24 ก.พ. 2022 เวลา 10:01 • คริปโทเคอร์เรนซี
สรุปประเด็น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกับตลาดคริปโตยังไงบ้าง ?
ช่วงนี้ไม่มีอะไรร้อนแรงไปกว่ากระแสสงครามของรัสเซีย และยูเครนอีกแล้ว ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ที่พาคริปโต และหุ้นร่วงกันเป็นแถบ ๆ บางคนพอร์ตติดลบไปเกิน 50% แล้ว!!
ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไรและจะส่งผลต่อตลาดคริปโตยังไงบ้าง? เดี๋ยวแอดสรุปให้ฟังค่า
🔴 #จุดเริ่มต้นสงครามยูเครน-รัสเซีย
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 1939-1945 ตอนนั้นเป็นช่วงสมัยสงครามโลกครั้ง 2 นานาประเทศต่างเข้ายึดดินแดนซึ่งกันและกันเพราะขัดแย้งกันในเรื่องของผลประโยชน์และความไม่ลงรอยด้านสนธิสัญญา บทสรุปคือฝ่ายพันธมิตรเป็นฝ่ายชนะสงคราม ส่งผลให้สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตที่เข้าร่วมฝ่ายนี้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลก ณ เวลานั้น
แต่ดังสุภาษิตที่ว่า เสือสองตัวไม่สามารถอยู่ถ้ำเดียวกันได้ หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดความขัดแย้งระหว่างขั้วมหาอำนาจด้วยกันเองขึ้น ก่อให้เกิดการแบ่งฝั่งออกเป็น 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายประชาธิปไตย (สหรัฐอเมริกา) และฝ่ายคอมมิวนิสต์ (สหภาพโซเวียต) โดยมีสาเหตุมาจากอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันและความขัดแย้งของผู้นำของชาติมหาอำนาจด้วยกันเอง ซึ่งเราเรียกช่วงนี้ว่า “สงครามเย็น”
2
โดยหลังจากผ่านไป 4 ปี ทางฝ่ายประชาธิปไตยได้จัดตั้ง NATO ขึ้นเพื่อสนับสนุนการทหารให้กับชาติพันธมิตรทั้ง 12 ประเทศ เพื่อเป็นเกราะป้องกันการรุกรานจากสหภาพโซเวียต และในปี 1991 สหภาพโซเวียตได้ล่มสลายลง ส่งผลให้สหภาพโซเวียตแตกออกเป็น 15 ประเทศปกครองตนเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีรัสเซียกับยูเครนรวมอยู่ด้วย และนี้เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว “การทำสงครามของรัสเซีย - ยูเครน” นั่นเองค่ะ
1
หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ยูเครนได้ตัดสินใจแยกออกห่างจากรัสเซีย และเพิ่มพูนความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกมากขึ้น รวมถึงผลักดันให้ตัวเองได้เข้าสู่สมาชิก NATO ด้วย จนในที่สุดปี 2008 ก็ประสบผลสำเร็จ NATO ได้ให้สัญญาว่าจะรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัว
1
และด้วยเหตุนี้เองทำให้รัสเซียไม่พอใจ เนื่องจากยูเครนเคยอยู่ในสหภาพโซเวียตมาก่อนและเปรียบเหมือนประเทศหลังบ้านของรัสเซียด้วย เท่ากับว่าการเข้าไปเป็นสมาชิกครั้งนี้กระทบต่อความมั่นคงของรัสเซียเต็ม ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นประชาชนในยูเครนก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับการที่ยูเครนจะไปซี้กับชาติตะวันตกกันซะหมด มีบางส่วนอยากไปควบรวมกับรัสเซียด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “ไครเมีย” เขตปกครองตนเอง ที่มีภูมิภาคอยู่ทางตอนใต้ของยูเครนและติดกับรัสเซีย
ทำให้รัสเซียที่นำโดย “ปูติน” ไม่รอช้าตัดสินใจส่งกองกำลังทหารเข้ายึดไครเมียในปี 2014 และปล่าวประกาศอย่างเป็นทางการว่า “ไครเมีย” ได้ผนวกเข้ากับรัสเซียแล้วเรียบร้อย แต่การยึดมาด้วยกองกำลังในครั้งนี้ค่อนข้างไม่เป็นธรรมและขัดต่อหลักสากล ทำให้ยูเครนและสหประชาชาติปฎิเสธที่จะยอมรับว่าไครเมียเป็นของรัสเซีย
จนสถานการณ์เริ่มบานปลายเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ทางรัสเซียได้ประกาศสงคราม ส่งกองกำลังทหารเข้าปะทะแนวชายแดน รัสเซีย-ยูเครนแล้ว ส่งผลให้ฝั่งชาติตะวันตกและผู้นำสหรัฐอเมริกาอย่างโจ ไบเดนไม่พอใจอย่างมาก ถึงกับประกาศว่า “ถ้ายูจะบุกยูเครนละก็ ได้เจอไอคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจแน่ !”
