี ชาบี คุมเกมกลางสนาม แนวรับมี การ์เลส ปูโยล กองหน้าตัวเป้าเป็น ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า เพราะ ซามูแอล เอโต้ ลงสนามไม่ได้
แต่สุดท้ายเป็นลิเวอร์พูล ที่ผ่านเข้ารอบด้วยกฎอเวย์โกล
เลกสองแพ้คาแอนฟิลด์ 1-0 แต่ผลงานสุดยอดของพวกเขาคือการบุกไปเอาชนะเจ้าถิ่นถึง คัมป์ นู 2-1 เลกแรก แม้จะตกเป็นฝ่ายตามหลังก่อนจากลูกโขกของ เดโก้
ประเด็นคือ คนทำ 2 ประตูให้กับลิเวอร์พูล ในเกมนั้นคือ เครก เบลลามี่ และ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่
ท่าดีใจหลังโหม่งตีเสมอให้ทีมของ เบลลามี่ คือ ท่าหวดกอล์ฟ ยังเป็นภาพที่แฟนบอลจำได้เป็นอย่างดี
แล้วมันต้องเป็น 2 คนนี้ด้วยนะ! ที่เป็นต้นเรื่องของการที่ เบลลามี่ ฉลองด้วยท่าหวดกอล์ฟแบบนั้น
เรื่องของเรื่องคือในเดือนกุมภาพันธ์ 2007 ก่อนเกมกับบาร์เซโลน่า มันมีช่วงพักยาวเล็กน้อย ราฟา เบนิเตซ พาลูกทีมไปเก็บตัวยังสถานที่อากาศอุ่นกว่าใน อัลการ์ฟ ประเทศโปรตุเกส
กุนซือชาวสเปน ได้อนุญาตให้นักเตะดื่มฉลองกันได้ในคืนสุดท้ายก่อนกลับ แต่ปรากฎว่ามันเป็นการฉลองที่เลยเถิด จนในที่สุดทำให้ เบลลามี่ กับ รีเซ่ ขัดแย้งกัน
เครก เบลลามี่ เล่าเหตุการณ์คืนนั้น ในเวอร์ชั่นของเขาเอาไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติ โดยเขาเรียก รีเซ่ แบบที่คนอื่นๆ เรียกกันว่า จิ๊งจ์ (Ginge) ย่อมาจาก Ginger ที่แปลว่าไอ้หัวแดง เพราะ รีเซ่ เป็นคนผมแดง
"จิ๊งจ์ (รีเซ่) เป็นคนนิสัยดีเลยนะ"
"เขาค่อนข้างทำตัวเป็นเด็ก เขาชอบแข่งขันจนเว่อร์ ถ้ามีการแข่งกันว่าใครจะเตะบอลไปชนคานได้มากสุด เขาจะอยากเป็นผู้ชนะจนบ้าคลั่ง"
"เราชอบล้อเขาเรื่องนี้ แล้วชอบยุเขาทำนองว่า 'ฉันพนันได้เลยว่าจิ้งจ์ ทำเรื่องนี้ได้'
"คืนนั้นที่ วาลี่ ดู โลโบ ผมกำลังนั่งอยู่กับ สตีฟ ฟินแน่น ซึ่งเป็นรูมเมตผม แล้วก็ ซามี่ ฮูเปีย กับ จิ๊งจ์"
"ผมบอกจิ๊งจ์ ว่าเขาต้องไปร้องเพลงนะ ผมอาจจะพูดซ้ำไป 2-3 หน เขาตอบว่าเขาไม่อยากร้อง"
"ผมก็เลยพูดไปอีกครั้งและเขาก็สวนกลับ เขาทำเป็นหงุดหงิด เขาลุกขึ้นแล้วก็ตะโกน 'ฟังนะโว้ย' เขาโวยวาย 'กูไม่ร้อง แล้วกูรำคาญที่มึงเอาแต่พูดอยู่นั่นแหละ' "
"ซามี่ บอกผมว่าอย่าไปใส่ใจเขาเลย จิ๊งจ์ ก็รีบออกไปจากนั้นไม่นาน แต่ยิ่งเริ่มมืด และผมดื่มไปเยอะขึ้น มันก็เริ่มกัดกินสติผม"
"ในตอนนั้น ตัวตนผมตอนนั้น ผมไม่รู้ว่าจะคุมอารมณ์ยังไงถ้ามีใครมาหยามผมต่อหน้านักเตะคนอื่นๆ"
"ผมเป็นหนึ่งในคนที่นิสัยเลวที่สุดเวลาเมา การดื่มเหล้ากับผมนี่เข้ากันไม่ได้เลยจริงๆ"
"หลังจากนั้นสักพัก ผมบอกฟินแน่นว่าเราจะออกไปกัน ผมบอกเขาว่าผมอยากไปเคลียร์กับจิ๊งจ์"
"'กูไม่ยอมหวะ' ผมบอกกับฟินนี่ 'เมิงพูดเรื่องไรเนี่ย?' เขาถามผม 'ไอ้หัวแดงนั่นแม่งกวนตีน มันจะพูดแบบนั้นกับกูไม่ได้' ผมตอบเขาไป"
"ฟินนี่ ก็บอกผมว่าปล่อยผ่านมันไปเหอะ เขาบอกว่าให้ผมลืมๆ ไปซะ แล้วไปนอนดีกว่า 'กูไม่ปล่อยผ่านเว้ย' ผมตอบ 'กูจะไปหามันที่ห้อง'"
1
"ฟินนี่ บอกให้ผมใจเย็นๆ 'อย่าเลย กลับห้องเราดีกว่า' เขาบอก แล้วเขาก็พยายามปล่อยมุกให้ผมขำ เหมือนผู้คุมกำลังสงบสติอารมณ์คนบ้า เรากลับไปห้องเรา แต่มันก็ยังติดอยู่ในใจผม"
"เรามีเลาน์จที่ใช้ร่วมกันหลายห้องนอนที่ชั้นบน ไม้กอล์ฟเราอยู่ในเลาน์จนั้น ผมดึงออกมาอันนึงเพราะผมหงุดหงิดกับสิ่งที่จิ๊งจ์ทำกับผม มันเป็นเหล็ก 8 ผมลองซ้อมเหวี่ยงไปมา 2-3 หน 'ไป ไปหามันกัน' ผมพูด"
"ผมแค่ต้องการยั่วโมโหจิ๊งจ์ สักหน่อย เขาเคยลองทำแบบนั้นกับผมมาหนสองหนตอนซ้อม เขาจะเข้ามาแซะผมจากด้านหลัง ผมจะหันขวับไปหาเขาแล้วคิดในใจ 'ไส้หัวไป๊ จิ๊งจ์'"
"เราก็เลยเดินไปที่ห้องเขา และเคาะประตู ไม่มีใครตอบรับ ผมเลยลองเปิดประตูและมันก็เปิดออก ผมพาตัวเองเข้าไปในห้องและเปิดไฟ จิ๊งจ์นอนอยู่บนเตียง"
"เขาหันหลังให้ผมและเอามือปิดตาเพราะเพิ่งเปิดไฟ"
"ผมเอาไม้กอล์ฟไถไปที่หลังเขา คุณบอกว่ามันเป็นการหวดไม่ได้หรอกนะ มันก็เหมือนแค่เอาไม้ไปขูดหลัง ถ้าผมหวดจริงๆ เต็มวงไม้กอล์ฟก็คงไปฟาดเพดานแน่ ส่วนฟินนี่ ตอนนั้นหลบอยู่หลังประตู"
"จิ๊งจ์ ตกใจ เขารีบเอาผ้าห่มมาม้วนตัวทันที 'ถ้าเมิงลองพูดกับกูแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นอีกละก็ กูจะเอาไอ้นี่ฟาดหัวมึง' ผมบอกเขาไป"
"นี่เมิงฟังนะกูไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นนะเว้ย!' เขาบอก 'อย่า มึงตั้งใจ!' ผมตะโกนกลับ 'เปล่า กูเปล่าจริงๆ' เขายืนยัน 'มึงตั้งใจ' ผมย้ำอีกรอบ 'หลายหนแล้วที่มึงทำเป็นแอ็กใส่กูต่อหน้าคนอื่น แต่มันจะไม่มีอีกแล้ว'
"ผมเริ่มเครื่องติดแล้ว อย่างที่คนเวลาดื่มไปเยอะๆ ทำกันนั่นแหละ ผมขู่เขาไปหลายหน 'แล้วถ้ามึงมีปัญหากับที่กูพูดนะ พรุ่งนี้มาเจอกูที่ห้อง' ผมบอกเขา 'อย่าเอาไปโพนทะนากับใครล่ะ'"
"ตอนนี้พอผมมองย้อนกลับไปในสิ่งที่ผมทำ ผมรู้สึกแย่ มันทุเรศมาก มันเป็นการกระทำที่โง่ขั้นสุด ผมเมา แล้วมีพฤติกรรมคุกคามคนอื่น"
"สุดท้าย ผมก็ออกจากห้องมา พอฟินนี่ กับผม กลับไปที่ห้องเรา พวกโค้ชก็มาถึงนอกห้องและนักเตะทุกคนก็เดินมากันหมด"
"พวกเขามาจ๊ะเอ๋กับเราตรงโถงทางเดินโดยไม่รู้เลยว่ามันเพิ่งเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ทะยอยกันเข้าไปในเลาน์จ"
