4 มี.ค. 2022 เวลา 17:34 • ธุรกิจ
สวัสดีครับ ผมขอชื่นชมมากๆ ในความที่คุณอายุน้อยแต่รักที่จะประสบความสำเร็จ อายุเท่าไหร่ก็ได้ครับ สำหรับอายุ 18 ปี ถ้าเริ่มตั้งแต่วันนี้ คุณอาจเป็นหนึ่งในคนที่สำเร็จตอนอายุน้อยๆ
ตัวผมตอนนี้อายุ 32 ปี มีธุรกิจเล็กๆ เริ่มต้นจากเงินทุนหนึ่งแสนบาท (เพิ่งเริ่มทำได้ 5 ปี) ในวันนี้มียอดขายต่อเดือนเฉลี่ย 7 แสนบาท เคยไปถึง 1 ล้านมาแล้วและตอนนี้กำลังทำให้เป็นระบบมากขึ้นเพื่อให้ไปได้ไกลกว่านี้
1
ลองเอาแนวทางของผมไปใช้ดูก็ได้ครับ
อันดับแรกผมทำตามหนังสือ Think and grow rich
ทุกๆเช้า และ ก่อนหลับตานอน ผมจะบอกกับตัวเอง ว่า
ผมต้องการอะไร เป้าหมายคืออะไร ทำด้วยวิธีการไหน เมื่อไหร่จะได้สิ่งนั้น แล้วก็คิดให้เห็นภาพว่าเราทำสำเร็จแล้ว
ยกตัวอย่าง : ผมต้องการมีรายได้ 5 ล้านบาทต่อเดือน ตอนผมมีอายุ 38 ปี ไม่เกินนี้ ด้วยวิธีการ “เป็น ทำ มี”
“เป็น” ในความคิดที่คนประสบความสำเร็จเขาเป็นกัน นั่นหมายถึง ผมต้องอ่านหนังสือคนที่เราอยากจะเป็น คุยกับเมนเทอร์ อ่านความคิดที่ปรึกษา แล้วเชื่อไหมว่า เราจะซึมซับความคิดเหล่านั้นจนสร้างเราให้คิดแบบนั้นได้ ขั้นนี้สรุปได้ว่า ต้องมี Mindset ทัศนคติมุมมองที่เป็นคนประสบความสำเร็จ (ผมอ่านหนังสือวันละไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง คนคนนั้นจะเป็นอย่างไรให้ดูที่เวลาว่างเขาทำอะไร ผมเลิกงานผมก็อ่านทันที)
1
“ทำ” คิดแล้วต้องลงมือทำ เราจะทำอย่างไรบ้างเพื่อให้ได้ตามเป้าหมาย ผมเป็นผู้ประกอบการ ผมต้องทำ เป็นผู้นำเพื่อดูแลทีม ให้พัฒนาสินค้า ทำงานขาย ดูแลงานการตลาด กฎหมาย ภาษี ระบบ การเงิน จะวางแผนทั้งหมดอย่างไร บริหารวางคนอย่างไร ให้สร้างกำไร เป็นกระแสเงินสด ต่อ ธุรกิจให้เติบโตได้
“มี” จากนั้นคุณถึงจะมีในสิ่งที่คุณต้องการครับ
จากนั้นผมก็จะนึกภาพตอนที่ผมมีเงิน 5 ล้านที่ว่านั้น เราจะรู้สึกดีครับ ให้ทำตามนี้ดูครับเป็นเทคนิคที่คนรวยเขาทำกัน ซึ่งมันเป็นทฤษฎีที่รอวิทยาศาสตร์พิสูจน์อยู่ มันเหมือนเราส่งคลื่นวิทยุออกไปในอวกาศ และมันจะสะท้อนกลับมาครับ (ลองหามาอ่านดูนะครับ Think and grow rich) และผมลองทำแล้วมันได้ผลสำหรับผมครับ
อันดับต่อไป คุณต้องเข้าใจก่อนในเรื่องของ “เงินสี่ด้าน” ที่คุณโรเบิร์ต คิโยซากิ เขียนไว้ใน พ่อรวยสอนลูก #2 ว่าในสี่ด้านนั้นคุณอยู่ตรงไหน แล้วอยากจะไปอยู่จุดไหน
