27 ก.พ. 2022 เวลา 08:58 • หุ้น & เศรษฐกิจ
คำถามและการตั้งเป้าแบบนี้ไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลย อย่าไปฟังกูรูโม้มากเเกินไปค่ะ พาให้เหนื่อย กดดันและเครียด และหากเราคุยโม้จำนวนเงินเก็บในวัยนั้นให้คุณฟัง คุณอาจจะยิ่งเครียด แถมยังเอาไปเทียบกับตัวเอง กลัดกลุ้ม ท้อใจ เหนื่อยเบื่อ เซ็ง ไม่มีกำลังใจ ซึมเศร้า.....ยาวไปอีก
จากประสบการณ์ความมั่งคั่ง***ของเรา เกิดจากความขี้เหนียว ก้มหน้าก้มตาออมๆๆ อะไรแพงไม่เอา ไม่ติดแบรนด์ ถือไว้เฉพาะเพื่อการลงทุน เอาถูกๆ พอใช้ได้ เราจะตั้งงบประมาณตัวเองว่าแต่ละสัปดาห์เราจะใช้เงินไปกับอะไรเท่าไหร่ แล้วพอมาเป็นลูกจ้างเราก็จะโฟกัสจับตาดูแต่รายจ่ายตัวเอง ว่าหมดเปลืองไปกับอะไร ไม่ซื้อได้ไหม ดังนั้นเราจึงคล่องแคล่วในการเลือกซื้อของกินของใช้ เสื้อผ้าหน้าผม ทรงไหนจะประหยัดการเข้าร้าน ไม่ต้องไปสระไดร์ที่ร้าน (เรานับครั้งได้เลย) เสื้อผ้าสไตล์ไหนที่ประยุกต์เพื่อใส่ซ้ำๆได้ เสื้อผ้าจะซื้อใหม่ปีละครั้ง ตอนมันเซลล์ ทำอย่างไรจะรักษารูปร่าง เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องการต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ รวมถึงไม่ป่วยบ่อยๆ ผักผลไม้ซื้ออย่างไร ที่ไหนถูก
เปลี่ยนการตั้งเป้าเงินเกฺ็บ เป็นการตั้งเป้ารายจ่ายอย่างประหยัดเสียตั้งแต่วันนี้ เชื่อเราเถอะค่ะ สิ่งนี้มันจะปลูกฝังคุณในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท การประมาณตน การถ่อมตน คุณจะไม่มีวันเดือดร้อนเรื่องเงิน เรื่องกิน เรื่องใช้เลยค่ะ ลองดูกับมันสักตั้ง ลองสมมติตัวเองว่าแต่ละเดือน คุณมีรายได้เพียง 10,000 บาทถ้วนเท่านั้น! เริ่มจากตรงนี้ เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะงงตัวเองว่า "เงินเก็บงอกมาจากไหนวะนี่"
***ปล. คำว่ามั่งคั่ง หมายถึง ทรัพย์สินรวม มากกว่าหนี้สินรวมค่ะ คุณเพียงเช็คฐานะ และสถานะตัวเองจากสูตรนี้ คุณก็บอกคนอื่นได้แล้วว่า คุณไม่ใช่อภิมหาเศรษฐี แต่ก็ไม่ได้จน ยังมีกินมีใช้ พิสูจน์ได้ตามหลักวิชาการ!
ขอให้คุณมั่งคั่งนะคะ :)
โฆษณา