27 ก.พ. 2022 เวลา 09:01 • หนังสือ
รีวิว“สมุดเบาใจ” (สมุดที่ทุกคนควรเขียน...ก่อนตาย)
==============
เธอเคยตายไหม?
….แน่ล่ะว่าไม่เคย
(แล้วจะถามเพื่อ?)
แล้วเคยคิดไหมว่า เธออยากตายยังไง?
ช่วงใกล้ตาย เธอจะวางแผนชีวิตที่เหลืออยู่อย่างไร?
อยากบอกอะไรกับใครไหม?
…หรืออยากให้ใครทำอะไรให้?
อ้าว แล้วถ้าเกิดช่วงนั้น เธอสื่อสารไม่ได้ล่ะ จะทำยังไง??
อ้าวๆ อย่าเพิ่งเครียดไป
เธอไม่ต้องตอบฉันก็ได้
แต่ขอให้ตอบตัวเองได้ …ก็พอ
วันนี้ฉันมีตัวช่วยมาแนะนำ นั่นก็คือ
“ สมุดเบาใจ ” เล่มนี้
ที่ฉันจะมารีวิวให้ฟัง
แต่ก่อนอื่น ฉันขออธิบายเรื่อง “ผู้แทน”ก่อน
ผู้แทน หรือเรียกเต็มๆว่า ผู้แทนการตัดสินใจด้านสุขภาพ
เอาง่ายๆก็คือเป็นคนที่พูดแทนเราในช่วงบั้นปลายที่เราสื่อสารไม่ได้นั่นแหละ
จะเป็นใครก็ได้ที่เราไว้วางใจ เข้าใจความต้องการเราเป็นอย่างดี
และต้องมีความมั่นคง (เดี๋ยวจะอธิบายต่อไปว่าทำไม)
อนุญาตให้มีสองคน เผื่อคนแรกเป็นอะไรไป หรือ อยู่ในภาวะเศร้าโศก ทำหน้าที่ไม่ได้
โดยเราจะต้องบอกผู้แทนเอาไว้เนิ่นๆ ว่าเรามีสมุดเบาใจอยู่นะ เขียนไว้งี้ๆนะ อยากให้เธอมาเป็นผู้แทนให้
(พร้อมทั้งลายเซ็นกำกับ)
ต่อไปมาพูดถึงส่วนต่างๆของหนังสือกันบ้าง
สมุดเล่มนี้แบ่งเป็นทั้งหมด 9 Part
เราจะเริ่มทำตรงไหนก่อนก็ได้
ส่วนที่ 1 : แนะนำตัว
ไม่มีอะไรมาก Partนี้ก็แนะนำตัวตามปกติ อาจเล่าเรื่องราวชีวิตคร่าวๆพอสังเขป มีความปรารถนาที่จะบรรลุอะไรก่อนตาย?
 
ส่วนที่ 2 : ความต้องการของฉัน เมื่อเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของชีวิต
ในส่วนนี้ อาจสำคัญที่สุดในเล่ม
เพราะเป็นการอนุญาติให้หมอใช้เครื่องพยุงชีพเพื่อยื้อชีวิตเธอต่อไป
(เจาะคอ ใส่ท่อ ล้างไต ปั๊มหัวใจ ใช้ยากระตุ้นความดัน)
หรือจะยอมโอบรับความตายที่อยู่ตรงหน้า
…ด้วยลายเซ็นของเธอ ที่เซ็นเองกับมือ
ซึ่งการเซ็นกำกับเช่นนี้ เป็นการปกป้องสวัสดิภาพของหมอไปด้วย
เนื่องจากบางคนมักมีความเชื่อ(เก่าแก่)ว่า
“ หมอจะต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อให้คนไข้รอด”
การเซ็นยอมรับโดยเจ้าตัว จะทำให้หมอ”เบาใจ”ขึ้น
และกล้าที่จะทำในสิ่งที่เธอต้องการ
อนึ่งหากเธอยังมีสติรับรู้ ก็ยังสามารถเปลี่ยนใจเองได้ทุกเมื่อ
ส่วนที่ 3: ความสุขสบายกายที่ฉันต้องการ
คนรอบข้าง(ส่วนใหญ่)ล้วนหวังดีกับเรา อยากให้เราได้สุขสบาย
แต่ใครเล่าจะเข้าใจความสบายเท่าตัวเราเอง จริงไหม?