ด้าน E. คือพนักงาน ด้านนี้ คนส่วนมากจะคิดว่าชีวิตไม่เสี่ยงอะไรเลย ทำงานรับเงิน มั่นคงจัง แต่ความจริงแล้วด้านนี้เสี่ยงที่สุด เพราะเงินประกันสังคม ค่าจ้าง หากเกิดวิกฤติขึ้นมา (ดูโควิดก็ได้) บริษัทหรือรัฐ ไม่สามารถจ่ายเราตอนเกษียนก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ด้านนี้คุณจะรวยได้ ต้อง master ในทักษะนั้นทักษะเดียว แบบเก่งสุดๆ และระบบการศึกษาทุกวันนี้มันก็ออกแบบมาให้คนทั่วไปเป็นด้านนี้ เพราะระบบการศึกษามันเกิดมาพร้อมกับยุคอุตสาหกรรม เขาต้องการผลิตคนเยอะๆเพื่อมาทำงานสายผลิต และ ถ้าตั้งใจเรียนให้ได้เกรดดีๆจบสูงเพื่อเป็นพนักงาน วันนี้คุณกำลังจะตายแน่ๆ เพราะ AI กำลังมาแทนที่ คนด้านนี้ส่วนมากขาดความ “กลัา” ที่จะออกจากเซฟโซน
ด้าน S. คืองานอิสระ หรือ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก เป็นนายตัวเอง งานอิสระในด้านนี้รวมถึง ทนายอิสระ นักศิลป์อิสระ ด้วยนะ คือ master ในงานด้าน E เก่งจนขยับตัวเองมาเป็นนายตัวเองได้ คนที่อยู่ด้านนี้ สามารถรวยได้ แต่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะไม่สามารถแบ่งงานให้คนอื่นทำแทนได้ (ด้านนี้น่าสงสารและงานหนักสุดๆ) บางคนคิดว่าตัวเองเป็นนักธุรกิจ แต่ไม่ใช่ คนที่อยู่ตรงนี้ เรียกว่า ลูกน้องของลูกน้อง จ้างคนมาแต่ก็ยังต้องเหนื่อยกับหน้างานจนไม่สามารถทำให้กิจการมันโตกว่านี้ได้ เพราะกลัวว่าคนอื่นทำไม่เก่ง ทำไม่ดีเท่าตัวเองทำ กิจการเลยเล็กอยู่เหมือนเดิม
ด้าน B. คือนักธุรกิจ เป็นเจ้าของกิจการขนาดใหญ่ รู้ภาพรวมทั้งหมดของกิจการ สามารถสร้างระบบให้ธุรกิจเติบโตได้ โดยไม่ต้องลงไปลุยหน้างานเองอีกแล้ว (ใช้เงินทำงาน) งานส่วนมากจะเป็น งานระดับ C level (CEO,CFO,CMO) วันๆหน้าที่คือ มองภาพรวม วางแผนธุรกิจ ปรับโมเดล บริหารทีม สร้างคอนเนคชัน หาช่องทาง ให้บริษัทเติบโตไปข้างหน้า (งานใช้สมอง) หนักนะ เครียดนะ แต่ถ้ามาถึงระดับนี้ได้ จะไม่มองอะไรเป็นปัญหาแล้ว จะมองเป็นงานปกติที่ต้องทำ สนุกกับการหาโอกาสใหม่ๆ จะอยู่รอดได้ ต้องปรับตัวตลอดเวลา เรียนรู้จากคนให้มากที่สุด และเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ คน ต่อมาก็เรื่อง ภารกิจและวัฒนธรรม จะ ทำยังไงให้คนเหล่านั้น ไปกับภารกิจและวัฒนธรรมขององค์กรได้
คุณคิดว่าคุณทำแฮมเบอร์เกอร์ได้อร่อยกว่าแมคไหม?
ผมคิดว่าผมทำได้นะ แต่จะทำให้รวยแบบนั้น ผมต้องมีระบบที่เจ๋งสุดๆเลยล่ะ และนั่นแหละคือคนด้าน B
ด้าน I. คือนักลงทุน ต้องเข้าใจก่อนว่าคำว่า ลงทุนแต่ละคน มันไม่เหมือนกันนะ สำหรับผมแล้ว การเล่นหุ้น เทรดไปมา มันไม่ใช่การลงทุนนะ มันเป็นการซื้อมาขายไปเพื่อให้ได้กำไร โชคดีเทคนิคสวยก็ได้ ตาร้ายก็เสีย เหมือนการลุ้นๆหวยมากกว่า (ใครไม่เห็นด้วย ไม่เป็นไร แต่นี่คือความคิดเห็นของผมครับ) ถ้ามีคนถามผมว่า พี่ ตอนนี้ซื้อหุ้นตัวไหนดี ผมจะตอบว่า ผมไม่รู้ แต่ผมจะถามว่า ทำไมถึงสนใจตัวนี้ ในระยะยาว แล้วดูอย่างไรถึงน่าซื้อ คนที่อยู่ด้าน E ส่วนมากจะเอาเงินมาเล่นหุ้น แต่เขาแทบไม่รู้เลยว่าในธุกิจนั้น ต้องวิเคราะห์อะไรบ้าง คนที่เกี่ยวข้อง ผู้ก่อตั้ง ผู้บริหาร เป็นอย่างไร? ทีมงานเป็นใคร วัฒนธรรมเป็นอย่างไร ผลิตภัณฑ์แก้ไขปัญหาลูกค้าอย่างไร มีเรื่องผิดกฎหมายไหม ระบบหลังบ้านทำงานยังไง การขาย การตลาด ดูแล้วดีไหม ที่สำคัญ คุณดูงบการเงิน งบกำไรขาดทุน งบดุล กระแสเงินสด ของเขาออกหมดหรือยัง ว่าหมกเม็ดอะไรหรือเปล่า
ถ้าคุณอ่านเกมตามนี้ได้ คุณคงไม่ถามผมแล้วว่าหุ้นตัวนี้ดีหรือเปล่า? แต่การที่คุณจะตอบคำถามนี้ได้คุณจะต้อง เป็นคนที่อยู่ด้าน B เสียก่อนครับ เพื่อ “เป็น”
สำหรับนิยามการลงทุนของผมนั้น มันจะต้องสร้างอะไรสักอย่างเกิดขึ้นให้คนและโลกใบนี้แบบเป็นรูปธรรมครับ เช่น ใส่เงินไปแล้ว มันจะต้องออกผล สร้างพลังงาน อาหาร ที่อยู่อาศัย ให้คนบนโลกได้รับประโยชน์ แล้วเราเก็บเกี่ยวผลกำไรจากการดำเนินงานนั้น ลงทุนคือการ ให้ ก่อน แล้วค่อยรับ ยิ่งให้เยอะยิ่งได้กลับมาเท่าตัวครับ
ด้าน I รวยสุดแน่นอนครับ คุณจะลงทุนกี่บริษัทก็ได้ และที่สำคัญลงทุนกับธุรกิจของตัวเองมันดีจริงๆครับ
เพราะคุณจะรู้เรื่องของธุรกิจครบหมด จนอ่านเกมออกว่าจะลงทุนกับใคร หรือ ใส่เงินให้หุ้นตัวไหน ได้อย่างเฉียบ
หลังจากเข้าใจเงินสี่ด้านแล้ว คุณก็เลือกว่าวันนึงคุณจะไปอยู่ด้านไหน บางคนก็มีความสุขกับ E , S
ส่วนการเดินทางของผมนั้นเริ่มจาก E ไป S และตอนนี้กำลังเริ่มต้น B กับ I. สำหรับผมแล้ว ถ้าอยากประสบความสำเร็จแล้วรวย คุณต้องมาอยู่ด้านเดียวกับผมให้ได้ครับ
ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว ขอให้เดินตามทางที่คุณต้องการ
ขอให้โชคดีครับ
#numthepnarinch
โฆษณา