[aomMONEY] ทำไมสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ตู้เซฟโลก” ถึงเลือกแบนรัสเซีย ทั้งที่วางตัวเป็นกลาง มา 207 ปี การเคลื่อนไหวของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ขานรับมติของสหภาพยุโรป (EU) ในการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยประกาศอายัดทรั

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

•

6 มี.ค. 2022 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ทำไมสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ตู้เซฟโลก” ถึงเลือกแบนรัสเซีย ทั้งที่วางตัวเป็นกลาง มา 207 ปี

การเคลื่อนไหวของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ขานรับมติของสหภาพยุโรป (EU) ในการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยประกาศอายัดทรัพย์สินของวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงราว 336 คน และปิดน่านฟ้าไม่ให้มีเที่ยวบินเดินทางเข้า-ออกรัสเซีย นั้นเรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลก

เพราะที่ผ่านมาสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ในสถานะประเทศที่วางตัวเป็นกลาง (Neutral Country) มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1815 หรือเมื่อ 207 ปีก่อน และการที่มีภูมิประเทศตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป ทำให้สวิตเซอร์แลนด์กลายเป็นรัฐกันชน และสร้างเสถียรภาพให้กับยุโรปมาตลอด

แล้วเพราะอะไรล่ะ? สวิตเซอร์แลนด์ถึงเลือกแบนรัสเซียในครั้งนี้ เรามาดูกันครับ

[สวิตเซอร์แลนด์ : ระบบการเงินแข็งแกร่งที่สุดในโลก]

สวิตเซอร์แลนด์ได้ชื่อว่ามีระบบเศรษฐกิจและการเงินแข็งแกร่งที่สุดในโลก เนื่องจากธนาคารในประเทศมีนโยบายรักษาความลับของลูกค้า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยธนาคารและธนาคารออมทรัพย์แห่งสวิตเซอร์แลนด์ ค.ศ.1934 มาตรา 47 ระบุว่า ผู้ที่เปิดเผยข้อมูลความลับของลูกค้า อาจต้องโทษปรับหรือจำคุกสูงสุด 3 ปี

นี่คือจุดขายอันแข็งแกร่งที่มีมานานนับร้อยปี จึงดึงดูดให้เหล่ามหาเศรษฐี นักการเมือง ผู้ทรงอิทธิพลทั่วโลก ที่ต้องการรักษาความลับทางการเงิน เลือกมาใช้บริการมากมาย ทำให้สวิตเซอร์แลนด์ได้ชื่อว่าเป็น “ตู้เซฟของโลก” จากข้อมูลเมื่อปี 2018 พบว่า ธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์ถือครองทรัพย์สินทั้งหมดราว 6.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 212 ล้านล้านบาท) คิดเป็น 25% ของสินทรัพย์ที่มีการโยกย้ายระหว่างประเทศทั่วโลก

[ช่องโหว่ของการฟอกเงิน และธุรกรรมผิดกฎหมาย?]

ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ประชาไทรายงานการเปิดโปงครั้งใหญ่ ด้วยโปรเจ็กต์ที่ชื่อ “SuisseSecrets” งานข่าวสืบสวนสอบสวนข้ามชาติโดยนักข่าวมากกว่า 160 คน จาก 39 ประเทศทั่วโลก ร่วมกันสืบค้นข้อมูลบัญชีต้องสงสัยมากกว่า 18,000 รายการ ของธนาคารเครดิตสวิส (Credit Suisse Bank) ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่อันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์

พบว่าธนาคารดังกล่าว มีบัญชีลูกค้าจำนวนมากที่เป็นนักธุรกิจ นักการเมือง ทหาร และผู้มีอิทธิพลในหลายประเทศ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม การฟอกเงิน และการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ตัวอย่างเช่น คาร์ลอส อากีเลร่า ที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมทุจริตระดับโลก คนสนิทของอูโก ชาเวซ อดีตประธานาธิบดีจอมเผด็จการของเวเนซูเอล่า โดยเขามี 2 บัญชีกับธนาคารเครดิตสวิส มีเงินฝากอย่างน้อย 7.8 ล้านฟรังก์สวิส (ประมาณ 277 ล้านบาท) และเขาก็เคยถูกสอบสวนเรื่องการฟอกเงิน

ข้อมูลอีกรายหนึ่งที่น่าสนใจคือ นักการเมืองและนักธุรกิจเบอร์ต้นๆ ของยูเครน มีเงินอยู่ในหลายบัญชีของธนาคารเครดิตสวิส รวมแล้วมากกว่า 1,000 ล้านฟรังก์สวิส (ประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเขาเป็นผู้ใกล้ชิดกับอดีตประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยานูโควิช ที่มีข่าวฉาวเรื่องทุจริต และกำลังลี้ภัยโดยได้รับความช่วยเหลือจากทางการรัสเซีย

[ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย กับธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์]

จากข้อมูลในปี 2020 ของธนาคารแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า “รัสเซีย” เก็บทรัพย์สินไว้ที่ธนาคารพาณิชย์ในสวิตเซอร์แลนด์ ราว 15.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 5.1 แสนล้านบาท)

มีการประเมินว่า ประธานาธิบดีปูตินอาจมีทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 6.5 ล้านล้านบาท) และคาดเดาได้ยากว่าเขาจะ “แอบซ่อน” ทรัพย์สินส่วนตัวไว้นอกรัสเซียมากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็มีการพุ่งเป้ามาที่ธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์ ว่าอาจเป็นตู้เซฟทางการเงินอย่างลับๆ ของปูติน

การที่สวิตเซอร์แลนด์ที่วางตัวเป็นกลางมา 207 ปี แต่กลับเลือกคว่ำบาตรรัสเซียในครั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ เพราะอาจช่วยระงับการฟอกเงิน หรือถ่ายโอนทรัพย์สินของบรรดาผู้มีอำนาจในรัสเซีย

แต่หลายฝ่ายก็คาดเดากันว่า สวิตเซอร์แลนด์แสดงจุดยืนแบบเสียไม่ได้ เพราะหากไม่แบนรัสเซีย ธนาคารต่างๆ ในประเทศอาจถูกตรวจสอบ หรือซักถามเกี่ยวกับทรัพย์สินของประธานาธิบดีปูติน รวมถึง “ลูกค้า” คนอื่นๆ ก็เป็นได้

ทั้งนี้ทางธนาคารเครดิตสวิส มีแถลงการณ์ปฏิเสธว่าข้อมูลที่ถูกเปิดโปงในกรณี SuisseSecrets นั้นไม่เป็นความจริง และยืนยันว่าดำเนินธุรกิจโดยสอดคล้องกับกฎหมาย ทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่น ตามมาตรฐานจริยธรรมทางวิชาชีพขั้นสูงสุด