3 มี.ค. 2022 เวลา 02:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สงครามยูเครน กำลังทำลายล้าง เศรษฐกิจรัสเซีย
การบุกยูเครนครั้งนี้ ดูเหมือนว่ารัสเซียจะวางแผนทางการทหารมาเป็นอย่างดี และโจมตียูเครนพร้อมกันในทุกทิศทุกทาง ตั้งแต่เปิดการยิงด้วยมิสไซล์ และลำเลียงกำลังพลเข้าไปในเมืองสำคัญของยูเครนอย่างรวดเร็ว..
2
แต่ในอีกมุมหนึ่งที่รัสเซียอาจนึกไม่ถึง ก็คือ
สงครามในครั้งนี้ ได้ส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจของรัสเซียด้วยเช่นกัน
4
ทำไมเศรษฐกิจของรัสเซีย ถึงกำลังตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง
จนกลายเป็นว่า เศรษฐกิจของรัสเซีย อาจต้องพังลง จนต้องใช้เวลาหลายปี กว่าจะกลับมาที่เดิม
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
7
ในปี 2021 รัสเซีย มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด เป็นอันดับที่ 11 ของโลก
โดยมีมูลค่า GDP 54 ล้านล้านบาท
ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีของชาวรัสเซียนั้นอยู่ที่ 385,000 บาท
1
แม้จะถูกจัดให้เป็นเพียงแค่ประเทศที่มีรายได้ปานกลาง
แต่สิ่งที่ทำให้รัสเซียมีบทบาทเป็นมหาอำนาจในโลก
นอกจากการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์จำนวนมากแล้ว
ก็คือการครอบครองปริมาณน้ำมันดิบสำรอง และก๊าซธรรมชาติในปริมาณมหาศาล
โดยรัสเซียนั้นครอบครอง
- ปริมาณน้ำมันดิบสำรอง 80,000 ล้านบาร์เรล ประมาณ 5% ของปริมาณสำรองน้ำมันทั่วโลก มากเป็นอันดับ 8 ของโลก
- ปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติ 47,805 พันล้านลูกบาศก์เมตร ประมาณ 20% ของปริมาณก๊าซธรรมชาติทั่วโลก มากเป็นอันดับ 1 ของโลก
2
แน่นอนว่า กลุ่มลูกค้าหลักที่รับซื้อพลังงานจากรัสเซียโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ
คือหลายประเทศในยุโรป เช่น เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศในสหภาพยุโรป
2
ซึ่งความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียที่กำลังเกิดขึ้น
ทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลว่า หลายประเทศในยุโรปที่พึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย อาจประสบปัญหาไม่สามารถเข้าถึงพลังงานได้เหมือนช่วงเวลาปกติ
5
อย่างเช่นกรณีโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ จากรัสเซียไปสู่เยอรมนีที่เพิ่งสร้างเสร็จ ชื่อว่า “นอร์ดสตรีม 2”
เยอรมนีได้ประกาศระงับโครงการนอร์ดสตรีม 2 เพื่อตอบโต้ หลังจากที่รัสเซียบุกรุกยูเครน ทั้ง ๆ ที่นอร์ดสตรีม 2 สร้างสำเร็จและพร้อมเปิดใช้งานแล้ว
4
ซึ่งหมายความว่า รัสเซียจะไม่สามารถขายพลังงานให้แก่ประเทศอื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่ และเรื่องนี้ก็อาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของรัสเซียตามมา
4
เพราะสำหรับรัสเซียนั้น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ นับเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ และบริษัทใหญ่อันดับต้น ๆ ในรัสเซีย ก็อยู่ในอุตสาหกรรมนี้
6
โดยมูลค่าการส่งออกของรัสเซียทั้งหมดที่ 11.1 ล้านล้านบาท มาจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ 4.7 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 9% ของ GDP รัสเซียเลยทีเดียว
2
ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รายได้จากการขายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศรัสเซียมากขนาดไหน
4
อีกประเด็นก็คือ การตอบโต้ของหลายประเทศ
โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่มีการคว่ำบาตรรัสเซีย
ยกตัวอย่างมาตรการคว่ำบาตร ก็อย่างเช่น
- ตัดสัมพันธ์กับสถาบันการเงินขนาดใหญ่หลายแห่งในรัสเซีย
- แบนธนาคารรัสเซียบางแห่งจากระบบ SWIFT ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ ทำให้การค้าขายระหว่างประเทศของรัสเซียอาจได้รับผลกระทบ
- การควบคุมสินค้าส่งออกและนำเข้ากับรัสเซีย
6
และรู้ไหมว่า นับตั้งแต่ที่รัสเซียเริ่มรุกเข้าไปในยูเครน ค่าเงินรูเบิลของรัสเซีย อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว
- 24 กุมภาพันธ์ 2565 เงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 85 รูเบิล
- 3 มีนาคม 2565 เงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 110 รูเบิล
ค่าเงินรูเบิล อ่อนค่าลง 30% ในระยะเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียว
6
ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์นั้น การอ่อนค่าลงของเงินในประเทศ เป็นปัจจัยที่จะผลักดันให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น
3
เนื่องจากราคาสินค้านำเข้านั้นจะมีราคาแพงขึ้น จนส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ ในประเทศจะมีราคาแพงขึ้นตามไปด้วย
1
นอกจากนี้ S&P บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของรัสเซียให้ไปอยู่ในระดับ Non-Investment Grade หรือกลุ่ม “ต่ำกว่าระดับลงทุน”
1
หมายความว่า ภาคเอกชนหรือแม้แต่รัฐบาลของรัสเซีย จะมีต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อต้องการระดมทุนในอนาคต
2
ล่าสุด ค่าเงินรูเบิลที่อ่อนค่าและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
ทำให้ธนาคารกลางรัสเซีย จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 9.5% สู่ระดับ 20.0%
ซึ่งแน่นอนว่า จะทำให้ต้นทุนทางการเงินของผู้บริโภคและบริษัทต่าง ๆ นั้นเพิ่มขึ้นเช่นกัน
2
นอกจากนี้ วันแรกที่สงครามปะทุขึ้น ยังทำให้ตลาดหุ้นรัสเซียทั้งดัชนี MOEX และ RTSI ลดลงมากกว่า 30% ในวันเดียว สร้างความเสียหายอย่างมากแก่นักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นรัสเซีย
อ่านมาถึงตรงนี้ จะเห็นว่า
รัสเซียในฐานะผู้เริ่มสงครามก็ได้รับผลกระทบไปไม่น้อย โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ
ซึ่งถ้ารัสเซียยังยืนกรานเดินหน้าเพื่อทำสงครามในครั้งนี้ต่อไป
ความเสียหายทางเศรษฐกิจของรัสเซีย จะสร้างผลกระทบต่อประชาชนทุกคนในรัสเซียเอง เช่นกัน..
2
โฆษณา