9 มี.ค. 2022 เวลา 15:44 • กีฬา
นับตั้งแต่ที่ ทีมแมนเชอร์เตอร์ยูไนเต็ดกับทีมเอฟเวอร์ตั้น มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม เมื่อปี 2013 ทั้ง 2ทีม ไม่เคยเฉียดใกล้ความสำเร็จที่ตัวเองเคยทำได้ในระดับเดิมที่ผ่านมาอีกเลย
David Moyes กับ Sir Alex Ferguson
เป็นเวลากว่า 9 ปี ที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมวนเวียนเข้ามาแบบเก้าอี้ดนตรี ทีมปีศาจแดงเปลี่ยนผู้จัดการทีมไป 5 คน โดยมีความสำเร็จแค่ถ้วยยูโรป้า,เอฟเอคัพและคาราบาวคัพ อย่างละ 1 สมัย ขณะที่ทีมทอฟฟี่ใช้ผู้จัดการทีมไป 7 คน ไม่มีความสำเร็จใดเป็นชิ้นเป็นอันเลย ซึ่งหากจะหาผู้รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่พ้น ผู้บริหารฯของ 2 ทีมอย่างแน่นอน
ความสำเร็จครั้งล่าสุดปี 1995 ของทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน
ทันทีที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันวางมือ เดวิด มอยส์ อดีตกุนซือทอฟฟี่ได้ก้าวเข้ามาคุมทีมแทน โดยมีเป้าหมายคือความสำเร็จแบบเดียวกับที่เซอร์อเล็กซ์เคยทำได้ แต่สุดท้ายผลงานไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง ทำให้กุนซือคนใหม่ถูกเปลี่ยนมือเข้ามาพิสูจน์ตัวเองคนแล้วคนเล่าจนกระทั่งปัจจุบันก็ยังไม่เคยมีใครพาทีมกลับมาประสบความสำเร็จเหมือนเมื่อก่อนได้อีก
ปี 2013 ปีสุดท้ายของการคุมทีมและเป็นถ้วยสำคัญใบสุดท้ายที่ทีมเคยได้
เอฟเวอร์ตั้นเหมือนจะเจอปัญหาที่หนักกว่า นับตั้งแต่เปลี่ยนจากกุนซือเดวิด มอยส์ มาเป็น โรเบิร์ต มาติเนซ แม้มาตรฐานทีมไม่ได้ลดหย่อนไปกว่าเดิมเท่าไรในช่วงแรก แต่พอผ่านไปสักระยะ เหมือนจะสู้แรงเสียดทานไม่ไหว กับการพิสูจน์ตัวเองให้ได้เหมือนที่มอยส์เคยทำ ปลายฤดูกาล 2016 ทีมประสบปัญหากับฟอร์มการเล่นมีผลงานที่ตกต่ำ ทำให้เดวิด อันธ์เวอร์ท ต้องเข้ามารักษาการแทนมาติเนซ จนจบฤดูกาล
จุดเริ่มต้นของหายนะเริ่มมาจาก การที่ Mr. Farhad Moshiri เข้ามาเป็น ผู้บริหารของทีม ร่วมกับ Bill Kenwright มีการประกาศแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่ ที่ชื่อ โรนัล คูมันด์ พร้อมกับเม็ดเงินอัดฉีดจำนวนหลายล้านปอนด์เพื่อเสริมทัพนักเตะใหม่เข้ามา เมื่อปี 2016 ปีนั้นน่าจะเป็นปีที่แฟนๆทอฟฟี่ตั้งความหวังไว้มากที่สุดว่า ทีมจะต้องกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายความสำเร็จไปนานกว่า 30 ปี แต่ผ่านไปแค่ฤดูกาลเดียวกลายเป็น เดวิด อันธ์เวอร์ท ที่ถูกแต่งตั้งมารักษาการแทนอีกครั้ง เมื่อ ต.ค. 2017 ด้วยเหตุผลเดิมคือ ผลงานที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง
Farhad Moshiri กับ Bill Kenwright 2 ผู้บริหารที่มีส่วนกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
ปัญหาของผู้บริหารอีกเรื่องนึง ที่ทีมปีศาจแดงเจอคือ การเอาธุรกิจมาปนกับฟุตบอลมากเกินไป หลายเรื่องต้องผ่านการตัดสินใจหลายขั้นตอน และหลายครั้งที่ผู้จัดการทีม ไม่มีโอกาสได้เลือกนักเตะตามที่ตัวเองต้องการ รวมถึงแม้กระทั่งการเลือกผู้จัดการทีมเองที่สามารถคาดหวังความสำเร็จได้ในแต่ละฤดูกาลเข้ามาทำทีม เมื่อมีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมบ่อยผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ การวางระบบการเล่น การสร้างผู้เล่นจากระบบเยาวชน ไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันกับการซื้อนักเตะที่สามารถสร้างความสำเร็จได้ไปพร้อมๆกันกับทีม สุดท้ายทุกอย่างเหมือนวนกลับมาเริ่มนับ1 ใหม่ตลอดทุกครั้ง
ปัญหาใหญ่ล่าสุดที่ทีมเอฟเวอร์ตั้นเจอคือ การทำผิดกฏการเงินของพรีเมียร์ลีค เนื่องจากข่าวล่าสุด กำลังมีการสอบสวนทางด้านการเงินของทีมในช่วงปี 2017-2020 ที่มีปัญหาว่าอาจจะขาดทุนเกินกว่า 155 ล้านปอนด์ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงการสอบสวน ซึ่งถ้าผิดจริงจะสุ่มเสี่ยงต่อการโดนตัดแต้มซึ่งจะกระทบกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ต้องลุ้นหนีตกชั้นอย่างแน่นอน
บทสรุปสุดท้ายของทั้ง 2 ทีม คงต้องบอกได้เลยว่า ตราบใดที่ทั้ง 2 ทีมยังใช้ผู้บริหารชุดเดิม คงยากที่ทีมจะกลับมาใกล้กับความสำเร็จที่เคยเป็นมาในอดีตได้อีก ครั้งหนึ่งเซอร์อเล็กซ์ เคยกล่าวไว้ว่า การที่ทีมชนะบ่อยๆอยู่เป็นประจำ จนเป็นมาตรฐานของทีม สิ่งเหล่านี้จะช่วยดึงดูดให้ คนเก่งหรือผู้ชนะ อยากมาอยู่ร่วมทีมกับเหล่าผู้ชนะด้วยกัน โดยที่ค่าเหนื่อยที่ได้รับอาจจะน้อยกว่าทีมอื่นด้วยซ้ำ วันนี้คำพูดนี้ คงไม่สามารถใช้ได้กับในสถานการณ์ปัจจุบันของทีมทั้ง 2 ได้ ยิ่งถ้าเหลือบตามองเพื่อนบ้านที่น่ารำคาญ หรือคู่แข่งทางเมอร์ซี่ไซค์แล้ว คงอีกหลายปี กว่าจะกลับมาเป้นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ หรืออาจจะอีกเมื่อไรก็ไม่มีใครรู้ได้เลยจริงๆ
โฆษณา