6 มี.ค. 2022 เวลา 14:04 • หนังสือ
LVD154: หนังสือที่ฉันอ่าน ตอนที่ 2|2022
สวัสดีครับทุกท่าน ผ่านไปสองเดือนแล้วกับปีเสือ 2565 เป็นยังไงกันบ้างครับ สุขภาพกายและสุขภาพใจของทุกท่านยังสบายดีอยู่ใช่ไหมครับ สำหรับตัวผม 2 เดือนแรกที่ผ่านเป็นช่วงที่ผมผ่านเรื่องยุ่งๆมามากจริงๆ และมั่นใจว่าเรื่องยุ่งๆจะยุ่งยากมากกว่านี้แน่ๆ แต่สิ่งนี้ก็เตือนให้เราต้องเตรียมตัวมากขึ้น และก็ยอมรับว่าความยุ่งยากเหล่านี้ทำให้ผมเสียวินัยในการเขียนเพจโดยเฉพาะช่วงกลางสัปดาห์ไปเหมือนกัน ยังไงต้องรีบปรับสมดุลและกลับมาเหมือนเดิมไวๆครับ เอาละ สำหรับสัปดาห์ต้นเดือนแบบนี้ ผมก็จะเอาหนังสือที่อ่านมาเล่าให้ฟังกันนะครับ เดือนนี้มีเล่มไหนบ้าง ลองตามมาเลยครับ
คือมันอย่างนี้ครับ…
เดือนนี้ต้องสารภาพตามตรงว่าอ่านหนังสือได้น้อยกว่าปกติ จากงานที่ยุ่งมากจนแทบไม่มีเวลาเลย หรืออาจจะเป็นเพราะผมแบ่งเวลาได้ไม่ดี บางเล่มที่ผมเอามาเล่าให้ฟังในเดือนนี้ จึงเป็นเล่มที่ผมอ่านมาตั้งแต่ปีที่แล้วและยังไม่จบ และมาเก็บตกอ่านจบในเดือนที่ผ่านมา แต่อย่าคิดว่าเป็นแค่หนังสือที่อ่านให้จบๆไปนะครับ เพราะทั้งสามเล่มที่เอามาแชร์ต่างก็เป็นเล่มที่ผมชอบมากๆทั้งสิ้นเลยครับ
เล่มที่ 1 Invent & Wander
เขียนโดย คุณ Jeff Bezos
จำนวน 310 หน้า
หนังสือเกี่ยวกับอาณาจักร Amazon ของเจฟฟ์ เบโซส อาจจะมีมากมาย แต่หนังสือที่เขียนโดยตัวเจฟฟ์ เบโซสเองจริงๆ มีเพียงแค่เล่มนี้เล่มเดียว ด้วยเหตุนี้เหตุผลเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้หนังสือเล่มนี้น่าสนใจขึ้นมาทันที หนังสือเล่มนี้คือ การรวบรวมเอาจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของ Amazon ที่เขียนโดยเจฟฟ์ เบโซสเอง แม้ว่าจดหมายจะย้อนหลังกลับไปถึง 20 ปี แต่ผมรับรองว่าคุณจะต้องทึ่งถึงวิธีคิดของเจฟฟ์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นวิธีคิดที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
โดยปกติ ผมเองก็ไม่ค่อยอ่านจดหมายถึงผู้ถือหุ้นนะครับ แต่จดหมายของ Amazon นั้นไม่ธรรมดา เจฟฟ์ถ่ายทอดถึงแก่นความเชื่อและความคิดของเขาในจดหมายนี้อย่างครบถ้วนและคมคาย ไม่ว่าจะเป็น…
- ทุกเรื่องต้องมองระยะยาวเสมอ จาก Amazon บริษัทที่สะกดคำว่า “กำไร” ไม่เป็น กลายเป็น e-Commerce ระดับยักษ์และ Cloud Software ไปจนถึงบริษัทสำรวจอวกาศ
- คิดถึงลูกค้าก่อนเสมอ ออก features อะไรอย่ายึดคู่แข่งเป็นสำคัญ ยึดลูกค้าก่อนเสมอ
