9 มี.ค. 2022 เวลา 17:23 • ความคิดเห็น
- เมื่อก่อนก็คิดว่าต้องทำยังไง ตอนนี้ก็มีแต่ต้องพยายามให้สุดกำลัง
- หลายวันมานี้เราก็ได้ฟังคนอื่นพูดในทำนองที่ว่า จริง ๆ โลกมันดีจะตาย ดีกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะ ดีหยั่งงั้นหยั่งงี้น ... คือ เรานั่งฟังแล้วก็ย่นหน้าใส่
- มันเป็นความเหนื่อยหน่ายใจของคนที่พยายามคอลเอ้าท์เรื่องเดิม ๆ หลายปี อย่างเรานี่ก็เรื่องการข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งมันก็ไม่ได้พัวพันกับอะไรอย่างอื่นในทางตรงเท่าไหร่ แต่ในอีกหลายรูปแบบของมันก็ดันยึดโยงกับหลายสิ่งหลายอย่าง มันเป็นรูปแบบที่เราก็เข้าใจแหละว่า คนอื่นที่เขาไม่ได้ตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง ก็คงจะไม่เข้าใจเหมือนกับที่เราเข้าใจ
- เมื่อก่อนมันก็ทำใจให้วางได้ ใครถกเถียงมาก็อธิบายไป แล้วก็มีช่วงที่เจอเรื่องแรง ๆ ข่าวไกล ๆ ก็มี ข่าวที่อยู่ใกล้ตัวก็มี ช่วงนั้นมันก็เลยหนักหน่อย... เราเคยตกอยู่ในสถานะของคนที่จะโดนจับคลุมถุงชนน่ะ ผู้ชายที่ผู้ใหญ่อยากให้แต่งานด้วยก็ หน้าตาดี รวย แต่เราชอบผู้หญิงไง
- ปัญหาของการคลุมถุงชนมันก็เรื่องนึง และเพศสภาพของเราก็เป็นปัญหาอีกเรื่อง การเป็นเพศที่สามในสังคมบ้านเรา (สมัยก่อน) ไม่สนุกหรอก บอกใครก็ยาก เราเป็นคนที่มีเพื่อนกลุ่มใหญ่มากนะ แต่คุยเรื่องแบบนั้นได้แค่ไม่กี่คน ส่วนที่บ้านก็คือไม่สามารถปรึกษาใครได้ คนที่อันตรายสุดก็พี่ชายตัวเองนี่แหละ
- พี่ชายไม่ชอบผู้ชายคนนี้ รายละเอียดก็ไม่ลงเยอะดีกว่า (ถอนหายใจไป) ส่วนญาติก็อยากดองกับบ้านของผู้ชายสุด ๆ ... เรานี่วางแผนเยอะจนเหนื่อย มีแผนหนีออกจากบ้านด้วย คิดไว้เป็นแผนสุดท้าย แล้วจำได้เลยว่าเราต้องเล่นหนักมากอะ หนักถึงขนาดต้องถามผู้ชายเรื่องที่เขาฉุดผู้หญิงไปข่มขืนต่อหน้าญาติเรา ...
- บรรดาญาติที่ได้ยินก็หน้าเหวอกันหมด ถามว่าเขาล้มเลิกความคิดมั้ย ... อันนี้เราก็ไม่รู้ค่ะ มันส่อแววอยู่เหมือนกัน แต่บังเอิญผู้ชายคนนั้นตายไปก่อน ญาติผู้ใหญ่เราโคตรเสียใจเลย บอกเราเป็นม่ายขันหมาก ... เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนเราอยู่ตอน ม.ต้น
- ตอนจะขึ้น ม.ปลาย เจอปัญหาอีก จะไม่ให้เรียน จะเก็บไว้ให้ทำงานบ้าน แล้วดูแลคนแก่... เราก็ต้องดื้อต่อไป ของแบบนี้มันยอมกันไม่ได้ นี่คือชีวิตเรา มันเป็นของเราทั้งชีวิต ทำไมเราต้องยอมโดนขังเอาไว้แบบนี้ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือจะสำลักบุญคุณตาย แผนเก็บเสื้อผ้าหนีตามผู้หญิงเข้ามาในหัวเลย (ตอนนั้นติดผู้หญิงอยู่)
- แต่สุดท้ายก็ได้เรียนค่ะ แม่กับตาช่วยไว้ เรียนจบ ม.ปลายแล้ว ก็มีช่วงพักหายใจได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้เรียนต่อทันทีนะ เก็บตังค์อยู่ ติดผู้หญิงด้วย ที่บ้านไม่มีใครรู้เรื่องผู้หญิง และบอกเลยว่า ถ้าเราไม่ตั้งใจจะบอก ก็ไม่มีใครรู้
- ตอนชั่วมหาลัยก็ลำบาก ทำงานส่งตัวเองเรียน บอกตรง ๆ ว่าเหนือยฉิบหายเลยตอนนั้น แต่มันก็ดีตรงที่ทำให้เราเริ่มมีความหวัง (เพิ่งจะมาเริ่มมีความหวังเอาตอนเรียนมหาลัย) ตอนนั้นเหมือนชีวิตดีเกิน เลยประมาทไปหน่อย โดนขัดขาเอาตอนปีสุดท้าย ... ดราม่าตรงนี้ก็พูดได้ และเราไม่ได้โทษเพื่อนเท่ากับที่คนอื่นคิดหรอกนะ
- ถ้าเรียนจบตอนนั้น เราจะหายไปเลย 3 ปี แล้วหลังจากนั้นก็จะเริ่มส่งเงินกลับบ้าน บางทีตอนนี้ก็อาจจะวางแผนกลับมาอยู่ดูแลพ่อแม่แล้ว แต่จะมาพร้อมครอบครัวกับภรรยานะ มันจะต่างจากตอนนี้ มันจะลำบากแล้วก็เหนื่อย แต่อย่างน้อยเราก็จะได้ออกไปใช้ชีวิต แล้วก็เป็นมิตรกับทุกคน และก็คงจะไม่มีเวลามานั่งตามข่าวดราม่าข่มขืนกระทำชำเราอะไรทั้งนั้นด้วย
- คำว่า ตอนนี้มนุษย์มีชีวิตที่ดีขึ้น สำหรับเรามันดูเหมือนกับว่า คนพูดเขามองโลกและเชื่อแค่ด้านเดียว คนร้อยคนก็มีสตอรี่ชีวิตร้อยอย่าง เรื่องราวของที่หนึ่ง กับอีกที่หนึ่งก็ต่างกัน คนสมัยนี้อายุยืนกว่าสมัยก่อน ?... แต่คนสมัยก่อนก็ไม่ได้อายุสั้นนะ มันเป็นที่ปัจจัยในการดำรงชีวิตมากกว่า
- คนมีลูกน้อยเพราะสังคมมันเจริญขึ้น ? ... อันนี้ก็น่าแปลกใจเหมือนกัน แปลกใจว่าทำไมเขามองแค่มุมนั้น ? ประชาชนชาวบ้านเนี่ย ถ้าเศษฐกิจดีมาก ๆ มีเงินส่งลูกเรียน ไม่มีหนี้สิน หาเลี้ยงครอบครัวไป เราว่าบ้านนึงก็คงมีลูกกัน 4-5 คนเลย
- จำนวนของสิ่งมีชีวิต มันก็ยึดโยงอยู่กับทรัพยากรณ์ แต่มนุษย์มันมีสังคมหลายรูปแบบ และในแต่ละสังคมก็มีค่านิยมกับความอุปทานหมู่กันไปในแบบของตัวเอง สังคมของชาวบ้านทั่วไปคือ "ขาดแครน" เลยไม่มีลูก สังคมที่หลากหลายทางเพศ ก็ต้องคิดหลายเรื่องหน่อย บางคนไม่อยากมีลูก บางคนอยากมีแต่ไม่มีเงิน บางคนก็มีพร้อม มีลูกได้หลายคน
- และ สังคมคนเรียนเยอะ คนกลุ่มนี้ก็มีความเชื่อแปลก ๆ ว่าเรื่อง เซ็กซ์มันไม่ดี หรือมันน่าอาย เราต้องรักษากายใจให้สะอาดอย่างที่พระท่านว่าไว้ หรืออย่างที่ถูกต้องตามศาสนานั้น ๆ ว่าไว้ ...
- นี่คือโลก... โลกทั้งใบที่ผู้คนมีความหลากหลายในตัวเอง มีเรื่องราวชีวิตของตัวเอง มีสังคมที่หลากหลาย ถ้าจะให้เอาไปเปลียบเทียบกับอดีตว่าโลกแบบไหนดีกว่ากัน เราก็ไม่กล้ายืนยันหรอกว่าอันไหนมันดีกว่าแน่ ๆ ... แต่ถ้าเทียบกันเป็นแต่ละสถานที่ไป แบบก็น่าจะได้ แต่ว่ามันก็จะเป็นการเปรียบเทียบกันไม่จบไม่สิ้น ...
- เราน่าจะต้องเล่าเรื่องนึงก่อนจบ เป็นเรื่องที่เราไปโตเถียงกับเด็ก แต่จะว่าเด็กก็... น่าจะอายุยี่สิบกว่าแล้วน่ะนะ
- เราเห็นเขาคอมเมนต์เข้าข้างปูติน แล้วก็เชียร์ให้ใช้นิวเคลียร์ถล่มยูเครน เราก็ลงไปแย้งเขาแบบดี ๆ ก่อน หลังจากนั้นก็เถียงกันแรงขึ้น แล้วเขาก็ไปหาข้อมูลมาสู้ด้วย แต่มันเป็นการไปหาข้อมูลโดยเอาอคติจากการเถียงกันเราเป็นที่ตั้งค่ะ แล้วไปหาเหตุผลเพื่อเอาชนะ ไม่ใช่เพื่ออยากจะทำความเข้าใจ
- ตอนจบนี่ก็ขอดาร์กหน่อยแล้วกัน คือเราก็ยังต่อสู้ดิ้นรนให้ตัวเองอยู่ค่ะ ถ้าครั้งนี้แพ้ แผนที่วางเอาไว้คือตาย เราไม่ได้อยากจะใช้ชีตแบบนี้นานนักหรอก ใครคิดว่าชีวิตเราตอนนี้สบาย ก็ขอให้มันได้มาอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเราดู หรือใครที่คิดว่าเราสมควรแล้วที่ต้องเป็นแบบนี้ ก็ขอให้มันมาเป็นอย่างเราในเร็ววันก็แล้ว
- แล้วก่อนตายเราก็คง.... ช่างเถอะ อย่างน้อยก็คงภาวนาให้นิวเคลียร์ล้างโลกจนมนุษย์สูญพันธ์ไปหมด หรืออาจจะมีอย่างอื่นมาทำให้มนุษย์สูญพันย์ก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้น.. เราก็น่าจะรู้สึกดี ... แปลกมั้ย ที่เราก็หวังดี แล้วก็พยายามเพื่อให้คนอื่นมีชีวิตที่ดี แต่เรากลับมีอีกความคิดที่อยากให้มนุษย์ทั้งโลกแม่งหายไปเลยเหมือนกัน ...
-... ตอนนี้คงสงสัยกันล่ะสิ ว่าหน้าปกเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ ... คือเราก็แค่เอามาใส่เฉย ๆ แค่นั้นเอง มันเป็นปกที่ทำไว้เพราะคิดจะออกบทความเรื่องภาษีกับโอกาสการหรายได้ของคนไทยค่ะ
โฆษณา