ในส่วนนี้จะให้ระบุว่าเราอยากรักษาตัวที่ไหน? บ้านหรือโรงบาล?
ถ้าต้องอยู่โรงบาลจะเอาห้องที่มองเห็นวิวท้องฟ้าหรือต้นไม้ไหม?
ต้องการให้นวดบรรเทาปวดไหม?
ต้องการให้สวนทวารหากขับถ่ายไม่ได้มั้ย?
เรื่องเหล่านี้ เธออาจมองเป็นเรื่องปรกติ
แต่เชื่อไหมว่ามันอาจประเด็นทะเลาะกันในหมู่ลูกหลานหรือญาติๆได้เลยนะ
บางคนอยากตาย หรือใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายที่บ้าน
แต่ญาติไม่ยอม หาว่าไม่กตัญญู ทำไมถึงไม่พาไปโรงบาล ?
ตรงนี้แหละที่ผู้แทน จะเข้ามามีบทบาท
และนี่คือ “แรงกดดันทางสังคม” ที่เขาหรือเธออาจต้องเผชิญ
และจะต้องมั่นคง ไม่โอนอ่อนตามแรงกดดัน และหนักแน่นพอที่จะยืนยันแทนเราว่า
“เราต้องการแบบนี้จริงๆ”
(ทั้งนี้แรงกดดันจะใหญ่หรือเล็ก ขึ้นอยู่กับสถานะ “ความดัง” ของเราในช่วงใกล้ตาย)
 
ส่วนที่ 4 :การปฎิบัติจากคนอื่นที่ฉันต้องการ
คงไม่มีใครอยากเห็นคนที่เรารัก มานั่งร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้าเรา
เราอาจแค่อยากให้เขามานั่งใกล้ๆ กุมมือ สัมผัส โอบกอด หรือพูดคุยเรื่องสนุกๆที่เคยทำด้วยกัน
อาจอยากฟังเสียงสวดมนต์ บรรยายธรรม …แทนการดูข่าว ดูละคร
อาจอยากเจอสัตว์เลี้ยง (เป็นภาพหรือคลิปวิดิโอก็ยังดี)
อาจอยากต้องการความเข้าใจและยอมรับ ไม่ใช่เทศนาสั่งสอน
….เธออยากให้คนอื่นทำอะไรให้ เขียนบอกได้เลยนะ
ส่วนที่5 : สิ่งที่อยากบอกคนใกล้ชิด
ในสังคมบ้านเรา การบอกความในใจกัน….เป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยจะทำกัน
นี่คือโอกาสครั้งสุดท้าย …จะมามัวเก๊ก มัวเขินใส่กันไปทำไม?
