6 มี.ค. 2022 เวลา 03:10 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับทฤษฎีวิวัฒนาการ ตอนที่ 1
Tree of Life: ภาพร่างต้นไม้วิวัฒนาการของ Charles Darwin.
เป็นเวลานานกว่า 20 ปี สำหรับ Charles Darwin ในการรวบรวมหลักฐาน, ครุ่นคิด, สนทนาแลกเปลี่ยนความคิด, และกลั่นกรองตกผลึกออกมาเป็นผลงานชิ้นเอกที่ปฏิวัติวงการชีววิทยาและส่งแรงกระเพื่อมซึ่งสั่นสะเทือนสถานะแห่งการดำรงอยู่ของมนุษย์; นั่นคือ, On the Origin of Species (1859) ซึ่งว่าด้วยทฤษฎีวิวัฒนาการโดยการคัดสรรทางธรรมชาติของเขา.
หัวใจหลักของทฤษฎีวิวัฒนาการขัดแย้งกับคริสต์ศาสนาอย่างรุนแรง. คริสต์ศาสนาสอนว่า พระเจ้าสร้างโลก, มนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ขึ้นมา; แต่ทฤษฏีวิวัฒนาการนำเสนอว่า สิ่งมีชีวิตแต่ละสายพันธุ์มิได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างแยกออกจากกัน, หากแต่มีบรรพบุรุษร่วมกัน. และสิ่งมีชีวิตสามารถเปลี่ยนแปลงได้, มิได้จำต้องมีลักษณะคงที่ตายตัวตลอดไป. Darwin เขียนไว้อย่างชัดเจนในหนังสือของเขาว่า:
I am fully convinced that species are not immutable; but that those belonging to what are called the same genera are lineal descendants of some other generally extinct species, in the same manner as the acknowledged varieties of any one species are the descendants of that species [Darwin 1859].
Darwin เชื่อว่า สปีชีส์ไม่ใช่สิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้. สปีชีส์ต่างๆ ที่เราเห็นในปัจจุบันนี้ล้วนแต่สืบสายพันธุ์มาจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่สูญพันธุ์ไปแล้วในอดีต. และกลไกสำคัญอันเป็นตัวผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง, กลไกอันเป็นเหมือนบังเหียนที่ซัดเฆี่ยนขบวนอาชาแห่งวิวัฒนาการให้คงดำเนินต่อไปได้คือ การคัดสรรทางธรรมชาติ (natural selection).
การคัดสรรทางธรรมชาติเป็นกระบวนการอันมืดบอด, ซึ่งทำงานโดยปราศจากการวางแผน, ไร้การคิดไตร่ตรองล่วงหน้าใดๆ ทั้งสิ้น. ทว่า, ผลผลิตของมัน, กล่าวคือ สรรพชีวิตทั้งหมดทั้งมวล, กลับมีความวิจิตรงดงามสลับซับซ้อนราวกับว่า ชีวิตเหล่านั้นได้ถูกออกแบบมาอย่างจงใจ. Richard Dawkins, นักชีววิทยาวิวัฒนาการนามอุโฆษเจ้าของผลงานอมตะ The Selfish Gene , เชื่อว่า การคัดสรรทางธรรมชาติเป็นคำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวสำหรับความสลับซับซ้อนที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในสิ่งมีชีวิต.
3
หากลำพังการคัดสรรทางธรรมชาติก็เพียงพอต่อการเกิดขึ้นและดำรงอยู่ของสรรพชีวิตวิกัติพิพิธพึงชมอย่างที่เป็นอยู่; นั่นหมายความว่า มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีสิ่งมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติหรือผู้ทรงพลานุภาพมหาศาล, เช่น พระผู้เป็นเจ้า, มาเกี่ยวข้องในการสรรค์สร้างสรรพชีวิต- พระเจ้าตกงานเสียแล้ว.
2
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้อค้นพบทางวิทยาศาสตร์ขัดแย้งกับคำสอนทางศาสนา. ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าบนกระดานประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์. Galileo ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีต และถูกกักขังควบคุมตัวไว้อย่างน่าเวทนาเพราะเขาสนับสนุนแนวคิดของ Copernicus ที่ว่า ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะจักรวาล (Heliocentrism), ซึ่งขัดกับคำสอนทางศาสนาที่ว่าโลกเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะจักรวาล. คริสตจักรปฏิเสธและยืนกรานที่จะเชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลางทั้งๆที่มีหลักฐาน, ซึ่งถูกรวบรวมผ่านการสังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วน, จำนวนมากชี้ไปยังความจริงที่ว่า โลกไม่ได้อยู่นิ่ง, และไม่ได้เป็นศูนย์กลาง; แต่กำลังโคจรรอบดวงอาทิตย์ต่างหาก.
โชคดีที่ Darwin ไม่ได้เผชิญชะตากรรมแบบเดียวกันกับ Galileo, แม้กระนั้น, ทฤษฎีของเขา, เหตุเพราะขัดแย้งกับหลักคำสอนทางศาสนา, ก็สร้างความอิหลักอิเหลื่ออย่างเหลือทนให้กับคนจำนวนมากรวมทั้งตัว Darwin เองด้วย. ในจดหมายฉบับหนึ่งถึงเพื่อนนักพฤกษศาสตร์คนสนิทของเขา Joseph Dalton Hooker, Darwin ยอมรับว่า การเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตเปลี่ยนแปลงได้ได้ให้ความรู้สึกราวกับว่าตัวเขาเองกำลังสารภาพว่าเป็นฆาตกร.
1
แม้ว่าทฤษฎีนี้จะเป็นที่รู้จักและถูกกล่าวถึงมาอย่างยาวนาน, ความเข้าใจผิดในตัวทฤษฎีก็ยังมีให้พบเห็นกันอยู่บ่อยครั้งในทุกวันนี้. นักชีววิทยาชาวฝรั่งเศสเจ้าของรางวัลโนเบล Jacque Monod เคยกล่าวไว้ว่า: “A curious aspect of the theory of evolution is that everybody thinks he understands it”. เราจำนวนไม่น้อยไม่เข้าใจหรือเข้าใจวิวัฒนาการคลาดเคลื่อนไป.
1
บทความในชุดนี้จะมาไขข้อข้องใจและนำเสนอเรื่องน่ารู้บางประการเกี่ยวกับทฤษฎีวิวัฒนาการเพื่อสร้างความเข้าใจในทฤษฎีนี้ให้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น.
โปรดติดตาม.
อ้างอิง:
Darwin, C. (1859) The Origin of Species. London: CRW Publishing Limited, 2004.
Dawkins, R. (1986) The Blind Watchmaker. London: Penguin Books.
โฆษณา