Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
•
ติดตาม
7 มี.ค. 2022 เวลา 13:43 • การ์ตูน
EP : 981
ฮาคาบะ คิทาโร่ ปฐมบทแห่งสุสาน
“เด็กปีศาจที่ใส่เสื้อกั๊กลายสลับดำขาว(ดำเหลือง) ผู้ใช้อาวุธเป็นรองเท้าเกี๊ยะ มีพ่อเป็นดวงตาดวงนึง คอยต่อสู้เหล่าผีญี่ปุ่นที่ออกมาก่อกวน” ที่คือภาพในความทรงจำของตัวเอกอย่าง “คิทาโร่” สำหรับผมครับ .... แน่นอนครับ แม้มังงะเรื่องนี้ในบ้านเราถือว่ามีชื่อเสียงพอตัว และตัวผมเคยผ่านตามาในตอนเด็กๆ บ้าง แต่รายละเอียดต่างๆ ผมจำแทบไม่ได้เลย แต่ภาพความทรงจำของตัวละครเอกอย่างคิทาโร่สำหรับผมก็คือมังงะแนวฮีโร่ประเภทนึง ซึ่งตัวเอกเป็นผีปีศาจฝั่งดีคอยต่อสู้กับผีปีศาจฝั่งร้ายเป็นตอนๆ ประมาณนี้ ด้วยภาพที่มันชัดและแตกต่างจากตัวเอกในรุ่นราวคราวเดียวกัน ต้องถือว่าแม้จำเนื้อหาไม่ได้ แต่เอกลักษณ์ความเป็นตัวตนของ “คิทาโร่” เป็นอะไรที่ไม่มีทางลืมอย่างแน่นอนสำหรับผมครับ
ซึ่งถ้าพูดถึง “คิทาโร่” ในบ้านเรา ผมถือว่าเป็นเรื่องที่ดังพอตัวเลยนะครับ เพราะมีทั้งเมะเป็นตอนๆ ที่ฉายออกทางทีวีแล้วก็ยังมีหนังสือการ์ตูนออกมาด้วย แน่นอนด้วยสไตล์การนำเสนอที่แตกต่างเรื่องนี้เท่าที่ทราบตอนเป็นหนังสือการ์ตูนนี้ถือว่าขายไม่ออกครับ 5555 ใช่ครับ ต้องยอมรับว่ายอดจำหน่ายไม่ได้เยอะอะไรจากเท่าที่ผมทราบมา และแม้จะมีออกมาทั้งแบบ LC หรือ ไพเรท ก็ต้องยอมรับว่ากว่ามันจะมาเป็นที่ต้องการก็ห่างจากช่วงเวลาที่พิมพ์ออกจำหน่ายไปแล้วหลายสิบปี เพราะตอนนี้นี่ถือเป็นหนังสือการ์ตูนที่หายาก และราคาสูงมากๆ ในบ้านเรา ยิ่งพิมพ์ LC แบบ 20 เล่มจบด้วยแล้วราคาพุ่งไปสูงเอามากๆครับ
และแน่นอนรวมถึงผมด้วย...ผมคือหนึ่งในคนที่รู้จักเรื่องนี้แต่ไม่ได้มีเรื่องนี้เก็บไว้ครับ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เรื่องนี้เลยอยู่ในแค่ความทรงจำเล็กๆของผม กับภาพลักษณ์ที่เด่นชัดแบบที่ผมได้อธิบายไป ซึ่งก็มีอยู่แค่นั้นแหละครับ พอไม่ใช่เรื่องที่ตามจริงๆจังๆ เลยไม่ค่อยรู้เรื่องเนื้อหาจริงๆของเรื่องนี้นัก แม้จะดังเอามากๆในต่างประเทศ ถึงขนาดถูกยกให้เป็นมังงะระดับชาติที่สะท้อนภาพความเป็นสังคมในยุคก่อนของญี่ปุ่นรวมถึงความที่เนื้อหามันพูดถึงปีศาจหรือภูตผีดั้งเดิมของญี่ปุ่น
