7 มี.ค. 2022 เวลา 15:14 • ท่องเที่ยว
#เที่ยวคนเดียวครั้งแรก
✍️เหตุผลของการเดินทาง…
เราอยากหนีตัวเองในเวอร์ชั่นที่เราไม่ชอบ หมด passion กับสิ่งที่เคยหลงไหล ศรัทธาตัวเองน้อยลง ขาดความมั่นใจ และเข้าสังคมไม่เก่งเอาซะเลย (แค่หวังว่า การออกเดินทางคนเดียว การได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น คงจะเปลี่ยนมุมมองได้บ้าง)
และนี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราเลิกเขียนมาเป็นปี…
🤍🤍แอบสปอย ทริปนี้ได้ผลเกินคาด🤍🤍
เริ่มต้นการเดินทาง
🚃17 ชั่วโมงบนรถไฟ
🚗4 ชั่วโมงของการขับรถ
เริ่มต้นการเดินทางกันเลย 👉
เราขึ้นรถไฟที่สถานนีบางบำหรุเป็นสถานนีต้นทาง เวลา 15:10 น. ล้อหมุน เป็นรถไฟขบวนที่ 31 ทักษิณารัถย์ ตู้นอนปรับอากาศ ชั้น 2 เราเลือกเตียงล่างเพราะจะได้วิวหน้าต่างตอนกางเตียง ราคาก็จะแพงกว่าเตียงบน 100 บ. เราโชคดีมากที่เก้าอี้ตรงข้ามไม่มีผู้โดยสาร ได้ฟังเพลง ชมวิวสบายใจ ไม่มีคนนั่งจ้องหน้า ได้เห็นวิถีชีวิต บ้าน ที่อยู่อาศัยของคนที่อยู่ริมทางรถไฟ บรรยากาศดูอบอุ่นมากเลย พกหนังสือมา 1 เล่ม สรุปอ่านไม่จบ เพราะมัวแต่ดื่มด่ำกับบรรยากาศข้างทาง
สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยของการนั่งรถไฟ คือ ก๋วยเตี๋ยวเเห้งราชบุรี หน้าตาดูธรรมดาๆ เเต่รสชาติอร่อยมาก ราคากล่องละ 10 บาท ทาน 2 กล่อง อิ่มเลย เนื่องจากช่วงสถานการณ์โควิด การรถไฟเลยห้ามไม่ให้แม้ค้าขึ้นมาขายของ ก็จะมีคุณแม่บ้านเดินถามว่าจะฝากซื้ออะไรมั้ย ในแต่ละสถานี พร้อมน้ำดื่มบริการ 1 ขวด
เดินทางไปสักพัก ได้เวลาปูเตียง เจ้าหน้าที่จะถามประมาณ 18.30 น. เราจองตู้สตรีและเด็ก เจ้าหน้าที่ก็จะเป็นผู้หญิง ส่วนผู้โดยสาร ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคุณป้า คุณยาย
ส่วนห้องน้ำ ตามในภาพเลย สะอาดมาก ประทับใจ
บนรถจะมีปลั๊กเสียบไฟได้ด้วยนะ ได้1จุดต่อ1 ที่นั่งเลย เเต่ถ้าจองเตียงบน ปลั๊กก็จะอยู่ชั้นบนนะ เราถึงสถานีปลายทาง หาดใหญ่ เวลา 7.45 น. เลทไปประมาณ 15 นาที
