6 มี.ค. 2022 เวลา 05:05 • ธุรกิจ
ธุรกิจใหม่ในประเทศไทย ที่ดูเป็นเทรนด์ในยุคนี้ และตอบโจทย์ความเข้ากันได้ในอนาคต
ในตอนนี้ประเทศไทยเราเหล่าบริษัทที่มีคำต่อท้ายว่ามหาชนทั้งหลายต่างเริ่ม ตบเท้ากันก้าวเข้าไปหาแนวโน้มของธุรกิจใหม่ที่กำลังอาจจะก้าวเข้ามาเป็นเทรนด์หลักของกระแสธุรกิจยุคนี้ เหมือนที่มีคำกล่าวไว้ว่า เริ่มก่อนจะยิ่งมีความได้เปรียบซ่อนอยู่
ซึ่งธุรกิจนี้อาจจะไม่ใหม่สำหรับบุคคลทั่วไปเพราะเรารู้กันมานานแล้วว่ามีธุรกิจแบบนี้อยู่ เพียงแต่ว่าต้นทุนในตอนนั้นแลกกับผลประโยชน์ที่จะได้รับอาจจะดูไม่น่าสนใจสักเท่าไหร่ แตกต่างกับตอนนี้ที่ตัวเรื่องราวของธุรกิจนี้สามารถเติบโตขึ้น ชนิดที่รเยกว่าแบบก้าวกระโดด ที่ทำให้เศรษฐีเปลี่ยนเป็นยาจกในพริบตา เช่นเดียวกันก็ได้ให้กำเนิดเหล่าเศรษฐีหน้าใหม่ขึ้นมาด้วยเหมือน สิ่งนี้เรียกว่า “ธุรกิจเหมืองขุดเงินดิจิตอล” (Cryptocurrency Mining) หรือเรียกว่าการขุด Bitcoin
ซึ่งถ้าดูจากความบูมของตลาด ซึ่ง ณ ตอนนี้จะเรียกว่า “ตลาดบิทคอยน์” กำลังพุ่งทะยานสร้างมูลค่าอย่างไม่มีธุรกิจไหนทำได้ในเวลาอันรวดเร็ว และในปัจจุบันนี้ต่างมีเหรียญ หรือ สกุลเงินดิจิตอลเปิดตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลายๆคนเริ่มผันตัวเข้าสู่วงการ นักขุดคริปโต(Cryptocurrency Mining)
ในตอนนี้เมื่อมองดูแล้วในประเทศไทยกำลังมีหลายบริษัท ยักษ์ใหญ่ต่างเข้าไปในธุรกิจนี้มากขึ้น เพื่อมองหาช่องทางสร้างรายได้ใหม่ และอาจหวังผลจากเรื่องนี้ในการพยุงราคาของบริษัทอีกด้วยเพราะกำลังกระโดดเข้ามาในธุรกิจที่อยู่ในกระแส
ธุรกิจเหมืองขุดเงินดิจิตอล
- ไม่มีการควบคุมของหน่วยงานกลาง หรือสถาบันการเงินใด แต่การทำรายการชำระและโอนเงินในแต่ละครั้ง จะได้รับการตรวจสอบโดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยมีการเก็บบันทึกรายการในรูปแบบ Blockchain ทั้งยังเป็นระบบที่ไม่มีตัวกลางในการตรวจสอบ
เครื่องขุดคริปโต(Mining Rig)
- อุปกรณ์ในการขุดเงินดิจิตอล ปัจจุบันจะใช้ CPU GPU ASIC ซึ่งแต่ละประเภทจะเหมาะสำหรับการขุดคริปโตที่มีข้อดีข้อเสียคนละแบบ
ในตอนนี้มีหลายบริษัทที่กำลังกระโดดเข้ามาในธุรกิจนี้ จากปริมาณมูลค่าการซื้อขายที่มากทำให้ตลาดเติบโตได้แรง หลายๆบริษัทได้เริ่มลงมือกันแล้ว อย่างJTS ลงทุนธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ไปแล้ว มู,ค่า 319.36 ล้านบาท และยังมีอีกหลายบริษัทที่สนใจ
แต่อย่าลืมว่าทุกๆเหรียญที่ถูกขุดขึ้นมานั้นมำจนวนที่ถูกจำกีดไว้ ณ ตอนนี้จำนวนบิทคอยน์ได้ถูกขึ้นมาแล้วจำนวน 17 ล้านเหรียญ ซึ่งก็เกิดคำถามตามมาว่า แล้วความสามารถในการขุดจะลดลงหรือไม่ เมื่อเหรียญถูกขุดขึ้นมาเรื่อยๆ
เพราะตอนนี้เหรียญถูกขุดขึ้นมาแล้ว เหลือเพียงแค่ 3-4 ล้านเหรียญ เพราะเมื่อเหรียญที่ถูกขุดเหลือน้อยการขุดจะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ แล้วแบบนี้ธุรกิจนี้จะยั่งยืนต่อไปได้นานขนาดไหน การสร้างกำไรจะยั่งยืนได้เท่ากับปริมาตรการลงทุนในตอนแรก และจุดคุ้มทุนจะอยู่ที่กี่ปี
1
และเรื่องที่ จำนวนของเหรียญบิทคอยน์ที่มีอยู่เพียง 21 ล้านเหรียญ อาจทำให้สามารถรับมือกับอัตราเงินเฟ้อได้ แต่ถ้าถามถึงเรื่องการใช้งานจริง เหรียญนี้เมื่อมีจำนวนเท่านี้ จะสามารถเพิ่มขีดความแข่งขันด้านการดำเนินโยบายทางเศรษฐกิจหรือไม่ เมื่อทุกอย่างมีมูลค่าเท่าเทียมกัน ประเทศที่มีขนาดต่างกันย่อมมีความได้เปรียบเสียเปรียบต่างกันมากขนาดไหน เมื่อไม่สามารถอิงนโยบายด้านเศรษฐกิจได้ เพื่อตรึงบางสิ่งบางอย่าง
และจะกระทบกับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมากขนาดไหน ถ้ายังคงมีความผันผวนที่มากอยู่กับราคาเหรียญที่ยังคงไม่แน่นอน กลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย อาจต้องการจำนวนเงินที่เท่าเดิม ไม่ต้องการมาลุ้นว่าจำนวนเงินสิ้นเดือนจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นหรือลดลง วันเงินเดือนออก เพราะนั่นมันหมายถึงปากท้องของเขาเอง
แต่เรื่องเหล่านี้ยังไม่ต้องสนใจในตอนนี้เพราะตอนนี้อาจเปรียบเหมือนช่วงขาขึ้นของ วงการบิทคอยน์ ที่ยังคงสามารถทำกำไรได้อยู่ทั้งเหมาะแก่การสร้างรายได้ ทั้งจากการขุด การถือไว้เพื่อขายต่อทำกำไร จากความผันผวนที่เกิดขึ้น
ขอบคุณที่ติดตาม
โฆษณา