จึงเป็นอีกเรื่องที่เอาไว้อ้างอิง หรือบอกเล่าเรื่องราวของภูตผีญี่ปุ่นในนัยยะหนึ่งได้เป็นอย่างดี ผมจำได้ว่าเคยเห็นข่าวที่จังหวัดหรืออำเภอที่เกี่ยวข้องกับผู้เขียนอย่าง อ. Mizuki shigeru นำเหล่าตัวละครไปสร้างเป็นสัญลักษณ์หรือสร้างหุ่นเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นแม้ในบ้านเราจะดังอยู่เป็นกลุ่มๆ แต่ในญี่ปุ่นเรื่องนี้ถือว่าอมตะและรู้จักกันเป็นวงกว้างมากๆเรื่องนึงเลยครับ
เพราะแบบนั้น แม้ผมจะไม่ใช่แฟนจ๋าของเรื่องนี้ แต่เมื่อมี สนพ ไพเรทหยิบเรื่องนี้ออกมาพิมพ์มันก็น่าสนใจระดับนึงตั้งแต่เริ่มต้น และเมื่อมีรายละเอียดเพิ่มเติมมาว่า นี่คือเวอร์ชั่นเก่าดั้งเดิม ก่อนที่จะถูกนำมาสร้างเป็นเนื้อหาแบบที่เราคุ้นเคยก็ยิ่งทำให้เรื่องนี้น่าสนใจเข้าไปอีก กับเรื่องราวก่อนกาลของตัวตน “คิทาโร่” ที่ไม่เหมือนกับ “คิทาโร่” ที่ผมคุ้นเคยหรือพอจดจำได้ในความทรงจำวัยเด็ก กับเรื่องนี้ครับ “ฮาคาบะ คิทาโร่ ปฐมบทแห่งสุสาน”.
......................มีเพื่อนบ้านย้ายเข้ามาใหม่..... แม้ตัว “มิซุกิ” ซึ่งทำงานอยู่ธนาคารเลือด จะสงสัยว่าทำไมเพื่อนบ้านใหม่ถึงย้ายเข้าไปอยู่ในวัดเก่าข้างบ้าน และสงสัยว่าทำไมต้องมาทักทายช่วงกลางดึกระหว่างที่เขานอนรวมถึงของทักทายกับเป็นลูกตาน่าสยอดสยองในกล่องแบบนี้ แต่ด้วยภารกิจที่แน่นทำให้เขาเก็บความสงสัยไว้ในใจ
จนกระทั่งเมื่อเจ้านายของเขาเรียกเขาไปมอบหมายความรับผิดชอบอันเกิดจากปัญหาของธนาคารเลือดกับการที่ทางธนาคารเจอ “เลือดภูตผี” ปะปนอยู่ในสินค้าบริษัทของเขา... แม้จะดูเหมือนเรื่องตลกกับการบอกว่ามีเลือดภูติผีปนอยู่ในคลังเลือดของบริษัท แต่ปัญหานี้มีผลต่อความน่าเชื่อถือของบริษัทเป็นอย่างมาก เพราะเกิดปัญหาขึ้นเมื่อลูกค้าที่ได้เลือดจากบริษัทของเขากลายเป็นผีหรือคนตายที่ยังมีชีวิตโดยไม่ต้องหายใจ จริงๆขึ้นมา อย่างไม่น่าเชื่อ...
แม้จะแหกกฎวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจน แต่นี่คือปัญหาใหญ่ที่มิซุกิ ต้องจัดการหาทางแก้ไข โดยเร็วและโดยที่ไม่ทำให้คนอื่นรู้ ซึ่งเมื่อเขาสืบไปถึงผู้ขายเลือดล็อตที่มีปัญหานี้ให้กับธนาคารเลือดของเขา เขากลับพบว่าที่อยู่ของผู้ขายคือข้างๆบ้านของเขาเอง !! นั่นทำให้เขาคิดถึงเพื่อนบ้านที่ย้ายเข้ามาใหม่ซึ่งเขายังไม่เคยไปเจอตัว และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น กับความวุ่นวายที่ไม่น่าเชื่อใน “ฮาคาบะ คิทาโร่ ปฐมบทแห่งสุสาน” ครับ
ก็อย่างที่บอกครับว่าแม้ผมจะไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้เรื่องนี้หรือจดจำเรื่องนี้ทุกรายละเอียด แต่ภาพจำของ “คิทาโร่” ที่ผมจำได้มันก็มีอยู่อย่างชัดเจนอย่างที่แจ้งไว้ แต่เมื่อมาอ่านเวอร์ชั่นนี้กับจุดเริ่มต้นของคิทาโร่ในแบบฉบับที่แท้จริงแล้ว มันก็ทำให้ภาพคิทาโร่ในหัวผมเปลี่ยนไปตลอดกาลโดยทันทีครับ เพราะนี่คือ คิทาโร่ ที่ผมไม่รู้จัก ซึ่งการพูดอย่างนี้นั้นผมหมายถึงอย่างนั้นจริงๆนะครับ
ก่อนหน้านี้ที่ผมรู้จัก คิทาโร นั้นเป็นเสมือนตัวแทนของภูตผีที่ดีที่คอยปกป้องมนุษย์จากเหล่าผีร้ายๆ แต่ในเวอร์ชั่นนี้ คิทาโร กลับกลายเป็นเหมือนภูตผีธรรมดาตัวนึงที่ไม่มีฤทธิ์เดชอะไรเลย(มีน้อยมากๆและไม่ได้ออกแนวพลังด้วยครับ) แตกต่างจากเวอร์ชั่นที่ผมรู้จักมาก เพราะแบบนั้นสิ่งที่ต้องทำการปรับจูนตั้งแต่เริ่มในการอ่านเรื่องนี้ก็คือ นี่คือเวอร์ชั่นดั้งเดิมที่ต้องการเล่าเรื่องของภูติผีอย่างคิทาโร่ในบริบททางสังคมในช่วงปี 1960 ครับ(ถ้าข้อมูลไม่ผิดนะครับ)
ซึ่งข้างในเวอร์ชั่นนี้ ผมจะพบว่าตัวตนของภูตผีที่ถูกเซ็ทเอาไว้นั้น เสมือนประชาชนชั้น 3 ที่แม้จะมีตัวตนมาตั้งแต่ดั้งเดิมก่อนมนุษย์ แต่กลับถูกทำให้ลืมหรือไม่มีสถานะทางสังคม กลายเป็นสิ่งแปลกปลอมในสังคมไป ซึ่งมันก็ไม่แปลกหากเราจะมองจากคำว่า “ภูตผีปีศาจ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกจัดเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติและตัวตนที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่การที่เรื่องนำเสนอตัวตนของพวกเขา ผ่านตัวคิทาโร่ ในบริบทและบทบาทอย่างในเนื้อหานี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวของคิทาโร่และพวกเป็นเสมือนตัวตนที่ไร้พลังและแทบไม่มีความสามารถอะไรไปใช้ในสังคมในตอนนั้น “มีก็เหมือนไม่มี” จะบอกอย่างก็ได้ พลังพิเศษหรือพลังต่างๆที่ปกติจะถูกใส่ไว้ในพวกภูตผีที่เรารู้จัก มันเหมือนไม่มีบทบาท นำไปใช้อะไรไม่ได้เลย ทั้งเรื่องผมจึงรู้สึกว่าพวกเขาเหล่าภูตผีปีศาจ มันดูง่อยและไร้พลังในสังคมเลยทีเดียว
อาจจะเป็นเพราะพวกเราคุ้นเคยกับพลังของพวกภูตผีจากสิ่งที่แต้มเข้ามาให้อ่านกันตลอดชีวิตทำให้เราคาดหวังอะไรแบบนั้นจากคำว่าภูตผีก็ว่าได้ แต่ผมก็รู้สึกว่า อ. MIZUKI SHIGERU ผู้วาดคิทาโร่ในเรื่องนี้ “ตั้งใจ” จะสื่อสารมาทำนองแบบที่ผมรู้สึกจริงๆครับ
เพราะฉะนั้นหากใครมีภาพของคิทาโร่ในแบบที่ผมเคยรู้จักและบอกไว้นั้น ต้องลืมภาพลักษณ์และความคุ้นเคยแบบนั้นทิ้งไปได้เลยครับ เพราะในเรื่องนี้คุณจะเจอภูตผีที่เป็นประชากรชั้น 3 ทางสังคม ที่ต้องพึ่งพิงและเป็นเบี้ยล่างทางสังคมแม้ไม่ใช่ทั้งหมดในเรื่องแต่ภาพรวมมันไม่หนีจากที่ผมบอกไปครับ
และเพราะเป็นแบบนั้นในเรื่องจึงมีการเล่าออกแนวอภินิหารสายพลังน้อยมาก เพราะหากตัดเรื่องราวการไปยังนรก(ซึ่งภาพนรกในเรื่องก็ตีความเป็นแบบนึง) เรื่องนี้แทบจะเป็นมังงะแนวเสียดสีสังคมกันเลยทีเดียว เพราะเนื้อหาที่แทรกเอาไว้ทั้งทางอ้อมและเล่าโดยตรงมันจะมีการเสียดสีอะไรหลายๆอย่างเพื่อบอกเล่าความต้องการของผู้เขียนให้อ่านตลอดทั้งเรื่องครับ ซึ่งหลายเรื่องผมก็เข้าใจ และหลายเรื่องผมก็ไม่เข้าใจในความหมายลึกๆของมัน อันนี้จากมุมมองของผมนะครับ
เนื้อหาในเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่เริ่มต้นของตัวละครคิทาโร กับการกำเนิดมาของเขาจากพ่อและแม่ที่เป็นภูตผีที่เหลืออยู่น้อยนิดจากการที่ต้องหนีและหนีจากมนุษย์ อดมื้อกินมื้อเพราะต้องหนีและเอาชีวิตให้รอดจากเนื้อมือมนุษย์ (น่าสงสารสุดๆ) จนมาเป็นคิทาโร่และพ่อในรูปแบบที่เราคุ้นเคย ซึ่งเวอร์ชั่นนี้ด้วยความดิบและความเก่าของลายเส้น คิทาโร่นี่อัปลักษณ์และดูไม่น่าคบหาเอาซะเลยครับ ยิ่งนิสัยและการแสดงออกในหลายๆอย่างที่ถูกนำเสนอออกมาด้วยแล้ว ผมไม่รู้สึกเลยว่าคิทาโร่ในเรื่องนี้เป็นตัวละครฝั่งดีเลยด้วยซ้ำ แทบจะเป็นตัวตนแบบเทาๆ ด้วยการแสดงออกของตัวตนตามในเรื่องนี้ ซึ่งผมว่าถ้าใครได้อ่านก็คงคิดไม่ต่างจากผมหรอกครับ
ตัวเนื้อเรื่องที่เราเคยคุ้ยเคยกับเวอร์ชั่นอนิเมะ ที่ออกมาปราบปีศาจภูตผีเป็นตอนๆ ในเวอร์ชั่นนี้กลับเป็นเนื้อหายาวๆ แทน ภารกิจการปราบปีศาจนั้นไม่มีอยู่ในนี้ แต่เป็นการบอกเล่าการใช้ชีวิตตั้งแต่เริ่มต้น ของเขาและการเข้ามาวุ่นวายของปีศาจที่แสนวุ่นวายอย่างปีศาจหนูซึ่งใครเป็นแฟนเรื่องนี้จะรู้จักตัวละครนี้ดีไม่ต่างจากคิทาโร่และพ่อของเขาเลยครับ ในเรื่องที่เล่าความวุ่นวายของพวกเขาในสังคมญี่ปุ่นตอนนั้น เลยทำให้ปีศาจหนูเป็นบอสของเรื่องนี้แบบกลายๆเลยทีเดียว
ใช่ครับ ปีศาจหนูไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์อะไรหรอกนะครับ แต่ตัวตนความสกปรกและการใช้ชีวิตแบบแปลกๆ ได้เข้ามาทำให้เรื่องต่างๆมันวุ่นวายผสมกับปีศาจเล็กๆน้อยๆที่เข้ามาในบางช่วงจังหวะ ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องอลเวงแบบนึงซะมากกว่า แต่ทั้งหมดจะมีเรื่องราวของตัวตนภูตผีปีศาจที่สังคมยังให้ความสนใจในพวกเขาและตัวตนจาก “นรก” ที่โลกยังไม่ให้การยอมรับเล่าอยู่ในเนื้อหาทั้งเรื่องครับ
เพราะแบบนั้น ถ้ามองจากยุคปัจจุบัน ผมมองว่าเนื้อหาของเรื่องนี้อาจไม่ได้น่าสนใจในแง่ความสนุกครับ เพราะมันไม่ได้มีเรื่องราวแนวอภินิหาร การต่อสู้ อย่างที่เราคุ้นเคยอะไรให้เห็น แต่สิ่งที่น่าสนใจของเวอร์ชั่นนี้ก็คือรูปแบบการนำเสนอและวิธีการนำเสนอต่างหากครับ ที่แตกต่างและโดดเด่นแบบที่ในยุคนี้ไม่มีให้อ่าน นั่นคือความรู้สึกของผมจากที่ได้อ่านเวอร์ชั่นนี้นะครับ
ด้วยความที่มันเก่ามากๆ เรื่องนี้มีรูปแบบการนำเสนอที่ดูคล้ายคอมมิคไม่น้อยนะ ตั้งแต่การวางช่องในการเล่าแบบง่ายๆ ตามสไตล์คอมมิค หรือแม้แต่ตัวละครหลักบางตัวอย่าง “มิซุกิ” ผู้รับเคราะห์หนักของเรื่องก็มีความคล้ายกับการวาดแบบคอมมิคมากกว่ามังงะ รวมถึงอารมณ์ทางใบหน้าและการแสดงออกในหลายๆจังหวะตลอดทั้งเรื่องด้วย อันนี้อาจเป็นความตั้งใจของผู้วาดเองก็ได้ครับ เพราะไม่ใช่ทั้งเรื่องที่ให้อารมณ์แบบคอมมิค แต่มันยังมีความเป็นมังงะด้วยตัวละครและการวาดในหลายๆจังหวะ เรียกว่าเป็นสัดส่วนที่ผสมกันเกือบครึ่งต่อครึ่งเลยในสายตาผม
ซึ่งสำหรับผมแล้วลายเส้นในเรื่องนี้ถือว่าเป็นทีเด็ดหรือจุดอ่อนไปพร้อมๆกันก็ว่าได้นะครับ เพราะหากมองจากคนในยุคปัจจุบัน ผมว่าลายเส้นนี้ไม่ได้ดึงดูดอะไรนัก เป็นลายเส้นที่เรียบง่ายซะด้วยซ้ำ ยิ่งตัวละครหลักอย่างคิทาโร่นี่ไม่ได้หล่อ ดูดีอะไร ออกจะอัปลักษณ์ก็ว่าได้ แต่ความเรียบง่ายนี้กลับถ่ายทอดความน่ากลัวออกมาได้อย่างน่าสนใจในหลายๆฉาก ความดิบในแบบดั้งเดิมกลับนำเสนอเรื่องลี้ลับออกมาได้ดีแบบมีกลิ่นอายความเก่าของอดีต ซึ่งมันเข้าได้ดีกับเนื้อหาที่มีเหล่าภูตผีญี่ปุ่นอยู่ในเรื่อง หลายๆฉากที่มันดูเรียบง่ายหรือไม่มีอะไรนั้น มันดูสร้างบรรยากาศความน่ากลัวแบบโบราณและอดีตออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์ซึ่งในปัจจุบันไม่มีกลิ่นอายอะไรแบบนี้ในมังงะญี่ปุ่นอีกแล้วครับ
และด้วยเรื่องนี้มีภาพสีเข้ามาผสมด้วย ผมว่านี่คือจุดที่ทำให้เรื่องนี้ดูน่าสนใจอย่างมาก เพราะหน้าสีส่วนนึงที่ใช้เป็นภาพเปิดนั้น มีโทนสีของความเก่าแบบญี่ปุ่นยุคนั้น ที่นำมาใช้แล้ว ให้ความรู้สึกคลาสิคแบบเก่าๆ สวยแบบเก่าๆ และดึงดูดคนอ่านอย่างผมอย่างมาก มองแล้วให้ความรู้สึกทั้งสวยทั้งเก่า ช่วยดึงความสนใจให้กับการอ่านเรื่องนี้ไม่เรียบเกินไป เพราะต้องยอมรับว่าเนื้อหาของเรื่องมันไม่ได้เน้นความสนุกและตื่นเต้นอะไร ออกแนวราบเรียบในหลายๆจังหวะด้วยซ้ำ การขั้นด้วยภาพสีในตอนเปิดของแต่ละตอนนั้น ถือเป็นสิ่งที่ดีที่ผู้ทำใส่มาได้อย่างลงตัวและน่าสนใจ รวมถึงเนื้อหาที่เป็นภาพสีด้วยเช่นกัน โทนและอารมณ์ที่ได้จากหน้าสีในเล่ม ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยดึงอารมณ์และปรับความรู้สึกของคนอ่านระหว่างอ่านให้ยังไม่หลุดออกจากเนื้อหาได้ดีครับ สำหรับเรื่องราวในเวอร์ชั่นนี้กับการอ่านในยุคนี้มันสำคัญสำหรับผมมากครับ
ด้วยความที่เวอร์ชั่นนี้เป็นเวอร์ชั่นดั้งเดิม และจากที่ทางผู้จัดทำ(สนพ) ได้ให้ข้อมูลไว้ ดูเหมือนกับว่านี่เป็นเวอร์ชั่นที่ทาง อ. MIZUKI SHIGERU มีปัญหาในเรื่องต่างๆกับ สนพ ที่เขาสังกัดอยู่ ซึ่งตรงนี้ผมอยากให้ไปอ่านและทำความเข้าใจด้วยตัวเองนะครับ มันมีข้อมูลที่ผมว่ามันมีผลต่อการใส่เรื่องราวเข้าไปอย่างที่เราได้อ่านจากในเวอร์ชั่นนี้ไม่มากก็น้อยนะ ถือว่าเรื่องนี้ถูกวาดออกมาในระหว่างมีปัญหาในหลายๆแบบ (อันนี้ผมคิดว่านะครับ)ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ผมว่ามันสะท้อนอะไรหลายๆอย่างให้คนอ่านอย่างผมได้เข้าใจบางอย่างนั้นได้มากขึ้นครับ ซึ่งผมขอไม่อธิบายนะครับ ขี้เกียจพิมพ์ครับ แค่นี้ก็เยอะละ และคิดว่าแต่ละคนน่าจะตีความต่างกันไปด้วยครับ
“ฮาคาบะ คิทาโร่ ปฐมบทแห่งสุสาน” เวอร์ชั่นที่รีวิวอยู่นี้เป็นผลงานจากค่ายประจำของผมอีกค่ายอย่าง bootlegg comics ครับ ซึ่งค่ายนี้เป็นอีกค่ายที่ผมตามสนับสนุนมาตั้งแต่ต้น เพราะผลงานที่ผลิตออกมานอกจากเรื่องจะโดนใจอยู่เสมอแล้ว ผลงานยังดีอยู่เสมอ ทำให้คนจ่ายอย่างผมไม่เคยผิดหวัง โดยก่อนหน้านี้ไม่คิดว่าจะไปหาเรื่องนี้มาทำนะครับ ส่วนนึงคือรู้สึกว่ามันเก่าเอามากๆ เพราะแม้จะเคยมีงานเก่าๆของ อ.โอซามุ มาให้อ่านเป็นระยะ แต่นี้เป็นงานเก่าของ อ. ท่านนี้ที่ไม่เคยหยิบมาทำก่อนหน้านี้เลย แถมพอได้มาแล้วเห็นตอนประกาศยังตกใจเพราะมันเป็นเวอร์ชั่นที่ผมไม่รู้จัก(ก็ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้เรื่องนี้อะนะ) ซึ่งเวอร์ชั่นนี้มีรายละเอียดอย่างเยอะที่ทางค่ายให้ไว้ก่อนพรีครับสามารถไปอ่านได้ไม่อยากเอาลงมาใส่ครับ เยอะเกิน
โดยครั้งนี้ทางค่ายพิมพ์ออกมาเป็น 2 ล็อตครับ ล็อตนี้เป็น 3 เล่มแรก และล็อตที่สองในอนาคตอีก 3 เล่ม รวมเป็น 6 เล่มจบครับ ซึ่งทั้งหมดพิมพ์ออกมาด้วยขนาดเล่มเท่ากับหนังสือการ์ตูนทั่วไปนะครับ ด้วยตันฉบับที่ได้มาเขาแจ้งว่าเป็นแบบเล่มเล็กด้วยความหายากและต้นฉบับดั้งเดิมเขาก็มีขนาดเล็กกว่าหนังสือการ์ตูนที่เราคุ้นเคยกันด้วยซ้ำ เลยขยายมาขนาดเท่านี้น่าจะดีที่สุดแล้ว ซึ่งตัวเล่มทำออกมาแบบปกสองชั้นครับ