"มันเป็นคืนที่สุดเหวี่ยง ไม่มีใครสักคนสังเกตเห็นไม้กอล์ฟในมือผม หรือถ้าพวกเขาเห็น พวกเขาก็ไม่ได้พูดมันขึ้นมา ดังนั้น ค่ำคืนก็ดำเนินต่อไป เรียกว่าเลาน์จแตกก็แล้วกันคืนนั้น"
"โซฟา พลิกคว่ำ, โคมไฟหลุดตกลงมา, จังหวะนึงมีคนขว้างจานแตกและมันไปเฉี่ยวหัวใครสักคนจนเลือดไหล พอตอนที่ผมกลับเข้าห้องไปนอน เลาน์จนั้นมันก็อยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้แล้วล่ะ"
"สิ่งต่อมาที่ผมรู้ก็คือ ฟินแน่น มาเคาะประตูห้องผม 'เจ้านายกับปาโก้ อยู่ชั้นล่าง' เขาบอก 'ชิบหายแล้ว' ผมคิดในใจ เพราะมันมีหลายเหตุผลที่พวกเขาจะรออยู่ชั้นล่าง"
(อาเยสตาราน - ผู้ช่วยราฟา)
"ผมลงไปข้างล่าง มันเป็นภาพที่ไม่สวยนักหรอก ราฟากับผู้ช่วยของเขา ปาโก้ อาเยสเตราน นั่งอยู่ที่โซฟา ซึ่งพวกเขาคงช่วยกันยกตั้งกลับมาด้วยตัวเอง"
"ราฟา - ชายที่มีระเบียบและสั่งการคนที่สุดเท่าที่ผมรู้จัก - อยู่ท่ามกลางฉากที่เละเทะที่สุด มีทั้งจานแตกและโคมไฟพังระเนระนาดไปทั่ว มันกำลังบ่งบอกถึงความไร้ระเบียบโดยสิ้นเชิง"
"ราฟามองมาที่ผมและบอกผมว่าไปใส่รองเท้าซะ ก่อนจะเหยียบเศษแก้วบาดเท้า 'ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ เพิ่งมาที่ห้องฉัน แล้วบอกว่าแกเอาไม้กอล์ฟไปหวดเขา' ราฟาพูด 'ผมคงไม่พูดว่าผมเล่นงานเขา จริงๆ หรอก' ผมตอบ ผมก็เล่าเหตุการณ์เวอร์ชั่นของผมไป ผมอยู่ในโหมดสำนึกผิดเต็มที่"
"ราฟา ดูมึนงงมาก ปรากฏว่าเขาเองก็มีคืนที่สุดเหวี่ยงของเขาเองเหมือนกัน"
"สักพักต่อมา ดูเด็ค ปรากฎตัวพร้อมกับรอยถลอกแดงตรงข้างแก้ม 'เกิดเชี่ยอะไรขึ้นกับเจอร์ซี่?' ผมถาม"
"ปรากฎว่าหลังจากผมแยกตัวออกมาเมื่อคืน มันก็ยิ่งเละเทะ เจอร์ซี่ ไม่ยอมออกจากบาร์ที่เลาน์จ ก็เลยมีการเรียกตำรวจมา จนเขาต้องไปนอนในซังเต ราฟา ต้องไปประกันตัวเขาออกมา"
"ผมรู้สึกโล่งใจจริงๆ 'นั่นมันแย่กว่าเรื่องที่กูทำเยอะเลย' ผมคิด ในจังหวะที่ผมมองไปที่เจอร์ซี่ 'เรื่องนี้อาจจะช่วยชีวิตกูหวะ' แต่ ภาพมโนของผม มันก็อยู่ได้ไม่นานหรอก"
ต่อมา เบลลามี่ ขอโทษต่อ รีเซ่ และเขาโดนปรับเงินค่าเหนื่อย 2 สัปดาห์
แต่เหมือนอย่างกับบทถูกเขียนไว้ เพราะเมื่อกลับมาลงเล่น พวกเขาก็ช่วยกันทำคนละประตู ให้ลิเวอร์พูลพลิกเอาชนะบาร์เซโลน่า ได้อย่างยอดเยี่ยม
สื่อเล่นข่าวกันใหญ่ เรียก เบลลามี่ว่า Nutter with a putter หรือ "ไอ้งั่งถือไม้กอล์ฟ"
พอทำประตูบาร์ซ่าได้ เบลลามี่ เลยฉลองด้วยท่าหวดกอล์ฟมันเสียเลย!
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา