10 มี.ค. 2022 เวลา 06:35 • ธุรกิจ
เปรียบเทียบนาฬิกาหรู Rolex - Patek Philippe - Richard Mille ต่างกันอย่างไร ?
9
เริ่มกันที่ Rolex ก่อตั้งขึ้นในปี 1905 โดยช่างนาฬิกาชาวเยอรมันชื่อ Hans Wilsdorf แต่มีต้นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ โดย Hans Wilsdorf ต้องการผลิตนาฬิกาข้อมือที่มีความเที่ยงตรงสูง
2
เนื่องจากเล็งเห็นว่าในอนาคตนาฬิกาข้อมือจะเข้ามาแทนที่นาฬิกาพกที่กำลังเป็นที่นิยมในสมัยนั้น
ความพยายามในการรังสรรค์กลไกที่เที่ยงตรงมาประสบความสำเร็จในปี 1910
โดย Rolex เป็นนาฬิกาข้อมือเรือนแรกที่ได้รับ the Swiss Certificate of Chronometric Precision หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ใบรับรองความเที่ยงตรงนั่นเอง
แต่สิ่งที่ทำให้ Rolex เป็นที่นิยมอย่างมาก และถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Rolex คือ การคิดค้นตัวเรือนกันน้ำ และกันฝุ่นเป็นเรือนแรกของโลกในปี 1926 โดยตัวเรือนที่ว่านี้เรียกว่า “Oyster Case” ซึ่งยังคงใช้กับนาฬิกาทุกรุ่นมาจนถึงปัจจุบันนี้
6
ทุกวันนี้ Rolex มีอายุ 117 ปี เทียบเป็นอายุมนุษย์อย่างเราน่าจะเรียกได้ว่า “ไม้ใกล้ฝั่ง”
3
แต่สำหรับโลกแห่งนาฬิกา Rolex ยังมีเส้นทางอีกยาวไกลในโลกธุรกิจ โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา นอกจากชื่อเสียงในเรื่องของคุณภาพนาฬิกา ทั้งในเรื่องความทนทาน และความเที่ยงตรงแล้ว Rolex ยังประสบความสำเร็จอย่างมากในเรื่องของการตลาด
1
จากการจัดอันดับของ Forbes Rolex เป็นแบรนด์นาฬิกาหนึ่งเดียวที่อยู่ใน The World’s Most Valuable Brand โดยอยู่ในอันดับที่ 80 ซึ่งมีมูลค่าแบรนด์ 3 แสนล้านบาท และมีรายได้รวมราว 1.7 แสนล้านบาทต่อปี
3
ในมุมมองของนักสะสม Rolex เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่นักสะสมทุกคนต้องมีไว้ในครอบครอง
โดยเฉพาะรุ่น Rolex Cosmograph Daytona หรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า Rolex Daytona นั้น เริ่มผลิตขึ้นในปี 1955 และได้รับฉายาว่า “King of Sport Watch”
ตลอด 60 กว่าปีที่ผ่านมา นาฬิการุ่น Rolex Daytona ตัวเรือนสเตนเลสสตีลทุกเรือนนั้น มีราคาขายต่อในตลาดมือสองที่สูงกว่าราคา Price list
2
ในเดือนตุลาคม ปี 2017 นาฬิกา Rolex Daytona ที่ดังที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Rolex คือ “Rolex Cosmograph Daytona Paul Newman’s Paul Newman” ทำการประมูลขายได้ในราคา 17.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 588 ล้านบาท
1
ที่กล่าวมานี้คงแสดงให้เห็นถึงความนิยม และความแข็งแกร่งของแบรนด์ Rolex เป็นอย่างดี
1
อย่างไรก็ตาม มีคนรักย่อมมีคนชัง Rolex อาจได้รับการยอมรับเรื่องความเที่ยงตรง ทนทาน และมูลค่าทางการตลาด แต่ Rolex อาจไม่ใช่ตัวเลือกแรกของนักสะสมนาฬิกา
3
ในแง่ของ ความสวยงาม ความประณีต และความซับซ้อนของกลไก
และแน่นอนเมื่อกล่าวถึง ความประณีต และความซับซ้อน
เรากำลังจะพูดถึง “Patek Philippe”
4
ประวัติศาสตร์ของ Patek Philippe เริ่มต้นในปี 1839 ณ กรุงเจนีวา โดย Antoine Norbert de Patek ชาวโปแลนด์ กับช่างนาฬิกาชาวฝรั่งเศส Francois Czapek โดยเริ่มจากการก่อตั้งบริษัทชื่อ Patek, Czapek & Cie
1
ต่อมา Czapek แยกตัวออกไป Patek จึงได้พบกับช่างนาฬิกาชาวฝรั่งเศสอีกคนหนึ่ง ชื่อ Adrien Philippe จนกลายเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ “Patek Philippe” จนถึงปัจจุบัน
5
เส้นทางสู่ความเป็นหนึ่งของ Patek Philippe นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ในปี 1929 บริษัทได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (The Great Depression) จนทำให้แทบจะปิดตัวลง
1
ต่อมาได้รับความช่วยเหลือจากตระกูล Stern โดยภายใต้การบริหารงานของตระกูล Stern การบริหารงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และทันสมัย
โดยหนึ่งในผลงานที่ชัดเจนที่สุดในช่วงแรก ๆ คือ การผลิตนาฬิการุ่น Calatrava ซึ่งเป็นนาฬิกาที่มีดีไซน์เรียบง่าย ออกจำหน่ายในราคาที่จับต้องได้
1
นอกจากการรักษาเอกลักษณ์เดิมของแบรนด์ในเรื่องของความประณีต ความสวยงามของนาฬิกา และกลไกนั้น Patek Phillipe ยังสามารถต่อยอดความเป็นหนึ่งในโลกแห่งนาฬิกายุคใหม่ได้อย่างสง่างาม
1
โดยในปี 1976 เมื่อได้ร่วมมือกับนักออกแบบระดับตำนาน Gerald Genta ในการออกแบบนาฬิการุ่น “Nautilus” ซึ่งเป็นนาฬิกาที่มีดีไซน์ออกนอกกรอบเดิมของ Patek Philippe โดยมีความเป็น Luxury Sport Watch จนได้รับความนิยมอย่างมากจนถึงปัจจุบัน
2
ในปัจจุบันคาดการณ์ว่า Patek Philippe รักษาปริมาณการผลิตนาฬิกาออกสู่ตลาดประมาณ 60,000 เรือนต่อปี ซึ่งสวนทางกับความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้นทุกปี
5
ว่ากันว่า Patek Philippe ใช้เวลาอย่างน้อย 9 เดือนในการออกแบบนาฬิกาที่มีกลไกซับซ้อนน้อยที่สุด และใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีในการออกแบบนาฬิกาที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
5
นี่อาจเป็นข้อพิสูจน์ถึงความประณีตในการออกแบบนาฬิกาแต่ละเรือนของ Patek Philippe ได้เป็นอย่างดี
“You never actually own a Patek Philippe. You merely take care of it for the next generation”
5
ประโยคนี้น่าจะแทนความเป็นตัวตนของ Patek Philippe ได้เป็นอย่างดีในเรื่องของมูลค่าและการลงทุน ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ Patek Philippe เป็นที่ต้องการของคนรักนาฬิกาทั่วโลก
2
แต่ในโลกของ LUXURY ไม่ได้มีแค่ความประณีต นาฬิกาบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของคน และ บางคนอาจจะชอบที่ความเป็น SPORT ด้วย และแบรนด์ที่เราพูดถึงกันมากในช่วงผ่านมาก็ถือกำเนิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้นี่เอง นั่นคือ “Richard Mille”
Richard Mille ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดยนักธุรกิจชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเดียวกับแบรนด์คือ Richard Mille ผู้มีความหลงใหลใน รถ F1 และเครื่องบิน
1
ความหลงใหลเหล่านี้สะท้อนออกมาโดยจะเห็นได้จากการออกแบบนาฬิกาในแต่ละรุ่นของ Richard Mille ซึ่งจะเน้นการออกแบบกลไกไปพร้อม ๆ กับการออกแบบตัวเรือน
2
โดยใช้หลักการเดียวกับการออกแบบรถ F1 ที่ออกแบบตัวถังรถ ไปพร้อม ๆ กับการออกแบบเครื่องยนต์
1
นอกจากความประณีตในการออกแบบแล้ว Richard Mille ยังเน้นไปที่ความล้ำสมัยของวัสดุในการผลิตนาฬิกา เช่น NTPT Carbon ซึ่งปกติใช้ในการสร้างเรือยอชต์ และ Carbon Nanofiber ที่มีความทนทาน หรือแม้กระทั่งโลหะที่ใช้ในการผลิตรถ F1
4
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของแบรนด์ที่เน้นการสร้างสรรค์นาฬิกา Luxury Sport Watch ที่มีเอกลักษณ์ หรูหรา และทนทาน
1
สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของ Richard Mille ได้เป็นอย่างดี คือการที่ Richard Mille คิดค้นนาฬิกาที่มีน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย และสามารถดูดซับแรงกระแทกอย่างมหาศาล
2
โดยยังคงรักษาความเที่ยงตรงได้เป็นอย่างดี โดยให้ Rafael Nadal นักเทนนิสชื่อดัง ใส่ระหว่างการแข่งขันเทนนิสรายการต่าง ๆ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ แม้กระทั่ง Rolex เองซึ่งเป็น Sponsor ให้นักเทนนิสชื่อดังอย่าง Roger Federer ยังไม่สามารถทำได้
4
โดย Roger Federer จะสวมใส่ Rolex ต่อเมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขัน และรับถ้วยรางวัลเท่านั้น
1
ปัจจุบันคาดการณ์ว่า Richard Mille มีรายได้ราว 1 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยผลิตนาฬิกาประมาณ 5,000 เรือนต่อปี
บทสรุป
1
สำหรับบางคน นาฬิกาอาจเป็นเพียงแค่อุปกรณ์บอกเวลา
แต่สำหรับใครบางคน นาฬิกาอาจเป็นได้มากกว่านั้น
นาฬิกาอาจแสดงถึง หลักไมล์ในชีวิต อัตลักษณ์ของผู้สวมใส่ ฐานะทางสังคม และรสนิยม
10
ถ้าจะเปรียบเทียบ นาฬิกา กับ รถยนต์
การสวมใส่ Rolex คงเหมือนกับการขับ Mercedes Benz
การเป็นเจ้าของ Patek Philippe คงเหมือนกับได้ครอบครอง Rolls-Royce
และแน่นอนที่สุดใส่ Richard Mille คงเหมือนกับเอารถ Formula 1 มาวิ่งโฉบเฉี่ยวบนท้องถนนนั่นเอง..
3
โฆษณา