ปกนอกทำออกมาเป็นภาพสี เคลือบ PVC ด้าน สีสันสวยงามการออกแบบก็ดูดี พิมพ์ออกมาคมชัดไม่มีปัญหาอะไรให้ติครับ ตัวกระดาษถือว่าดีนะ ถอดออกมาจากตัวเล่มแล้วกระดาษไม่ห่อตัว ทำให้ถอดเข้าถอดออกได้โดยไม่เสียรูปทรงและเกาะตัวเล่มได้เหมือนเดิมครับ ส่วนปกแข็งด้านในพิมพ์ภาพสีแบบง่ายๆ ลงบนพื้นหลังสีดำพร้อมเคลือบ PVC ด้านเช่นกัน ทำออกมาเรียบง่ายแต่โดดเด่นดีครับ ใช้ภาพคนละภาพกับปกนอก ส่วนตัวแค่นี้ก็ดีแล้วครับ ถือว่าแตกต่างและดูสะดุดตาดีครับ
ตัวเล่มเปิดอ่านแบบญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละเล่มจะมีภาพสี และหน้าสีแตกต่างกันไปครับ แต่หน้าสีทุกหน้าบอกเลยว่าสวยงามดี งานพิมพ์คมชัดได้ดีแม้จะเก่าเอามากๆ ส่วนตัวมองว่าทำออกมาได้ดี น่าสนใจ สวยมากในสายตาผม แถมช่วยดึงดูดสายตาและความสนใจระหว่างอ่านได้อย่างมากครับ โดยแต่ละเล่มจะมีหน้าสีไม่เท่ากันนะครับ อย่างเล่ม 1 มีหน้าสี 52 หน้า(จากจำนวนหน้า 376หน้า) เล่ม 2 มีหน้าสี 36 หน้า(จาก360หน้า)และ เล่ม 3 มีหน้าสี 30 หน้า(จาก 322 หน้าในเล่ม) ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนราวๆ 10% ของจำนวนหน้าซึ่งเยอะนะครับ ถ้ามองว่ามันเป็นจุดที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นเยอะเอามากๆ ตรงจุดนี้ขอตลบมือให้ครับ เพราะแม้ทำให้ราคาหนังสือเพิ่มขึ้น แต่หากได้จับและอ่านจะรู้เลยว่าหน้าสีพวกนี้ มันสำคัญ และช่วยให้เล่มนี้มีความสมบูรณ์เอามากๆครับ
ตัวเล่มใช้กระดาษกรีนรีดนะครับ นอกจากภาพสีแล้ว นอกนั้นก็พิมพ์ขาวดำเอาครับ ความคมชัดผมถือว่าโอเคนะ ยิ่งมองจากต้นฉบับที่เก่าเอามากๆแล้ว ความคมชัดได้ระดับนี้ถือว่าโอเคมากแล้ว แม้บางจุดจะดูภาพมีความมืดไปซักหน่อย ซึ่งจุดนี้ ทาง สนพ อธิบายไว้ตั้งแต่ตอนพรีแล้วครับ ภาพรวมความคมชัดสำหรับผมถือว่าดีเลยครับ รวมถึงงานแปลด้วย เพราะเรื่องนี้มีความเฉพาะและเก่าของยุคสมัยมาก เท่าที่อ่านมาผมว่าโอเคนะครับ อ่านได้ลื่นและคล่องดี รวมถึงเนื้อหาเสริมและเรื่องราวที่เพิ่มเติมเข้ามาที่ทางค่ายแปลไว้ให้อ่านอ้างอิง ผมก็ว่าอ่านรู้เรื่องระดับนึงนะครับ ภาพรวมส่วนตัวผมพอใจครับ และคิดว่าหลายๆคนที่ได้จ่ายเงินไปน่าจะประทับใจและพอใจกับงานผลิตของเซ็ทนี้ครับ
