3 มี.ค. 2022 เวลา 10:50 • ธุรกิจ
กรณีศึกษา วิธีสร้างแบรนด์ให้ลูกค้ารัก ฉบับหมูทอดเจ๊จง
1
ล่าสุด ร้านหมูทอดเจ๊จงประกาศปรับราคาลง จาก 26 บาท เป็น 25 บาท ตามราคาเนื้อหมูที่ลดลง หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการประกาศปรับราคาเมนูเพิ่มขึ้น เนื่องจากเนื้อหมูมีราคาที่สูงขึ้น
ซึ่งเมื่อเกิดประเด็นนี้ก็ยิ่งได้ใจลูกค้าทั้งขาประจำและขาจร จนหลายคนในโซเชียลต่างพูดกันว่า “ถ้านึกถึงความยุติธรรม ขอยกให้เจ๊จง”
และรู้หรือไม่ว่า ลูกค้านั้นต่างรักเจ๊จงถึงขนาดที่ว่า ส่งเครื่องรางของขลังมาให้เจ๊จง เพื่อให้เจ๊จงสุขภาพแข็งแรง และเพื่อให้เจ๊จงขายดิบขายดีมากขึ้นไปอีก
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การขายหมูทอด ไม่ใช่สินค้าใหม่
และธุรกิจร้านอาหารก็มีคู่แข่งทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ตลอดเวลา
แต่อะไรถึงทำให้ลูกค้าต่างยังรักร้านอาหารของเจ๊จง
BrandCase จะสรุปให้ฟัง..
1. แครักเตอร์ที่ใจดีและจริงใจ ของผู้ก่อตั้งที่ทำให้คนจดจำ
หากเราดูข่าวในทีวี หรือสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ที่มีการสัมภาษณ์เจ๊จง หรือไปสาขาที่เจ๊จงขายเอง เราจะเห็นเลยว่าใบหน้าของเจ๊จงนั้นยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าลูกค้าจะต่อคิวเยอะมาก ๆ ก็ตาม
ซึ่งเรื่องนี้บางคนอาจจะคิดว่า ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับการสร้างแบรนด์
1
แต่ลองคิดง่าย ๆ ว่า การที่เราเดินเข้าไปร้านใดร้านหนึ่ง แล้วเจอกับพ่อค้าแม่ค้า หรือคนที่ทำงานบริการ แสดงท่าทางเป็นมิตร ยิ้มแย้ม ต้อนรับเราเป็นอย่างดี เราก็คงรู้สึกประทับใจ เพราะรู้สึกได้ถึงความใส่ใจ
และแน่นอนว่าเมื่อลูกค้าสัมผัสได้ถึงความจริงใจ ลูกค้าก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อมั่นในตัวสินค้ามากขึ้น
อีกทั้งในโลโกแบรนด์ของหมูทอดเจ๊จง ยังใช้เป็นรูปหน้าเจ๊จงที่กำลังฉีกยิ้มกว้าง ทำให้หลายคนจดจำแบรนด์นี้ว่า แบรนด์หมูทอดเจ๊จง เป็นแบรนด์ที่มาจากความอัธยาศัยดีและความใจดี ซึ่งถือเป็นจุดขายของแบรนด์ไปแล้วนั่นเอง
2. สร้างแบรนด์ด้วยการเป็นผู้ให้
หมูทอดเจ๊จงมีราคาต่อจานเริ่มต้นอยู่ที่ 25 บาท โดยปริมาณที่ให้ลูกค้านั้นเรียกว่า เกินคุ้ม ทั้งหมูและข้าวตักให้ลูกค้าจนพูนจาน มีผลไม้ให้หยิบฟรี มีผัก และน้ำซุปที่สามารถตักได้ไม่อั้น
และอีกเรื่องที่ทำให้ความเป็นผู้ให้ของเจ๊จงนั้นโดดเด่นมากขึ้นไปอีก
คือช่วงที่โควิด 19 ระลอกแรกระบาดหนัก ยอดขายหน้าร้านลดลง แต่เจ๊จงก็ยังนึกถึงผู้ที่กำลังประสบปัญหาปากท้อง ด้วยการออกมาประกาศอาสาทำข้าวกล่องแจกฟรี หรือใครยังไม่มีเงินจ่าย ก็เอาไปทานฟรีก่อน
เรื่องนี้ทำให้หลายคนต่างประทับใจในความใจดีของเจ๊จง
และยิ่งอยากพากันมาอุดหนุนหมูทอดของเจ๊จงมากขึ้น รวมไปถึงสื่ออื่น ๆ ก็มาสัมภาษณ์และทำข่าว ทำให้แบรนด์ยิ่งเป็นที่รู้จัก โดยที่เจ๊จงไม่ต้องโฆษณาแบรนด์เองเลย
3. แม้ลูกค้าจะเยอะ แต่ยังคงคุณภาพและความสะอาด
1
อีกหนึ่งข้อสังเกตที่น่าสนใจก็คือ แม้ร้านอาหารของเจ๊จงจะมีลูกค้าหมุนเวียนมาค่อนข้างเยอะ แต่ร้านของเจ๊จงก็ยังดูสะอาดสะอ้าน ทำให้ลูกค้าหลากหลายกลุ่มอยากเข้ามานั่งทานในร้าน
และไม่ว่าจะขายดิบขายดี คนต่อคิวยาวแค่ไหน ลูกค้าต่างก็รีวิวกันว่ารสชาติหมูทอดและน้ำจิ้มของเจ๊จงก็ยังคงอร่อยเหมือนเดิม
4. ปรับตัวได้ทันทุกสถานการณ์
ถึงแม้ว่าแบรนด์หมูทอดเจ๊จงจะติดตลาดแล้ว แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิดที่ทำให้บางสาขายอดขายตก เจ๊จงก็ปรับกลยุทธ์ ผันตัวมา Live ขายของเองในช่องทางออนไลน์
ซึ่งการทำแบบนี้ ก็ทำให้พนักงานของร้านไม่ตกงาน มีรายได้เลี้ยงตัวเอง และทำให้แบรนด์ยังเป็นที่นึกถึงและมีรายได้อยู่นั่นเอง
1
อ่านมาถึงตรงนี้ เราคงจะเห็นแล้วว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้เจ๊จงอยู่ในใจของลูกค้าก็คือ เจ๊จงเลือกให้ใจกับลูกค้าอย่างเต็มที่ก่อน
ซึ่งการแสดงความจริงใจกับลูกค้านั้น ไม่ได้มีแค่การเป็นคนที่พูดจาอัธยาศัยดี
แต่มันส่งผ่านไปที่เรื่องของคุณภาพอาหาร การดูแลพนักงาน และการตั้งราคาที่เหมาะสมอีกด้วย
โดยเจ๊จงสามารถทำทุกข้อได้ครบถ้วนเป็นอย่างดี
จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมหมูทอดเจ๊จงถึงยังขายดี ท่ามกลางวิกฤติใหญ่ และคู่แข่งที่มีหน้าใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวัน..
1
โฆษณา