3
🔴 #ผลกระทบกับตลาดคริปโต
และนี่เองคือสาเหตุความเป็นมาของสถานการณ์ความตึงเครียดของรัสและยูเครนในปัจจุบัน (แจมด้วยอเมริกา) ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์ยังยืดเยื้อจนเกิดการทำสงครามขึ้นมาจริง ๆ สิ่งแรกที่จะได้รับกระทบเลยก็คือทรัพย์สินเสี่ยงอย่าง คริปโตหรือหุ้น เพราะคนจะกลัวและรู้สึกไม่ปลอดภัย ทำให้เงินไหลเข้าไปยังทรัพสินย์ปลอดภัย เช่น ทองคำหรือพันธบัตรแทน
และแน่นอนว่าสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความอ่อนไหวมาก อย่างน้ำมันก็จะปรับตัวในราคาสูงขึ้นด้วย เนื่องจากเมื่อเกิดสงครามแล้ว อาจทำให้รัสเซียมีอัตราการผลิตน้ำมันลดลง แต่ความต้องการน้ำมันทั่วโลกกลับมากขึ้น เพราะตอนนี้หลาย ๆ ประเทศก็กำลังฟื้นตัวจากวิกฤตโควิดแล้ว (Supply ลด Demand เพิ่ม)
แต่ ๆ ๆ ถ้าเพื่อน ๆ กำลังคิดว่าแบบนี้อันตรายแน่ ทั้งหุ้นทั้งคริปโตขายทิ้งไปให้หมดเลยดีกว่า แอดก็จะบอกว่า สต๊อปปป ใจเย็น ๆ ก่อนค่า เพราะถ้าเราดูจากสถิติการเกิดสงครามหรือเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่ผ่านมาแล้วนั้น การที่ทรัพย์สินเสี่ยงมีการปรับตัวลงและราคาร่วงเป็นเรื่องจริง แต่สิ่งที่น่าสนใจคือมีการ “ปรับตัวขึ้นได้รวดเร็ว” และ “กินระยะเวลาไม่นาน” ด้วยเช่นกัน
2
ยกตัวอย่างเช่น เหตุการณ์สะเทือนใจทั่วโลก ตอนที่ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินให้ชนตึก World Trade ในปี 2001 ทำให้ตลาดหุ้นดิ่งลงอย่างรวดเร็ว ดัชณีดาวโจนส์ก็ได้ร่วงลง 684 จุด หรือ -7.1% ในวันเดียว เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่มีการซื้อขายขาดทุนที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ แต่หลังจากนั้นเวลาไม่ถึง 2 เดือน ดัชณีดาวโจนส์ก็มีการปรับตัวขึ้นมาจุดเดิม แถมสูงกว่าเดิมด้วยซ้ำ
2
หรืออีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับเหตุการณ์ COVID-19 ขั้นวิกฤติ จนต้องถึงกับออกมาตราการ Lookdown ไปหลายประเทศในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาของ BTC ตอนนั้นหล่นฮวบลงถึง -50% จาก ATH แต่หลังจากนั้นไม่นาน BTC ก็ได้มีการกลับตัวและทำ ATH ใหม่อีกครั้งในระยะเวลาไม่เกินครึ่งปี..
ในทางกลับกันเมื่อเกิดวิกฤตอย่างภาวะสงคราม เศรษฐกิจพังพินาศ จะทำให้เกิดการพิมพ์เงินขึ้นมาอีกมหาศาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และแน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อที่ส่งผลให้เงิน Fiat มีมูลค่าลดลง ดังนั้นมีโอกาสสูงที่กระแสเงินจะไหลกลับไปยังสินทรัพย์ที่เป็นตัวกักเก็บมูลค่า เช่น ทองคำ หรือ Bitcoin มากขึ้น และนี่อาจจะเป็นตัวแปรที่ทำให้ทั้งตลาดคริปโตกลายเป็นขาขึ้นอีกครั้ง
แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้นะ อันนี้เป็นแค่การคาดการณ์ตามข้อมูลที่มี และความคิดของแอดเท่านั้น ยังไงก็อย่าลืมวางแผนสำรองไว้ทุกครั้งด้วย
ปล.นี่ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลด้วยตนเองก่อนทุกครั้ง
==========================
ถ้าชอบคอนเทนต์แบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดติดตามเพจไว้นะคะ จะได้ไม่พลาดสาระดี ๆ จากเพจของเรา
โฆษณา