- ทำงานให้เหมือนวันนับ 1 ทุกๆวัน เพราะวันที่สองของวันทำงานจะทำให้คุณเลิกคิดสิ่งใหม่
ถ้าคุณอยากจะรู้ว่าไทม์ไลน์ความสำเร็จของ Amazon เป็นยังไง หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคุณ ถ้าคุณอยากเรียนรู้วิธีคิดของเจฟฟ์ เบโซส หนังสือเล่มนี้ยิ่งเหมาะกับคุณ ถ้าคุณอยากได้พลังในการริเริ่มสิ่งใหม่ หนังสือเล่มนี้จะเติมพลังให้คุณ
วันนี้คุณจะเริ่มนับ 1 อีกครั้งครับ
เล่มที่ 2 วิธีชนะมิตรและจูงใจคน (How to Win Friend and Influence People)
เขียนโดย คุณ Dale Carnegie
จำนวน 318 หน้า
หนังสือคลาสสิคในตำนานของเดล คาร์เนกี ที่ผมแนะนำว่าควรจะอ่านซักครั้ง (ผมอ่านรอบนี้เป็นรอบที่สาม) หนังสือที่มีอายุเกือบจะทศวรรษแล้ว แต่เนื้อหาที่ข้ามกาลเวลาทำให้หลักคิดที่เรียบง่ายของคาร์เนกียังคงจริงและสามารถนำไปฝึกฝนตามจนเกิดผลได้ เดล คาร์เนกี มีชีวิตในวัยเด็กที่ยากจนและสามารถถีบตัวเองขึ้นมาเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจและโน้มน้าวใจชั้นแนวหน้าของอเมริกา หนังสือเล่มนี้ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของเขา
หลักการ 6 ข้อที่ทำให้คนชื่นชอบท่านที่เรียกง่ายแต่สุดจริง คือ
1. จงเอาใจใส่อย่างแท้จริงต่อผู้อื่น
2. ยิ้ม
3. จงจำไว้ว่าชื่อของบุคคลใดก็ตามสำหรับบุคคลนั้น เป็นสำเนียงหวานที่สุดและสำคัญที่สุดของภาษามนุษย์
4. จงเป็นนักฟังที่ดี จงสนับสนุนให้อีกฝ่ายหนึ่งคุยถึงเรื่องของเขา
5. สนทนาในเรื่องที่อีกฝ่านหนึ่งสนใจ
6. จงทำให้ผู้อื่นเกิดความรู้สึกเป็นคนสำคัญ และจงทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
หลักการนี้จะเห็นได้ถึงหลักจิตวิทยาที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้งซ่อนอยู่ ในหนังสือเต็มไปด้วยตัวอย่างมากมาย แม้จะไม่เข้ายุคเข้าสมัย แต่จิตใจและแรงจูงใจคนก็ยังเป็นแบบนั้น ไม่ว่าเหตุผลอะไรคุณควรลองอ่านซักครั้งครับ ถ้าสนใจรายละเอียดเพิ่ม ผมฝากเนื้อหาที่ผมได้เคยเขียนไว้ตามด้านล่างครับ
LVD 153: 6 วิธีง่ายๆที่ทำให้คนชื่นชอบคุณ
เล่มที่ 3: อย่ายอม Untamed
เขียนโดย คุณ Glennon Doyle
จำนวน 323 หน้า
หนังสือของคุณเกลนน็อนมีชื่อที่สั้นแต่ดึงดูดให้คว้ามาอ่านอย่างประหลาด และ “อย่ายอม”​ ก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังเลย หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยชีวิต ความคิดที่ผ่านออกมาจากสมองและสัญชาตญาณของผู้หญิงคนหนึ่งที่บางอย่างก็ถูกกลั่นกรอง แต่บางเรื่องคุณเกลนน็อนก็ตั้งใจถ่ายทอดอย่างไม่กลั่นกรองเลย ทำให้ตัวหนังสือมีชีวิตชีวา มีอารมณ์ มีความรู้สึกนึกคิด มีถูกและมีผิด ไม่ต่างจากเราท่านที่อาจจะถูกหรือผิดในบางครั้ง คุณจึงสามารถเข้าถึงและมีอารมณ์ร่วมกับหนังสือเล่มนี้ได้ไม่ยาก
เกลนน็อนมีผลงานที่มีชื่อเสียงก่อนหน้านี้ คือ Love Warrior ที่เล่าถึงการผ่านอุปสรรคในครอบครัวและสามารถฟันฝ่าผ่านสงครามเหล่านั้นมาได้ด้วยความรักในครอบครัว แต่ในเรื่องจริงคุณเกลนน็อนกลับพบว่าครอบครัวนั้นแหละที่เป็น “กรง” ขังตัวตนของเขา วันที่เกลนน็อนทราบว่าสามีที่แสนดีของเขานอกใจ คำถามที่เกิดขึ้นคือ คุณจะทำยังไงถ้าสามีของคุณเป็นพวกชอบนอกใจ แต่เป็นพ่อที่ดีเลิศ นี่คือชีวิตหลัง Love Warrior ลองจินตนาการดูนะครับว่าถ้าเป็นคุณ คุณบอกเล่าเรื่องความรักอันยิ่งใหญ่ แต่คุณพบว่าเรื่องจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น คุณจะยังกล้ามาเล่าเรื่องแบบนี้ในหนังสือเล่มต่อไปของคุณไหม ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอะไรแต่เกลนน็อนทำแบบนั้น เขาเปลือยทุกความคิด เลยไปถึงรสนิยมทางเพศแบบชาย-หญิงที่ก็เป็นแค่ “กรง” สำหรับเธอ
ทาบิธา… คือชื่อของเสือชีตาห์ในคณะละครสัตว์แห่งหนึ่ง ทาบิธาเป็นตัวเอกระดับแม่เหล็กที่เรียกแขกได้อย่างดี หน้าที่ของมันคือ ออกจากกรงอย่างห้าวหาญ เพื่อวิ่งไล่ตุ๊กตากระต่ายสีชมพูเก่าๆที่ถูกลากโดยรถจิ๊ป เพื่อแลกกับสเต็กเนื้อ ทาบิธาที่อยู่ในกรง… ก็อาจจะไม่ต่างอะไรจากเราที่อยู่ใน “กรง” ของกฎเกณฑ์ เมื่อมีเด็กๆถามว่า “ทาบิธา จะคิดถึงป่าไหม” คำตอบจากผู้สอนคือ “ไม่หรอก เพราะทาบิธาไม่เคยเห็นป่าด้วยซ้ำ” ทาบิธาอาจจะรู้สึกขอบคุณ “กรง” ที่ทำให้มันรู้สึกปลอดภัย แต่มันไม่บ้าบออะไรที่มันจะฝันถึง “ป่า” ที่มันไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้จักคุณค่า ก็มันเป็นเสือนี่ คุณเองก็เช่นกัน “อย่ายอม”
เพื่อนๆชอบเล่มไหนบ้าง ลองมาแชร์ความคิดกันนะครับ ระหว่างที่ผมเขียนอยู่ ผมก็คิดเหมือนกันว่า ผมคงไม่สามารถปล่อยให้ชีวิตล่องลอยตามปัญหา ปล่อยให้เรื่องยุ่งยากควบคุมตัวผม กิจกรรมของผม ผมคงต้องนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง ออกไปเจอเพื่อนและทีมงาน และอย่ายอม
Happy Learning
ขอบคุณครับ
ชัชฤทธิ์
โฆษณา