Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อรรถ
•
ติดตาม
5 มี.ค. 2022 เวลา 18:34 • ความคิดเห็น
รู้ยัง! หุ้นบริษัทน้ำมันในสหรัฐฯ เขียวมาตลอดนับตั้งแต่รัสเซียติดกับดัก
น้ำมันแพงระยับระดับนี้ เดือดร้อนกันมั้ย? แน่นอนว่าทุกคนกำลังชี้ไปที่ “ปูติน” ว่าเป็นคนทำให้เรื่องเดือดร้อนนี้เกิดขึ้นกับชาวโลก แต่รู้หรือไม่ นับตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่กองทัพรัสเซียเคลื่อนพลเข้าไปใน Донецкая Народная Республика (สาธารณรัฐประชาชนดอแนตสก์) และ Луга́нская Наро́дная Респу́блика (สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์) เป็นต้นมา บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อันดับ 2 และ 3 ของโลก ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นราวกับอยู่ในทุ่งหญ้า “เขียวขจี”
เมื่อใดก็ตามที่ดูข่าว เราจะได้เห็นภาพความเลวร้ายของ ประธานาธิบดีรัสเซีย และภาพความเป็นพระเอกผู้ปกป้องประเทศของ ประธานาธิบดียูเครนเสมอ แต่ถ้าย้อนกลับไปกันจริงๆ ขอถามตรงๆ ว่า ใครคือผู้เริ่มจุดไม้ขีดก้านแรก
ถ้า วอลอดือมือร์ แซแลนสกีย ไม่ได้มีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะขอเข้าร่วมขบวนการ NATO วิกฤตการณ์ยูเครนคงไม่เดินมาถึงจุดนี้ แล้วเราเคยตั้งคำถามกันหรือไม่ว่าทำไม แซแลนสกีย ถึงอยากเข้า NATO นัก?
รายงานข่าวจาก BBC เมื่อวันที่ 28 ก.พ. พาดหัวรองไว้ว่า “ประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี มีภูมิหลังเป็นนักแสดงตลกผู้ซึ่งไร้ประสบการณ์ทางการเมือง หลังจากชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเมื่อเกือบสามปีก่อน ความชื่นชอบในตัวเขาก็เสื่อมถอยลงไปอย่างมาก แต่วิกฤตใหญ่ของชาติได้เปลี่ยนให้เขากลายเป็นผู้นำประเทศที่น่าศรัทธาไปในชั่วข้ามคืน” ถ้าอ่านผ่านๆ จะรู้สึกเหมือนกับว่า แซแลนสกีย คือพระเอกผู้สร้างศรัทธา แต่หากพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้ว “ความชื่นชอบในตัวเขาก็เสื่อมถอยลงไปอย่างมาก” ต่างหากคือ ข้อความระหว่างบรรทัดที่สำคัญ
ซึ่งในข่าวชิ้นเดียวกันนี้ ยังมีอีกย่อหน้าที่ระบุว่า “ยูเลีย แม็คกัฟฟี บรรณาธิการบริหารของเว็บไซต์ข่าวโนโวเย วเร็มยา (Novoye Vremya) บอกว่าเธอผิดหวังมากที่เขาได้รับเลือกมาเป็นประธานาธิบดีเมื่อเดือนเม.ย. 2019 เธอไม่ศรัทธาในตัวเขาและไม่เชื่อว่าเขาจะมีความสามารถในการบริหารประเทศ” ยิ่งตอกย้ำสถานะของ แซแลนสกีย ก่อนเกิดวิกฤติยูเครนได้เป็นอย่างดี
คงไม่บังอาจไปสรุปว่า ความนิยมที่ลดต่ำลง ทำให้นักแสดงที่บังเอิญบทส่ง (เล่นบทต้านคอรับชั่นในละครตลก จนคนยูเครนคิดว่า จะทำได้จริง) จนได้กลายเป็นประธานาธิบดีคนนี้ ตัดสินใจรุกกร้าว ประกาศตัวพลีกาย ถวายเงิน 2% ของ GDP ของประเทศยูเครน (ประมาณ 3.1 พันล้านดอลล่าร์) เพื่อให้ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ NATO ทั้งๆ ที่หากต้องการสร้างเศรษฐกิจให้ยูเครนจริงๆ การเข้า EU น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า และรัสเซียก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องป้องกันตนเองขนาดนี้ (แน่นอนว่ารัสเซ๊ยไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วย ตั้งแต่เกิดการปฏิวัติยูโรไมดาล แต่ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยารุนแรงใดๆ มากนัก เมื่อเทียบกับความอยากเข้า NATO ของ แซแลนสกีย)
แต่ที่แน่ๆ ความเย้ายวนของ NATO จะไม่ส่งกลิ่นหอมจน แซแลนสกีย อยากร่วมสังวาสขนาดนี้ หากไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังของกระดานกลระดับนานาชาติอยู่
จำได้หรือไม่ ช่วงเดือนกันยายน 2019 Nancy Pelosi ประธานสภา Congress จากฝั่ง Democrat ประกาศดำเนินการ Impeachment ประธานาธิบดี Donald J. Trump เมื่อมีข่าวจาก Whistleblower ว่า Trump ต่อสายตรงไปยัง Ukraine เพื่อคุยกับ แซแลนสกีย กดดันให้ช่วยหา "มุมลบ" ของลูกชาย Joe Biden ซึ่งในตอนนั้นเป็นเพียงว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่ง ปธน. จาก Democrat ที่ไปทำธุรกิจใน Ukraine ถ้าไม่ยอมทำ จะปิดท่อน้ำเลี้ยงทางเศรษฐกิจที่ส่งไปยัง Ukraine ทันที!!
เดี๋ยวนะ ลูกชาย Joe Biden ทำธุรกิจในยูเครน? เดี๋ยวนะ สหรัฐฯ มี “ท่อน้ำเลี้ยง” ส่งไปยูเครน???
ใช่แล้ว ฮันเตอร์ ไบเด้น บุตรชายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเด้น ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัทพลังงานยูเครน Burisma ในระหว่างปี 2014 – 2019 โดยเข้าไปทำหน้าที่พัฒนาด้าน Corporate Governance ให้บริษัทในยูเครนที่กำลังตกเป็นเป้าของการโจมตีเรื่องความโปร่งใส (ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ แซแลนสกีย ใช้เป็นเครื่องมือหาเสียงมาโดยตลอด โดยเฉพาะในปี 2019 ซึ่งเป็นปีที่ แซแลนสกีย ขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดี) ก็ไม่น่าแปลกที่ ยูเครน จะมี “สายตรง” ไปยังทำเนียบขาว หรือ ทำเนียบขาว จะมีสายตรง ไปยังยูเครน
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ ปูติน หงุดหงิดไงไหว เมื่อยูเครนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการร่วมหอลงโรงกับอเมริกาเบอร์นี้ และสุดท้าย ปูติน ก็ติดกับของอเมริกา ส่งกำลังทหารบุกเข้าดอแนตสก์ และ ลูฮันสก์ เพื่อรักษาคนที่ยังคง Pro รัสเซียให้ยังมีอยู่ต่อไป หากช้าไปกว่านี้ ประตูบ้านรัสเซีย คงเต็มไปด้วยชีปนาวุธเป็นแน่แท้
แต่ไม่ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังจะเป็นอย่างไร การที่รัสเซียเดินเข้าสู่สงคราม ย่อมหมายถึงการรู้ล่วงหน้าแล้วว่า จะต้องถูกตัดขาดจากสากลโลก ที่ยังคงโดนอเมริกาสิงอยู่เบื้องหลัง (ถ้าเราบอกว่า คนรัสเซ๊ยกำลังโดยเครมลิน ปล่อยข่าวให้รักชาติ และเข้าข้างปูติน ก็คงไม่แปลกที่คนอย่างเราๆ ท่านๆ ที่เสพสื่ออย่าง BBC, CNN จะโดนปล่อยข่าวเรื่องความเลวร้ายของปูตินจนต้องออกไปประท้วงแทนคนยูเครนบ้าง) และแน่นอนว่า สิ่งหนึ่งที่จะถูกตัดขาดก็คือ “น้ำมัน” ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของรัสเซีย และเป็นสินค้าที่ยุโรปไม่อาจปฏิเสธได้
แน่นอนว่า ด้วยการที่รัสเซียเป็นแหล่งทองคำสีดำหลักให้กับยุโรป การเค้นคอรัสเซียด้วยเรื่องน้ำมัน ย่อมเป็นสิ่งที่ “ถ้าไม่ทำสิแปลก” แล้วเมื่อยุโรป ขาดแคลนน้ำมันแล้ว จะหันไปสูบมาจากใคร??
แม้ว่าบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่จากฝั่งอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น ExxonMobil หรือ Chevron จะสร้างภาพลักษณ์ที่แสนสวยงามว่า เพื่อมนุษยชาติ เราไม่เห็นด้วยกับการบุกยูเครน เราจะถอนตัวจากการเป็นพันธมิตรด้านพลังงานกับรัสเซีย แต่เมื่อดูลงไปในรายละเอียดแล้ว
ExxonMobil มีการลงทุนในรัสเซ๊ย เพียงส่วนหนึ่ง ร่วมกับบริษัทจากญี่ปุ่น อินเดีย และรัสเซีย เพียงโครงการเดียวคือ Sakhalin-1 และไม่มีสินค้าหรือบริการอื่นๆ เลยในรัสเซีย (หาข้อมูลได้จากเว็บไซด์ของ ExxonMobil เอง)
ในขณะที่ Chevron เองก็ถือหุ้นใน Caspian Pipeline Consortium (CPC) โครงการท่อส่งแก๊สจากรัสเซียมาทะเลดำ เพียง 15% และธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น น้ำยาหล่อเย็น และหัวเชื้อน้ำมันเครื่อง ในแบรนด์ Chevron และ Texaco อีกเล็กน้อย (ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซด์ของ Chevron เองเช่นกัน)
จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมวิกฤติน้ำมันโลกอันเกิดจากการถลำตัวของรัสเซียไปกับการป่วนของยูเครน จะทำให้หุ้นของ ExxonMobil ยังคงเขียวต่อไป (แม้ว่าในวันที่ 24 ก.พ. หุ้นจะตกใจหล่นลงมาเล็กน้อย แต่ก็ดีดกลับในวันรุ่งขึ้น) เช่นเดียวกับหุ้นของ Chevron ที่แรงดีไม่มีตกตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. เป็นต้นมา
ผิดจากคนที่เล่นจริงเจ็บจริงอย่าง Royal Dutch Shell และ BP (ส่งเข้าประกวดโดยสหราชอาณาจักร) รวมทั้ง Total (ตัวแทนขึ้นเวทีจากฝรั่งเศส) เท่านั้นที่ แดงเถือกไปทั้งกระดาน เพราะถือไพ่ในดินแดนพญาหมีอยู่มิใช่น้อย
ก็คงไม่ค้านสายตาคนดูว่า เมื่อสิ้นวาสนาบริษัทน้ำมันของรัสเซียแล้ว แหล่งน้ำมันสำคัญของยุโรปก็คงหนีไม่พ้นขนข้ามมหาสมุทรมาเสริฟให้ถึงที่ จึงเกิดทุ่งหญ้าเขียวขจีในกระดานหุ้นบริษัทน้ำมันฝั่งอเมริกากันถึงขนาดนี้
ยังไม่รวมกับการที่ ชาว Republicans เริ่มออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลวอชิงตัน ปลดล็อคการขุดเจาะน้ำมันเพิ่ม (หนึ่งในนโยบายของ Biden คือการลดการใช้พลังงานฟอสซิล เพื่อแข่งทำพลังงานสะอาดกับจีน) โดยอ้างเสถียรภาพของราคาน้ำม้นและการลดภาระให้กับอเมริกันชน ยิ่งส่อเค้าว่า สงครามครั้งนี้ ผู้ที่ได้กับได้และได้ จะอยู่อีกฟากของมหาสมุทรนี่เอง
ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นเพียงทฤษฎีสมคบคิด ที่ไม่มีอยู่จริง แต่บังเอิญ เรื่องราวมันปะติดปะต่อกันได้ไร้ตะเข็บเกินไป หรือเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ คือการสมรู้ร่วมคิด โดยการเอาประชาชนยูเครนเป็นตัวประกัน สุดท้ายก็อยู่ที่วินิจฉัยของผู้ร่วม #ห้องรับแขก ว่าจะมีมุมทัศนาในครานี้ว่าอย่างไร
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย