13 มี.ค. 2022 เวลา 02:19 • ประวัติศาสตร์
เคยสงสัยกันไหมครับว่า ทำไม รางวัล มิชลินสตาร์ ที่โด่งดัง มากๆ ในวงการอาหาร
ดันมาจากบริษัทผลิตยางรถยนต์
ที่จริงคำถามนี้เองผมก็สงสัยมานานมากๆแล้วด้วย
ถึงกับคิดว่า มันอาจจะเป็นชื่อบริษัทเดียวกัน แต่แค่ทำผลิตภัณฑ์คนละอย่างกัน
จนกระทั่งได้อ่านเรื่องราวจริงๆของ มิชลิน สตาร์
ซึ่งก็บอกได้เลยครับว่า มันเป็นบริษัทเดียวกันกับผลิตยางรถยนต์นั่นแหละ ไม่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใด
แต่ทำไมกันหละ ถึงทำให้บริษัทผลิตยางรถยนต์ มาโด่งดังในวงการอาหารได้กัน????
มาครับผมจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของการกำเนิน มิชลิน สตาร์ นั้นเริ่มมาจาก สองพี่น้อง ตระกูลมิชลินคือ ‘อองเดร’ และ ‘เอดูอาร์’ เฉกเช่นเดียวกับ บริษัทผลิตยางรถยนต์ของพวกเขานั่นเอง
เนื่องจาก พวกเขาผลิตยางรถยนต์ และขายยางรถยนต์ ซึ่งแน่นอนว่า ของใช้แบบนี้ ใครเขาเปลี่ยนกันบ่อยๆ โดยเฉพาะยางรถยนต์ด้วยแล้ว นานๆ ถึงจะเปลี่ยนกันสักที
สองพี่น้องก็มานั่งคิดครับ คิดแล้วคิดอีกว่าจะทำยังไงดี เพราะลูกค้าที่มีอยู่ เป็นลูกค้าที่ไม่ได้มาซื้อของซ้ำบ่อยๆ เหมือนกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ก็เลยปิ๊ง ไอเดีย ทำคู่มือที่เรียกว่า “มิชลินไกด์” ขึ้นมา
ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ ก็จะบอกถึงเส้นทางการเดินทาง ร้านอาหาร โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในฝรั่งเศส (เผื่อใครไม่รู้นะครับ ต้นกำเนิดของบริษัทนี้อยู่ที่ฝรั่งเศส) และก็แจกฟรีให้กับลูกค้าของเขา
1
ซึ่งแน่นอน สิ่งที่พวกเขาหวังนั่นก็คือ ต้องการให้ลูกค้าเขานั้นเดินทางไปเที่ยวที่ต่างๆ เยอะๆ เพราะมันจำทำให้ยางรถสึกง่ายและเร็วมากขึ้นนั่นเอง!!!
มาแผนสูงแบบนี้คิดว่าจะได้ผมไหมครับ.....................
คำตอบก็คือ ได้ผลครับ ผู้คนที่ได้อ่านไกด์ ก็เริ่มมีการเดินทางออกไปเที่ยวมากขึ้น และคู่มือของพวกเขาก็เป็นที่นิยม เอามากๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อผ่านไป 20 ปี ในปี 1920 พวกเขาไปสำรวจตลาดและพบเจอว่า คุ่มือ มิชลินไกด์ ที่พวกเขาแจกไปเนี่ย มีคนเอาไปวางเป็นที่รองแก้ว!!
นั่นหมายความว่า หนังสือพวกเขานั้นไม่มีคุณค่านั่นเอง สองพี่น้องเลยเปลี่ยนลูกเล่นใหม่ จากเดิมแจกฟรี กลายเป็นขายทำเงินซะเลย ผลปรากฎว่า ของดียังไงก็ยังเป็นของดี พวกเขายังคงขายไกด์ได้ อย่างต่อเนื่องและเป็นที่โด่งดังมาถึงทุกวันนี้
หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการทำไกด์แล้ว พวกเขาก็เริ่มจริงจังกับทางนี้มากขึ้น โดยในปี 1926 ก็ได้มีการเพิ่มการให้คะแนนร้านอาหาร โดยเรียกว่า มิชลิน สตาร์
โดยแบ่งการให้ดาวเป็น 3 ระดับ ก็คือ
ร้านอาหาร 1 ดาว คือ ร้านอาหารคุณภาพสูงที่ควรค่าแก่การหยุดแวะชิม
ร้านอาหาร 2 ดาว คือ ร้านอาหารยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การขับรถออกนอกเส้นทางเพื่อแวะชิม
ร้านอาหาร 3 ดาว คือ สุดยอดร้านอาหารที่ควรค่าแก่การเดินทางไกลเพื่อไปชิมสักครั้ง
แน่นอนว่า ตั้งแต่นั้นมา ในวงการอาหาร ก็ไม่มีใครเลยที่ไม่รู้จัก มิชลินสตาร์ โดยเฉพาะ เชพ ทั้งหลาย ที่ต่างฝ่าฟัน อุปสรรค ต่างๆ เพื่อที่จะทำให้ร้านตัวเองนั้น ติด มิชลิน สตาร์กับเขาสักดวง
ซึ่งถ้าว่ากันแล้ว การให้ระดับดาวของทาง มิชลินเอง ก็ค่อนข้างที่จะ ซีเรียสนะครับ
คนที่เป็นนักชิมนั้น ต้องมีขั้นตอนในการคัดเลือก ที่เข้มข้น และมีมาตรฐานการคัดเลือกที่ชัดเจน
โดยแบ่งเป็น 5 อย่างด้วยกัน คือ
1.คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้
2. ความโดดเด่นของรสชาติและเทคนิคการรังสรรค์อาหาร
3. เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟที่นำเสนอผ่านมื้ออาหาร
4. ความคุ้มค่าสมราคา
5. ความคงที่ของประสบการณ์ในการทานต่างวาระ
ซึ่งถ้าผ่านทั้ง 5 ข้อนี้อย่างหมดข้อกังขา ถึงจะได้มาซึ่งดาวของ มิชลิน
แน่นอนครับว่ามันไม่ได้ง่ายๆ ถึงแม้ว่าทุกร้านอาหารจะรู้กฎเกณฑ์นี้ก็ตามที
ปัจจุบัน ประเทศไทยเรามีร้านที่มี มิชลินสตาร์ 1 ดาว จำนวน 26 ร้าน และ 2 ดาว จำนวน 6 ร้านด้วยกัน
ผมจะขอแนบรายชื่อร้านเหล่านี้ให้คนที่สนใจไป ลิ้มลองรสชาติกันได้ง่ายๆ
และนอกจากมิชลินสตาร์แล้ว ในตัวของ มิชลินไกด์ เองก็ยังมีร้านอาหารที่เป็นร้านแนะนำ แต่ไม่ถึงกับได้ดาวอยู่ อีกหลายต่อหลายร้าน และมีรางวัลปลอบใจ อย่างเช่น บิบกูร์มองค์ รางวัลร้านอาหารโดดเด่นวัตถุดิบยอดเยี่ยม ในราคาย่อมเยา เพิ่มขึ้นมาในปี 1955 ซึ่งแน่นอนว่า แค่ขึ้นในร้านอาหารที่ มิชลินไกด์ แนะนำ ก็ทำให้ร้านเหล่านั้นมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลแล้ว
เรื่องราวเรื่องนี้ ทำให้เราเห็นได้ว่า ถึงแม้เรื่องที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน ก็สามารถที่จะข้องเกี่ยวกันได้ อย่าง บริษัทผลิตยางรถยนต์ อย่าง มิชลิน ที่กลายมาเป็น ผู้ทรงอิทธิพล ทางด้านร้านอาหาร นั่นเอง
อีกอย่างผมเองชื่นชมความคิดนอกกรอบของ สองพี่น้อง มิชลินเอามากๆ ที่กล้าฉีกออกมาทำในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของตัวเองโดยตรง และสุดท้าย ก็ทำให้แตกแขนง ออกมาจนได้ดิบได้ดี อย่างในปัจจุบัน
"ความคิดที่ดีมักจะเกิดขึ้นเสมอ เมื่อปล่อยให้มันมีอิสระ"
ลองคิดเล่นๆดูไหมหละครับว่า ถ้าเป็นคุณเอง ซึ่งเป็น สองพี่น้อง มิชลิน จะทำยังไงถึงจะทำให้ยางรถตัวเองขายดีได้ โดยที่ไม่ใช่วิธีแบบ มิชลินไกด์??
โฆษณา