“The Power of the Dog” เรียบง่าย ลึกซึ้ง แต่มีพายุลูกใหญ่ซ่อนอยู่
“The Power of the Dog” หนังดราม่าคาวบอย ที่ไม่ได้มีการดวลปืน ต่อสู้ หรือการก่ออาชญากรรมใดๆ แต่นำเสนอกลิ่นอายตะวันตกในช่วงปลายยุคคาวบอย ทั้งวิถีชีวิต บรรยากาศ และความคิดของผู้คนออกมาได้อย่างน่าประทับใจ จากผลงานของผู้กำกับหญิงมากฝีมือ Jane Campion ที่การันตีได้เลยว่าประเด็นต่างๆ จะได้รับการถ่ายทอดผ่านบท ภาพ และเสียงออกมาอย่างทรงพลังแน่นอน
เช่นเดียวกับในช่วงท้ายของหนัง ที่มีการกล่าวถึงบทหนึ่งในหนังสือเพลงสดุดี 20:22 ว่า “Deliver my soul from the sword; my darling from the power of the dog.”
เมื่อทุกคนกลายเป็น “เหยื่อ” ทำให้ “The Power of the Dog” สามารถตีความได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฟิลที่หลุดพ้นจากระบบสังคมชายเป็นใหญ่ที่ทำให้เขาไม่ได้เป็นตัวเอง หรือพีทกับโรสที่หลุดพ้นจากการกดขี่และเหยียดหยามจากฟิล ที่เป็นปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้โรสต้องทนทุกข์ทรมาน ซึ่งเป็นสิ่งที่พีทไม่พอใจเป็นอย่างมาก จากคำพูดของพีทในตอนเปิดเรื่อง
“When my father passed, I wanted nothing more than my mother’s happiness. For what kind of man I would be if I did not help my mother? If I did not save her?”