12 มี.ค. 2022 เวลา 02:00 • คริปโทเคอร์เรนซี
การเปลี่ยนแปลง เป้าหมายการหารายได้เพิ่มเติม ในธุรกิจใหม่หรือพยายามลืมเลือนธุรกิจเก่า เพื่อเพิ่มรายได้สำหรับการเดินหน้าของเศรษฐกิจในยุคนี้ที่ ความผันผวนสามารถรับรู้ได้วันต่อวัน
ในตอนที่แล้วธุรกิจขุดเหมืองกำลังได้รับความนิยมกันมากขึ้น ยิ่งในตอนนี้กำลังมีบริษัทมหาชนในประเทศไทยกำลังก้าวเข้ามา มาดูกันดีกว่าว่าบริษัทเหล่านี้ ทำอะไรกันมาก่อนที่จะลงมาเล่นในธุรกิจใหม่ การทำธุรกิจมีความใกล้เคียงกับธุรกิจเดิมมากขนาดไหน
1.X-spring แพลตฟอร์มการลงทุน
2.JTS ลงทุนเหมืองขุดบิทคอยน์ ลงทุนในสเตเบิลคอยน์
3.Brook ลงทุนเหมืองขุดบิทคอยน์ ขยายธุรกิจที่ปรึกษา(IB)
4.S ลงทุนเหมืองขุดบิทคอยน์
5.Comanche ลงทุนเหมืองขุดบิทคอยน์ ออกเหรียญโคแมน คริปโต
เหล่านี้คือบริษัทที่มีการประกาศแล้วว่าสนใจจะลงมาเล่นในธุรกิจนี้ ที่ยังสามารถพูดได้เต็มปากว่า ยังคงมีส่วนแบ่งของการเติบโตอยู่ต่อไปในอนาคต ในภาวะความผันผวน และเป็นการรับประกันรายได้อีกช่องทางหนึ่งในตอนนี้ของธุรกิจ
ในตอนนี้บริษัทที่มีข่าวแรงที่สุดคงหนีไม่พ้น JTS บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ประกาศเรียบร้อยแล้วว่าจะรุกเข้ามาในส่วนของธุรกิจนี้อย่างจริงจัง และได้มีการลงมติผ่านไปเรียบร้อยแล้ว ในการอนุมัติวงเงินเพื่อจัดซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์ จำนวน 1800 เครื่อง ในตอนนี้หลายๆที่ต่างเร่งตบเท้าเข้ามาในธุรกิจกันแล้ว เพราะยิ่งเริ่มก่อน ยิ่งถือความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
ซึ่งคำถามตามมาคือ แล้วธุรกิจเก่าของบริษัทหละ เป็นอย่างไร ประกอบธุรกิจอะไรมาก่อน มีความเกี่ยวข้องกันมากแค่ไหนกับธุรกิจใหม่ที่กำลังจะเข้าไปทำ แล้วรายได้เป็นอย่างไรก่อนหน้านั้นที่ผ่านมา
ตามข้อมูล บริษัท จัสมิน ซิสเต็มส์ จำกัด(มหาชน) ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดหา ออกแบบ วางระบบสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สื่อสารภายในองค์กร ระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล ระบบบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะ ระบบโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ธุรกิจเหล่านี้เป็นเรื่องของเทคโนโลยีทั้งสิ้น
โดยถ้ามองแล้วธุรกิจใหม่อาจจะเป็นเรื่องของการที่บริษัทอาจอยากเพิ่มช่องทางการหารายได้ที่ไม่หนีไปจากธุรกิจเก่าที่ดำเนินการจากเดิมเท่าไร เป็นธุรกิจที่อยู่ในกระแส และตอบโจทย์การเติบโตในอนาคตได้อย่างดี นี่อาจเป็นธุรกิจที่น่าสนใจของบริษัท ทั้งในระยะสั้น และระยะยาวก็ได้
จากโครงสร้างรายได้ของปี63 ธุรกิจของบริษัท มีการแบ่งส่วนไว้ 2อย่าง โดยยังคงเน้นสัดส่วนของรายได้ไปยังการวางระบบโครงของระบบสื่อโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสัดส่วน 82.52% และธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้งเป็นสัดส่วน 17.21% และถ้าดูให้ดีธุรกิจเหล่านี้มีความสอดคล้องกันทั้งธุรกิจในหารายได้แบบเก่า และหารายได้ในอนาคต ซึ่งสามารถทำให้ แค่เฉพาะทางตัวธุรกิจเก่าที่ทำก็ยังคงมีความน่าสนใจ
แล้วรายได้ในปี63 ทั้งทรัพย์สิน หนี้สิน ที่ใช่ในการประกอบธุรกิจมีรายได้อย่างไร ในสัดส่วนของรายได้บริษัท พบว่าผลประกอบการของบริษัทมีผลขาดทุนในงบการเงินเฉพาะกิจการ
แต่ในปี64นั้น ในส่วนของรายได้มีการเติบโตขึ้นทั้งในส่วนของงบการเงินเฉพาะกิจการ และงบการเงินรวมจะพบว่าในปี64 บริษัทสามารถทำรายได้เติบโตถึง31%(ก่อนหักภาษีเงินได้)ในงบการเงินเฉพาะกิจการ แต่อีกด้วยในงบการเงินรวมกลับเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง104% ถ้ามองดูดีๆนี่อาจเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยก็ว่าได้
เราไม่อาจรู้ได้ว่ากำไรที่เติบโตมาจากธุรกิจที่เริ่มใหม่ด้วยหรือไม่ แต่สามารถบอกได้ว่าเทรนด์ของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ระบบIT กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย สอดคล้องกับรายได้บริษัททำให้เราเห็นการเติบโตระดับนี้ น่าจะเป็นการเติบโตที่ดูดีสำหรับการทำธุรกิจ
นี่เป็นเพียงแค่บริษัทหนึ่งในหลายๆบริษัทที่ก้าวเข้ามา และตอนนี้เริ่มมีหลายๆบริษัทประกาศการลงทุนเพื่อเข้ามาในธุรกิจนี้แล้วเรื่อยๆ นี่จึงอาจหมายถึงความร้อนแรงที่เพิ่มขึ้น การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากรายย่อยที่เข้ามาในธุรกิจอยู่ก่อนแล้ว รายใหญ่ที่เพิ่มเข้ามาเมื่อรวมกันอัตราการขุดย่อมต้องลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงการวางระบบการใช้พลังงานไฟฟ้าที่จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อรรายได้ของธุรกิจเหมืองบิทคอยน์ เพราะยิ่งต้นทุนต่ำเท่าไรความเสี่ยงก็ยิ่งลดลงมากเท่านั้น
เพราะแบบนี้การวางผังระบบที่ลดการใช้พลังงานได้มากที่สุด รีดเร้นพลังงานในการทำงานของเครื่องขุดได้มากที่สุด ย่อมหมายถึงอัตราส่วนกำไรที่เพิ่มมากขึ้น เอาหละเปิดเครื่อง แล้วมาเริ่มขุดกันเลยยยย.
ขอบคุณที่ติดตาม
โฆษณา