23 ก.พ. 2022 เวลา 15:39 • ไลฟ์สไตล์
สัปดาห์ที่ 12 : กระบี่ เกาะห้อง และผองเรา
12/52 (52 สัปดาห์แห่งความต่อเนื่อง)
มีคนกล่าวว่า “คนที่มาทะเล ไม่หนีร้อน ก็หนีรัก” ฉันได้ยินคำกล่าวนี้บ่อยๆ แต่ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น และสำหรับฉันการมาทะเลครั้งนี้ก็คือ “การหนีมาเท่ียวกับเพื่อน” จริงๆจะเรียกว่าหนีก็ไม่ได้ เพราะว่าฉันลาพักร้อนอย่างถูกต้อง แบบไม่มีข้อกังขาใดๆทั้งสิ้น
ฉันขอเล่าเรื่องการิเริ่มทริปนี้สักเล็กสักน้อย จริงๆ พวกเราวางแผนว่าจะมาเที่ยวกระบี่ตั้งแต่ปีที่แล้ว นำทีมโดยนุ่นเพื่อนฉัน แต่สุดท้ายแล้วมหันตภัยโควิดก็ทำให้แผนของเราล่มแล้วล่มอีก ล่มครั้งแล้วครั้งเล่า พอจะมานัดกันปลายปีเพื่อนแต่ละคนก็ไม่ว่าง ติดนู้นติดนี้ติดภารกิจพิชิตฝัน ฉันก็เลยต้องนัดเพื่อนทุกคนมากางปฏิทินประจำปี แล้วก็ลงวันที่ชัดเจนจนพบว่า ช่วงเดือนกุมภานี้แหละเหมาะสมที่สุด รอบนี้เราลงมติชัดเจน “ใครไม่ไปเราเท ใครโลเลเราทิ้ง” แล้วพวกเราก็ได้ไปกระบี่สมใจในที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีเพื่อนคนหนึ่งที่อดไป แต่เราจะไม่กล่าวถึงในที่นี้ 555
ต้นสัปดาห์จันทร์ถึงพฤหัส ฉันทำงานด้วยความกระตือรือร้นเป็นพิเศษ เพราะว่าใกล้จะได้ไปเที่ยว อยากจะออกกำลังกายฟิตเนสก็ปิดชั่วคราวเนื่องจากมีคนติดโควิด ฉันก็เลยใช้ชีวิตไปกับ Netflix แล้วก็หยุด IF ไปด้วย ฉันไม่มีเหตุผลในการหยุด แค่รู้สึกว่าใจมันไม่ได้ เวลาใกล้จะไปเที่ยวหรือช่วงไปเที่ยวฉันมักจะสติแตก ไม่ค่อยอยากลดน้ำหนักใดใดทั้งนั้น
คืนวันจันทร์ฉันกินเนื้อย่างแบบญี่ปุ่น อร่อยดี เสียแต่คนเยอะไปหน่อย ส่วนคืนวันพฤหัสก่อนเดินทาง ฉันนัดเพื่อนที่ห่างหายไปนาน จริงๆก็ไม่นานเท่าไหร่เพราะเพิ่งเจอกันเมื่อเดือนที่แล้วตอนไปน่าน ก็คือเพื่อนนุ่นนั่นเอง เพื่อนนุ่นจัดแจงหาร้านสเต็กอย่างดี อร่อยมีคุณภาพสมราคา ไว้ต้อนรับเพื่อนอย่างฉันที่นานๆจะเข้ากรุงที ส่วนเพื่อนม้าก็เทพวกเราอย่างช่วยไม่ได้ เธอสารภาพเหตุผลที่เทก็คือไม่มีชุดใส่ไปทะเล เนื่องจากร่างกายที่ขยายใหญ่มากขึ้นตามภาระงานที่หนักอึ้งของเธอ เธอจึงต้องไปซื้อเสื้อผ้าให้เหมาะกับสรีระ จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่จะต้องเทพวกเราในงานนี้
เมื่อฉันมาถึงร้านสเต็ก ฉันก็จัดหนัก สั่งอาหารอย่างยิ่งใหญ่ให้สมกับที่ไม่ได้กินเนื้อดีๆมานาน ฉันสั่งเนื้อ Tomahawk 1.3 กิโล ย่างแบบ medium rare จากนั้นก็สั่งซุปทรัฟเฟิล แกะแดดเดียว และก็ Roasted Tomato with Burrata salad พอนุ่นมาถึงก็ได้กินพอดี ทุกอย่างนั้นอร่อยหมดจากนั้นก็ไม่แคล้วต้องจิบไวน์โลกเก่าสักหน่อย ฉันจำชื่อไวน์ไม่ได้เพราะไม่ถนัด แต่ไวน์ที่นุ่นเลือกนั้นอร่อยคล่องคอ กินง่ายๆแบบ Full body จิบไปคุยกันไปวางแผนเที่ยวในฝันเมื่อวันที่โควิดได้จบลง เราอยากจะไปกันหลายที่ แต่หนึ่งในนั้นคือไปเทรคกิ้ง ที่ Bhutan พอพูดถึงการการเทรคกิ้งฉันก็มองพุงตัวเองหนึ่งที แล้วสำนึกว่ากลับจากเที่ยวรอบนี้คงต้องเริ่มกดน้ำหนักลงอีกครั้ง
วันศุกร์ฉันออกจากคอนโดตั้งแต่หกโมง มาถึงสนามบินในอีกครึ่งชั่วโมง เจอนุ่นเป็นคนแรกเช่นเคย เราไปนั่งกินปาท่องโก๋ และโจ๊กไก่ในเล้าจ์ของสายการบิน ก่อนจะออกไปสมทบกับม้าและป้าบี พอเจอหน้ากันครบองค์ประชุม ความเม้าท์ก็เริ่มตามมา ม้าแต่งชุดราวกับจะไปเก็บเปียแชร์ มาด้วยไข่มุกแพรวพราว และกางเกงเลแบบทันสมัย ส่วนป้าบีก็คงไปงานพรอมสักแห่งบนโลกใบนี้ ผ้าคงผ้าคุมมาเต็ม ส่วนฉันผู้ที่ใส่เสื้อฮาวายตลอดเวลาในช่วงนี้ ไม่ว่าจะน่านหรือเชียงใหม่ ไม่ว่าทะเลหรือภูเขาก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม เสื้อฮาวายทำให้ดูไม่อ้วน ส่วนนุ่นก็ใส่ชุดราวกับจะไปเดินห้างแถวบ้าน ไม่มีใครนัดกันใส่ชุด ไม่มีการกำหนดธีมในการเดินทาง ถือว่าเป็นความผิดพลาดของเราในครั้งนี้ ซึ่งเป็นบทเรียนที่จะต้องแก้ไขในครั้งถัดไป เพราะว่าครั้งนี้เราแต่งตัวด้วยหกคอนเซปต์ “ไปเที่ยวด้วยกันอย่างไร ให้เหมือนไปคนละงาน”
เมื่อมาถึงกระบี่ตอนสิบโมง อากาศสดใสไร้เมฆหมอกใดๆ มีพยากรณ์ว่าฝนจะตก ฉันก็เลยสั่งให้ม้าไปปักตะไคร้ แต่ว่าไม่มีตะไคร้จริงๆ ก็เลยให้ม้าปักตะไคร้ทิพย์ไปก่อน เพราะถ้าม้าปักตะไคร้จริงๆ แผ่นดินกระบี่จะฝนแล้งไป 8000 ปี กลายเป็นทะเลทรายแบบนามิเบีย แต่การปักตะไคร้ทิพย์ของม้าก็ได้ผลจริงๆ นี่แค่นางคิดว่าจะปักตะไคร้ ฝนที่ตั้งเค้าก็ยังหลบลี้หนีหน้าราวกับหนีหนี้กันขนาดนี้ ถ้าปักจริงๆจะขนาดไหน ไม่เกิดทุพภิกภัยขนานใหญ่หรอกหรือ
ก่อนจะไปเช็คอินรีสอร์ท พวกเราแวะกินอาหารเที่ยงท่ีร้านแห่งหนึ่ง กินอาหารริมแม่น้ำที่มีป่าโกงกาง พวกเราสั่งแกงคั่วดุกเล ปูนึ่งหนึ่งโล ปูนิ่มผัดพริกเกลือ หมูฮ้องซึ่งมันมากแต่ก็อร่อย ผักเหมียงผัดไข่ หอยชักตีนเผา กุ้งผัดกะปิสะตอ ทุกอย่างอร่อยหมดสำหรับฉัน ยกเว้นหอยชักตีนที่ไม่ยอมชักตีนออกมาทำให้แคะไม่ได้ พวกมากันสี่คนแต่ทุกอย่างก็หมดเกลี้ยงไม่เหลือหรอ นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับเก้าของโลกใบนี้เลยทีเดียว
พวกเรามาเช็คอินที่พักบริเวณหาดทับแขก แล้วก็ปลาบปลื้มกับวิวของทะเลที่ไม่ได้เห็นมานาน สูดกลิ่นทะเลและผืนทราย จากนั้นก็นอนพักสักเล็กน้อย ก่อนจะไปนอนนวดกันต่อที่สปา พอนวดเสร็จพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว จึงไปดินเนอร์ที่ห้องอาหารอิตาลีของรีสอร์ท แล้วก็กลับห้องไปเล่น pool villa สนุกสนานไปกับการเม้าท์มอย เป็นการละลายพฤติกรรมในหมู่เพื่อนฝูง การได้เล่นน้ำ พูดคุยสนทนา นับเป็นกิจกรรมที่ไม่มีสิ่งใดทดแทนได้ การพูดคุยที่ไม่มีมือถือเข้ามาเกี่ยวข้อง พลัดกันเล่าเรื่องราว อัพเดทชีวิต และที่สำคัญพวกเรายังอัพเดทความรู้ทางโลกและทางธรรมให้กันและกันอีกด้วย
ชีวิตวัยสามสิบกว่าปี เป็นชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย เห็นโลกมาสักพัก ได้รับความสุขทางโลกมาก็ไม่น้อย แต่ก็โดนพายุแห่งความทุกข์ทางโลกพัดกระหน่ำมาระดับหนึ่งเช่นกัน เราเห็นชีวิตและเราก็วางแผนชีวิต และก็เผื่อใจสำหรับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นด้วย เมื่อชีวิตนั้นไม่จีรัง สรรพสิ่งก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะด้านเทคโนโลยีหรือพลวัตของสังคม พวกเราเป็นชาวเจนวาย (Gen Y) ผ่านยุคที่อนาล็อกเฟื่องฟูแล้วก็ดับไป จนกระทั้งผ่านมาถึงยุคดิจิตัล โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ พวกเราต่างมองเห็นสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง “มนุษย์ยังมีความทุกข์เหมือนเดิม” แม้ว่าจะสะดวกสบายมากขึ้น และไม่ว่าใครก็มีความทุกข์เช่นกัน
วันเสาร์ท้องฟ้าแจ่มใสกว่าเดิม พวกเราไปเกาะห้อง นั่งเรือจากรีสอร์ทไปประมาณสามสิบนาที ทะเลใสแจ๋วที่เกาะห้อง ทรายละเอียดงดงาม และภารกิจสามชั่วบนเกาะห้องก็เริ่มต้นขึ้น ภารกิจแรกเดินทางสู่จุดชมวิวที่สูงขึ้นไป 400 กว่าขั้น ฉันกับม้าเหนื่อยหอบ ม้าปากซีดเหมือนจะเป็นลมยาดมก็ไม่ช่วย ส่วนนุ่นกับป้าบีสบายๆ การปีนครั้งนี้บอกเป็นนัยถึงภาวะสุขภาพของเรา ฉันไม่ค่อยได้ออกกำลังกายคาร์ดิโอจึงทำให้เหนื่อยง่ายกว่าปกติ ส่วนม้าเพื่อนที่รักของฉันผู้ที่วันๆทำงานไม่เว้นว่าง ก็แทบไม่ได้ออกกำลังกายเลย แต่อย่างไรก็ดีพอเราไปถึงบนจุดชมวิว เราก็ได้พบกับวิวที่สวยงามของเกาะห้องและห้วงทะเลทั้งมวล
พอพวกเรามาถึงพื้นราบ พวกเราก็สั่งมะพร้าวกันคนละลูก ฉันกับม้าวิ่งไปเล่นทะเลเหมือนเด็กๆ เราลอยคอ สนุกและมีความสุขกับทัศนียภาพที่เห็น ไม่มีเรื่องให้ต้องกังวล มีเพียงทะเล หาดทรายขาว ต้นมะพร้าว ต้นจิกทะเล และหน้าผามหึมาที่อยู่เบื้องหน้า ธรรมชาตินั้นงดงามและเป็นของจริง เสียงคลื่นทำให้จิตใจสงบสุข ณ เวลานั้น ณ สถานที่นั้น ฉันกลายเป็นแค่ส่วนหนึ่งและก็กลายเป็นทั้งหมด ฉันไม่ได้แปลกแยกและไม่ได้แตกต่าง ฉันไม่มีอดีตและไม่มีอนาคต มีแค่ปัจจุบันขณะแห่งชีวิต ฉันเป็นเพียงสำนึกอันบอบบางของจักรวาล และก็เป็นเพียงละอองธุลีของจักรวาล ฉันได้แต่จ้องมองไปยังทัศนียภาพนั้น สงบสุขอยู่ภายใน ไม่วุ่นวาย ไม่ต้องการอะไร เพียงซึมซับสิ่งต่างๆเข้าไป สายลมที่พัดอยู่เหนือยอดมะพร้าว คลื่นเบาๆที่พัดชายหาด ฉันปล่อยตัวให้คลื่นสัดสาด ให้ลมปะทะหน้า ให้แดดเอิบอาบ ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทั้งหมด
ม้าพาฉันออกจากภวังค์ ไปหานุ่นเพราะเวลาสามชั่วโมงใกล้หมด นุ่นกับป้าบีนอนแผ่บนผืนทราย ไม่มีผ้ารอง ทั้งสองคนหลับไปซักพักหนึ่งด้วยอิทธิพลของลมทะเลและเสียงคลื่นที่พัดมา พวกเราหมดเวลาบนเกาะสวรรค์แห่งนี้ เรากำลังจะกลับไปรีสอร์ทอีกครั้งเพื่อกินอาหารกลางวันและพักผ่อน ก่อนที่จะไปเล่นน้ำพายเรือคะยักตอนบ่ายสี่โมงเย็น น้ำลงเยอะมาก พวกเราเดินไปไกลมากก่อนจะถึงทะเล ม้าและนุ่นไปพายแพดเดิลบอร์ด ม้าพยายามจะทรงตัวบนแพดเดิลบอร์ด แต่ทว่าก็ทำไม่ได้ ม้าบอกว่าตัวเองมีความผิดปกด้านความสมดุลร่างกาย ซึ่งฉันคิดว่าเป็นข้ออ้างที่ฟังขึ้น ส่วนฉันกับป้าบีพายเรือมองดูสองคนนั้นอย่างห่างๆ ห่างมากๆ แต่ก็ห่วง ห่วงว่ากระแสน้ำกำลังจะพัดพาสองคนนั้นไปจนถึงชายแดนพม่าในที่สุด สุดท้ายสองคนนั้นก็เลิกพยายาม และเดินกลับมาหาเรา
ขณะท่ีป้าบีกำลังขึ้นจากเรือที่พายกันอยู่ ป้าบีก็เผอิญทำแว่นที่ม้าฝากไว้ตกไปในทะเล พวกเราพยายามหาอยู่นานก็ไม่เจอ อารมณ์แบบงมแว่นในมหาสมุทรอินเดีย ป่านนี้ทรายคงทับถมแว่นไปหมดแล้ว น้ำทะเลก็ขุ่นมาก แต่เนื่องจากปางเซ่เว่นเซ้นส์ของนุ่นได้ตื่นขึ้นมา นุ่นเชื่อว่าเราจะหาเจอถ้านำ้ลดลงกว่านี้ พวกเราจึงพักยกเลิกหาก่อน กลับไปห้องพักรอให้น้ำลดกว่านี้ ผ่านไปหนึ่งชม. พวกเราก็กลับไปหาแว่นกันใหม่ ฉันอาสาเฝ้าห้อง เพราะคิดว่าแว่นนั้นคงไม่มีวันเจออีกแล้ว อารมณ์แบบสสารไม่มีวันสูญหายจากโลกแต่ท้องทะเลได้รับฝากสสารนั้นไว้แล้วและเราไม่มีสิทธิเอาคืน พอฉันอาบนำ้เสร็จ ม้าก็วิ่งรี่กลับมาที่ห้องพร้อมกับแว่นตาที่ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าจะหาเจอ ฉันต้องยอมรับว่านุ่นที่ปางเซ่เว่นเซ้นส์ตื่นนั้นมีของจริงๆ
พระอาทิตย์ตกเริ่มตกดินลับฟ้าของหาดทับแขก น้ำลงไปมากเกือบจะเดินไปเกาะห้องได้อยู่แล้ว ฉันมองท้องฟ้า มองพระอาทิตย์ วินาทีที่พระอาทิตย์ได้ลับสายตาไปนั้นแสนจะอบอุ่นหัวใจ วันนี้เป็นวันที่ดี พวกเรายืนมองท้องฟ้าอยู่นาน จากสีส้มกลายเป็นสีม่วงอมชมพู อาหารค่ำเริ่มต้นขึ้นด้วยกับข้าวสิบอย่าง ไวน์หนึ่งขวด เพลงไพเราะที่นักร้องกำลังขับขาน …เธอเห็นท้องฟ้านั้นมั้ย ฉันเก็บเอาไว้ให้เธอ และจะเป็นเช่นนั้นเสมอ ถนนสายนั้นที่ทอดยาว มีเรื่องราวของความเป็นจริง มีเงาไม้เอาไว้ให้พักพิง มีให้เธอเอาไว้ยามอ่อนล้า เธอเห็นท้องฟ้านั้นไหม เห็นเงาของเมฆหรือเปล่า ทะเลสีครามที่ทอดยาว เห็นความรักฉันบ้างไหม… ขอบคุณวงทีโบนที่สร้างเพลงนี้ขึ้นมา และขอบคุณนักร้องที่ร้องเพลงเข้ากับบรรยากาศพอดี
วันวานได้ผ่านไป วันคืนเริ่มขึ้นแล้วก็จบลง พวกเรานั่งดูทะเลสีดำยามคำ่คืน ฟังเสียงคลื่น พูดคุยกันบนหาดทราย ผู้มีวาสนาต่อกันจะได้เจอกันในที่สุด แสงดาวเริ่มเห็นอยู่รำไร กลุ่มดาวนายพรานและดาวไถทอดตัวอยู่เหนือศรีษะของเรา โลกนั้นงดงาม ผู้มีตาก็ย่อมมองเห็น ผู้มีหูก็ย่อมได้ยินเสียงอันไพเราะ และผู้มีหัวใจย่อมสัมผัสความละมุนละม่อมเหล่านั้นได้ ก่อนจะกลับห้องฉันเห็นดาวตกแต่ฉันอธิษฐานไม่ทัน แต่ถ้าฉันขอได้อย่างหนึ่ง ฉันขอให้ฉันได้สนุกสนานกับเพื่อนๆแบบนี้ไปอีกนานๆ
ปูน2XL
เพลงน่าฟังสัปดาห์ที่ 11: It’s a beautiful day by Evan McHugh
โฆษณา