บอกเขาไปเลยว่า…
เรารักพวกเขานะ
เราขอโทษ ขออโหสิกรรม และให้อถัยในความผิดพลาด การกระทบกระทั่งกันโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ทั้งทางตรงและทางอ้อม
เราอยากให้ครอบครัวเคารพและยอมรับในความปรารถนาของเรา ….แม้เขาจะไม่เห็นด้วยในบางข้อก็ตาม
……ประมาณนี้
2
ส่วนที่ 6: การจัดการงานศพ
ในส่วนนี้ เปิดโอกาสให้เราดีไซน์งานศพ ในแบบที่เราอยากให้เป็น
ขอยกตัวอย่างของฉันเอง เช่น
…ฉันไม่ต้องการให้สวดอภิธรรมเป็นบาลี แต่อยากให้สวดแบบแปลไทย หรือไม่ก็เปิดเทปธรรมะไปเลย อยากให้ผู้มาร่วมได้มาพิจารณาความตายร่วมกัน
…ฉันไม่ต้องการพวงหรีด เงินใส่ซอง และการทอดผ้าบังสุกุล (พระน่าจะมีเยอะแล้ว) แต่ขอให้ผู้มาร่วมงานไปหยอดตู้บริจาคการกุศลแทน
หรือบางคน (รวมถึงฉันด้วย) ต้องการบริจาคร่างกาย หรืออวัยวะ ก็มีให้ระบุไว้ในส่วนนี้
(Remark : ฝากพิจารณาเรื่องนี้นิดนึงนะ ปัจจุบัน ศพอาจารย์ใหญ่มีคนบริจาคมาก แต่อวัยวะนั้นกลับไม่ค่อยมี …อาจเป็นเพราะเรายังเชื่อกันแบบผิดๆว่า หากอวัยวะชิ้นไหนเราสูญหายไป เกิดชาติหน้าจะพิกลพิการ ….ซึ่งนี่เป็นความเชื่อที่ผิดมหันต์ )
 
ส่วนที่ 7: สิ่งที่ยังเป็นห่วงและอยากฝากฝัง
เช่น เรื่องการงานที่ยังสะสางไม่เสร็จ การฝากฝังคนรัก สัตว์เลี้ยง แต่ไม่รวมถึงเรื่องทรัพย์สิน เพราะควรจะเขียนเป็นพินัยกรรม(Last will) แยกไปต่างหาก
ส่วนที่ 8 : สิ่งที่อยากบอกผู้แทน
“ผู้แทน” ถือเป็นคนสำคัญของเรามากๆ เพราะเขาจะเป็นผู้จัดการทุกสิ่งทุกอย่างแทนเรา
นี่คือโอกาสที่เธอจะได้บอกอะไรกับเขา
ส่วนสุดท้าย : ลายมือชื่อและพยาน
เป็นการเซ็นเพื่อแสดงเจตนาของเราเอง ที่ได้ทำไว้ขณะมีสติสมประกอบ
ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผู้แทน แพทย์ หรือบุคลากรทางการแพทย์
….จากผู้หวังดีผู้อาจมีความเห็นต่างออกไป
- สิ่งที่ควรทำต่อหลังจากเขียนจบ
1. ถ่ายเอกสารแล้วนแนบ copy ไว้กับประวัติสุขภาพที่รพ.
2.บอกคนในครอบครัวว่าเราเขียนหนังสือเล่มนี้ไว้ นี่คือการตัดสินใจของเรา ว่าอยากหรือไม่อยากทำอะไร ขอให้เขาเข้าใจ ถ้าเป็นไปได้ควรพูดคุยกันต่อหน้าเลยจะดีมาก (สารภาพว่า ตรงนี้ฉันเองก็ยังไม่ได้ทำ TT TT แต่ตั้งเป้าไว้แล้วล่ะ)
3.หยิบออกมาทบทวนบ่อยๆ อาจจะทุกปี ทุก 3 เดือน หรือทุกครั้งที่เจ็บป่วย (ถือเป็นการทำมรณานุสติไปในตัวด้วย) ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ Update ได้เลย
สุดท้ายนี้ ฉันไม่ขอพูดอะไรเยอะอะนะ นอกจากจะขอเชียร์ให้เธอลองเขียนเองดูจริงๆ
แล้วจะรู้ว่าเฮ้ยย มันช่าง’เบาใจ’ เหมือนชื่อจริงๆนะ
ขอบคุณที่อ่านนะ
พ่ออนัตตา
27/02/22
ปล. บทความนี้ผู้เขียนได้ฟังบรรยายของพระอาจารย์ไพศาล วิศาโล แล้วเอามาประกอบการเขียนด้วย จึงขอขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ครับ
ปล.2 ใครสนใจติดต่อสั่งได้ที่ "โครงการเผชิญความตายอย่างสงบ" หรือ เสิร์ชได้จาก google (มีเป็น PDF ปริ๊นเอง ก็ได้นะ)
โฆษณา