สำหรับผมแล้วผมรู้สึกว่าเวอร์ชั่นที่ได้ถือนี้มีความเฉพาะในหลายๆด้านนะครับ หากไม่ได้มองว่าผมรู้จักเรื่องนี้มาบ้างบางส่วนแล้วละก็ ต้องบอกว่าเวอร์ชั่นนี้มีความแตกต่างจากที่รู้จักมาอย่างมากครับ ธีมของเรื่อง เนื้อหาข้างในแตกต่างอย่างชัดเจน ลบภาพของคิทาโร่ในเวอร์ชั่นที่เรารู้จักไปเกือบทั้งหมดเลยทีเดียว ส่วนตัวมองว่าเนื้อหาข้างในมันมีภาพสะท้อนของสังคมญี่ปุ่นในแบบดิบๆ แตกต่างจากคิทาโร่ที่ถูกนำเสนอออกมาในช่วงหลังอย่างมาก
ถือว่ามีความเป็นผู้ใหญ่และมีการเสียดสีสังคมโดยอาศัยความเป็นตัวตนของภูตผีปีศาจของญี่ปุ่นอย่างมีนัยยะอย่างมากสำหรับความเข้าใจในแบบของผมครับ จริงๆหลายคนอ่านแล้วอาจไม่รู้สึกแบบผมก็ได้นะ และหลายๆคนในยุคนี้ถ้าได้อ่านเวอร์ชั่นนี้แบบไม่เคยรู้จักมาก่อนอาจจะงุนงง ว่านี่มันมังงะอะไรฟ่ะ ก็ได้ เพราะในแง่มุมนึงเรื่องนี้ราบเรียบและไม่มีจุดเด่นอะไรชัดเจนที่จะเรียกคนในยุคนี้ให้อ่านเลยก็ว่าได้ ตัวผมเลยมองว่าเรื่องนี้มันเฉพาะกลุ่มเอามากๆ
ถ้าไม่ใช่แฟนมังงะเก่าๆ หรือแฟนคิทาโร่ ที่อยากอ่านเรื่องราวของเขาแล้วละก็ไม่มีทางเลยที่คุณจะหาเรื่องนี้มาอ่านครับ ต้องยอมรับว่าเป็นเวอร์ชั่นที่วัดใจคนอ่านมากๆ คงมีหลายคนที่อ่านไม่จบก็เป็นได้ครับ ส่วนตัวมันคือประวัติศาสตร์อีกรูปแบบนึง ที่ถูกหยิบจับมานำเสนอให้คนยุคหลังได้อ่านกัน คุณค่าทางความสนุกอาจไม่ได้เยอะ แต่คุณค่าทางเนื้อหาและความเป็นยุคสมัยเหลือล้นครับเรื่องนี้ แฟนๆแนวนี้ห้ามพลาดครับ ไม่พิมพ์เยอะ(เหรอ) เพราะปวดมือแล้วครับ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองครับ อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้พลาดครับ สำหรับเวอร์ชั่นนี้...
*** อนาคตหากได้อ่าน จนจบ เล่ม 6 อาจมาเพิ่มเติมคอมเม้นท์ให้ได้อ่านกันก็ได้นะครับ เพราะฉะนั้นคะแนนที่ให้ไว้สำหรับอ่านจบแค่เล่ม 3 นะครับ ***
ภาพ 8/10 (ไม่ได้สวย แต่มันชวนให้รู้สึกไปได้ไกลกว่าลายเส้นครับ)
เรื่อง 8.5/10 (แม้จะดูเอื่อยๆและดูไม่เร้าใจ แต่ตามประสบการณ์ส่วนตัวผมมองว่ามันฝังและแฝงพลังงานบางอย่างเอาไว้นะครับ555)
ความประทับใจ 8.5/10 (จริงๆอาจจะให้น้อยกว่านี้ ถ้าไม่ได้ติดว่าสัมผัสถึงพลังงานบางอย่างที่ใส่เอาไว้ในเรื่องนี้ครับ อิๆๆๆ)
อ่านรีวิวเรื่องอื่นๆที่ทางเพจเคยรีวิวไว้มีกว่า 900 กว่าเรื่องตามลิงค์ด้านล่างนี้ครับ.
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1803100219800016&id=998161640293882
.
#Manga #รีวิวการ์ตูน #ยังไม่จบ #BootleggComics #การ์ตูนแนวภูตผีปีศาจ #การ์ตูนแนวเสียดสีสังคม #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวคลาสิค #8คะแนน #ฮาคาบะคิทาโร่ปฐมบทแห่งสุสาน #หนังสือการ์ตูน #Rate13 #การ์ตูนแนวรวมสะท้อนสังคม
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย