พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ อดีตผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ผู้อบรมโครงการ “DETECTIVE TEAM” ฝึกสอนวิชาสืบสวนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยใช้ประสบการณ์ที่ตัวเองสั่งสมมาตลอดอายุราชการ
อดีตครูใหญ่ทีมนักสืบภูธรภาค 8 เล่าว่า “คัดตำรวจที่มีใจอยากเป็นนักสืบจริง ๆ มารับการอบรม อยู่ด้วยกันทั้งหมด 45 วัน แต่ต้องผ่านการสัมภาษณ์ก่อนเพื่อดูความคิด จากนั้นโยนคดีที่ยังจับไม่ได้เอามาตั้งโจทย์ใหม่ว่า ที่ทำกันไป ขาดอะไรบ้าง สุดท้ายตามจับหมดได้ทุกคดี ทั้งหลายทั้งปวง ปัญหาเกิดจากทำไม่พอ ทำไม่ครบทุกประเด็น บางคนย้ายมาไม่เคยเป็นนักสืบมาก่อน ไม่เคยมีใครสอนพวกเขา พอเราลองเอาทำจริง ๆ ก็จับได้”
สำหรับโครงการ “DETECTIVE TEAM” จะคัดเลือกผู้เข้าอบรมตั้งแต่ระดับรองสารวัตรขึ้นไปถึงรองผู้กำกับ เนื่องจากสามารถทำงานได้และเป็นกำลังสำคัญในอนาคต โดยจะมีการอบรมตั้งแต่ไล่โทรศัพท์ การดูที่เกิดเหตุ “แต่สิ่งเดียวที่ทำกันไม่ได้ คือต้องใช้ประสบการณ์เยอะ เป็นการซักถามผู้ต้องสงสัยและพยาน” พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ กล่าว
ภายหลังผ่านการฝึกอบรมเกิดผลสำเร็จไปแล้วหลายคดี ได้ประโยชน์สำหรับความรวดเร็วในการทำงาน ได้ประโยชน์ในเรื่องของการรวมเป็นหนึ่งเดียวของนักสืบ ไม่บังข้อมูลซึ่งกันและกัน ช่วยกันทำงาน เพราะนักสืบทำงานคนเดียวไม่ได้
นอกจากนี้ พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ ยังบอกอีกว่า “การสืบสวนบางเรื่องไม่มีในตำรา ในชีวิตจริงหลายคนอาจเก่งแต่ในทฤษฎี แต่สืบสวนสอบสวนไม่ได้ ต้องอาศัยประสบการณ์และมีครูที่ดี ยิ่งยุคปัจจุบันตำรวจต้องไปทำงานที่ไม่ใช่งานตำรวจเยอะ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ทำกัน ไปเฝ้าระวังป้องกัน ไปสืบสวนหาข่าวล่วงหน้า ดูตามบ้านเก็บข้อมูลพยานหลักฐานไว้ พอเราจับได้ที เราก็ได้ทั้งหมู่บ้าน สมัยนี้แทบไม่มีใครทำ รอดูที่เกิดเหตุอย่างเดียว ไม่สนใจ รอคดีเกิดแล้วก็ไล่กล้อง การไล่กล้องเป็นแค่พยานแวดล้อม ไม่เห็นตอนยิง หรือไม่เห็นตอนฆ่า ประเด็นนี้ผู้พิพากษาพูดเอง”
‣ อ้างอิงจากส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ อดีตผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 จากนิตยสาร COP'S เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564
‣ อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ https://bit.ly/3tqNXiR
#beartaiBRIEF #quoteoftheday
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