เพื่อนใหม่บนรถไฟ คุณยายวัย 77 ปี เดินทางคนเดียวจากกรุงเทพ เก่งมาก คุณยายจะลงที่ควนมีด แต่ต้องเปลี่ยนรถไฟ นั่งต่อไปอีก 2 สถานี เราจองรถเช่าไว้ที่หาดใหญ่ ก็เลยอาสาไปส่ง ไหนๆก็เป็นทางผ่านอยู่แล้ว คุณยายดีใจมาก ตอนขับไปส่งในหมู่บ้าน คุณยายเปิดกระจกทักเพื่อนบ้านตลอดทางเลย บอกว่าลูกบุญธรรมจากกรุงเทพฯมาส่ง เป็นการเริ่มต้นเดินทางที่รู้สึกดีมาก
ส่งคุณยายเสร็จก็ขับรถยาวๆไปเบตง แม่เจ้า ดูทางสิ ถ้าไม่ได้ขับรถเอง คงเมารถไปแล้วแหละ โค้งตลอดทาง จุดแรกที่เจอระหว่างทางคือสะพานข้ามทะเลสาบป่าฮาลา-บาลา สวยมากกกกก วิวคือดีสุดๆ แม้แดดจะร้อน แต่ก็อดที่จะจอดรถถ่ายรูปไม่ได้ อยากยืนอยู่ตรงนั้นนานๆ แต่เรายังมีจุดหมายที่ยังต้องไปต่อ
แพลนไว้ว่าจะไปน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (น้ำตกอัยเยอร์เค็ม) แต่ปรากฏว่า GPS พาอ้อมขึ้นเขาหลายลูกมาก ใช้เกียร์ต่ำตลอดทาง ลุ้นสุดๆ แถมหูอื้ออีกต่างหาก พอไปถึงทางเข้า มันไม่ได้เป็นอย่างที่อ่านรีวิวมา เปลี่ยวมาก ทางเข้าเป็นป่ารกๆ หาที่กลับรถแทบไม่ได้เลย GPS พาหลงเเหละ ถอดใจเลย ก็เลยคิดว่าขับไปตั้งหลักที่ที่พักที่จองไว้ก่อนดีกว่า พอไปถึง บรรยากาศวังเวงไปอีก มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ก็เลยตัดสินใจขับรถไปนอนในเมืองเบตง ตอนนั้นประมาณ บ่าย 2 แต่หิวแหละ เลยไม่มีแรงเที่ยวต่อ ขับตรงไปเข้าเมืองเบตงเลย
เข้าที่พักเเล้วก็นึกถึงคุณยายอีกท่านที่คุยกันบนรถไฟ แกบอกว่า มาเบตงต้องไปกินให้ได้เลยนะ เมนูไก่เบตงกับผักน้ำ เราก็เลยต้องจัด กินหมดได้ไงเนี่ย อร่อยหรือว่าหิวนะ หลังจากทานเสร็จก็เดินดูบรรยากาศรอบเมือง อากาศไม่ร้อนนะ เมืองเล็กๆ เดินได้ทั่วเลย
เสร็จแล้วก็จบทริป งงๆ ของวันนี้ เข้าที่พัก นอน
เช็คเอ้าท์ออกจากที่พักตอนตี 4 เพราะวันนี้เรามีนัดกับไกด์ชึ้นไปดูทะเลหมอก ทางในเมืองก็สว่างดี แต่ออกจากเมืองแล้วเท่านั่นแหละ แม้เต่ไฟถนนสักดวงก็ไม่มีให้ชื่นใจ ขับไป ตื่นเต้นไป ทั้งมืดทั้งโค้ง สุดท้ายเราก็มาถึง กม.22 จนได้ เจอไกด์ (แบวา) เรียบร้อย พร้อมซ้อนท้ายรถขึ้นเขาเลย
ระยะทางประมาณ 5 กิโล แต่เรามาคนเดียว เลยได้นั่งซ้อนมอไซต์ นั่งบ้าง เดินบ้างเป็นระยะ กับทางที่มืดสนิท แต่เห็นดาวสวยมาก
ที่ชี้นั่นคือเรามาถึงครึ่งทางแล้ว และเราต้องเดินเท้าต่อไปที่ยอดเขาลูกนั้น
VIP สุดๆ เป็นคนแรกที่ขึ้นไปของวัน ไกด์ (แบซู) เลยบริการถ่ายภาพกับดาวให้ ท้องฟ้าตอนตี 5 สวยมากกกกกก มาเที่ยวครั้งนี้คิดว่าจะไม่ถ่ายภาพตัวเองเลย แต่กลับได้ภาพสวยๆรัวๆ 555
ถึงแล้วยอดฆูนุงซีลีปัต
และนี่คือทะเลยหมอก 360 องศา
ไม่อยากถ่ายก็ต้องถ่ายแหละ วิวดีขนาดนี้
ตอนเดินขึ้นมา เกือบบจะถอดใจแระ เหนื่อยมากกกกก แต่พอมาถึงเท่านั่นแหละ คำว่าวิวดีจนหายเหนื่อยมันเป็นแบบนี้นี่เอง
เป็นความประทับใจที่จะตรึงอยู่ในใจไม่มีวันลืมเลยเเหละ ทั้งวิว ทั้งไกด์ มันดีมากจริงๆ
ขึ้นมาได้สักพัก ก็มีทีมอื่นทยอยขึ้นมา ทุกคนมาเป็นแก๊งกันหมดเลย คงสนุกน่าดู แต่แบบเราก็ไม่แย่นะ นั่งมองหมอกเคลื่อนตัวไปช้าๆ รับแสงแดดในยามเช้า ใช้เวลาในการทบทวนอะไรหลายๆอย่าง ถึงตอนนี้ เราก็อยากจะขอบคุณทุกๆเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดี เหมือนได้รับพลังงานด้านบวกจากธรรมชาติมากๆเลย
ลงจากฆูนุงเราก็ขับรถกลับ ระหว่างทางก็แวะน้ำตกธารโต เพราะอยากแก้มือที่เมื่อวานตามหาน้ำตกไม่เจอสักที ถึงจะคนละที่กัน แต่ที่นี่ก็สวยไม่น้อยเลยนะ
น้ำตกธารโตอยู่ในอุทยานแห่งชสติบางลางมีทั้งหมด 9 ชั้น และชั้นที่ 9 มีชื่อว่าธารโต เลยแอบส่งสัยว่า ‘’หรือนี่จะเป็นที่มาของชื่ออำเภอธารโตกันนะ’’
ต้นไม้ทุกต้นใหญ่โตมากๆ สัมผัสได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าผืนนี้เลย
จบทริปการเที่ยวคนเดียวครั้งแรก
ตอนแรกแอบกลัวนะว่าจะเหงารึป่าว แต่เอาเข้าจริง นอกจากก่อนนอนแล้ว เราแทบจะไม่มีเวลาเหงาเลย เพราะต้องคิดตลอดเวลาว่า เราจะเอาตัวรอดกับสถานการณ์ต่างๆที่เจอยังไง
เราเป็นพวก Introvert โลกส่วนตัวค่อนข้างสูง เข้าสังคมไม่เก่ง หรือหลายๆคน อาจจะคิดว่าเราเป็นใบ้เมื่อต้องอยู่ในที่สาธารณะเลยก็ว่าได้ จะคิดเยอะมาก คิดเผื่อทุกอย่างก่อนที่จะพูด แต่การมาครั้งนี้ เราอยากจะลองไม่คิดดูบ้าง จะเจออะไร ก็ช่างมัน ไม่คิด พยายามลดการเสิร์ชหาข้อมูล แล้วใช้ปากถามให้ได้มากที่สุด หัดที่จะทักทายคนอื่นก่อน แล้มมันก็ได้ผล เราไม่ฝืนเลย ไม่ว่าเราจะเป็นคนประเภทไหนก็ช่างมันเถอะ เเค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ เรามีความสุขมากๆแล้วก็พอเเล้ว ประสบการณ์ครั้งนี้มันได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ และฝากมุมมองใหม่ๆให้เราได้เยอะแยะเลย ขอบคุณนะ 🤍
โฆษณา