13 มี.ค. 2022 เวลา 01:14 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
รู้จักอาการ Synaesthesia
การรับรู้สัมผัสแบบผสม
(เรียบเรียงโดย สัมโมทิก สวิชญาน)
คุณเคยมีอาการแบบนี้บ้างหรือเปล่า?
- เสียงนกกระจอกมีสีออกเขียวๆ
- ตัวอักษร ก ไก่ให้ความรู้สึกสีแดงทุกครั้งที่เห็น
- คำว่า “โรงเรียน” มีรสชาติเหมือนวาซาบิ
- รู้สึกว่ากลิ่นธูปมีความเป็นสีม่วง
- รู้สึกว่าพยัญชนะ a ถึง z เรียงกันเป็นรูปคล้ายๆ ไม้แขวนเสื้อ?
- ได้ยินเสียงนกหวีดทีไรจะรู้สึกจั๊กจี้ที่คอ?
ฯลฯ
1
ถ้ารู้สึกทุกครั้งเรื่อยมา แปลว่าคุณอาจจะเป็น synaesthesia
คำว่า synaesthesia (อ่านว่า ”ซินิสธีเซีย”) ยังไม่มีชื่อไทย เป็นคำใช้เรียกอาการที่ประสาทสัมผัสอย่างหนึ่งให้สัมผัสรับรู้เพิ่มเติมประหนึ่งมาจากประสาทสัมผัสอีกอย่างหนึ่งด้วย (เช่น ได้ยินเสียง แล้วก็รู้สึกว่าเสียงนั้นมีสีด้วย) ความรู้สึกที่ว่าไม่ได้เป็นแค่จินตนาการตามอารมณ์เป็นครั้งๆ คราวๆ ไป แต่เป็นความรู้สึกถาวรไม่ต่างจากสัมผัสปกติ ตอนเด็กรู้สึกว่ากลิ่นธูปมีสีม่วง โตขึ้นก็ยังรู้สึกว่ากลิ่นธูปมีสีม่วง เป็นต้น
เนื่องจากประสาทสัมผัสสามารถจับคู่กันได้หลายแบบ ซินิสธีเซียจึงมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นคู่ไหน แบบที่เป็นกันเยอะคือ จับคู่ระหว่างหน่วยอักขระกับสี (grapheme–colour synaesthesia) เช่น ตัว ก ไก่ให้ความรู้สึกสีแดง เลข 7 ให้ความรู้สึกสีเขียว โดยไม่ขึ้นอยู่กับว่าหน่วยอักขระนั้นพิมพ์ (หรือแสดงผลอยู่บนจอ) ด้วยสีอะไร สีปกติก็เห็นจริงๆ ตามนั้น แต่มีความรู้สึกสีอื่นเพิ่มขึ้นมาด้วย
ที่มา : https://www.inthemedievalmiddle.com/2012/09/synaesthesia-is-not-metaphor.html
หนึ่งในประโยชน์ของความรู้สึกเพิ่มเติมเหล่านี้ก็คือ อาจช่วยให้จำอะไรต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เพราะเหมือนมีข้อมูลช่วยจำเพิ่มเติมให้อีกชั้นหนึ่ง แต่ข้อเสียก็คือ เวลาข้อมูลมันซ้ำกัน ก็อาจจะทำให้จำสับสน เช่น ถ้าเลข 7 กับเลข 9 ให้ความรู้สึกสีเหลืองเหมือนกัน คนที่เป็นก็อาจจะจำเลข 7 กับเลข 9 สลับกันบ่อยๆได้
วิธีหนึ่งที่พอจะทดสอบได้ว่าเราจับคู่หน่วยอักขระกับสีหรือเปล่า ก็คือ ขึ้นภาพให้ตอบเร็วๆ ว่าหน่วยอักขระที่เห็นเป็นสีอะไร โดยหน่วยอักขระบางภาพก็สีตรงกับสีที่รู้สึกเพิ่มเติม บางภาพก็ไม่ตรง ถ้าเราเป็น เราจะตอบได้เร็วมากตอนที่สีตรงกัน แต่ถ้าไม่เป็น การตอบสนองจะช้าลงตอนที่สีไม่ตรง เพราะต้องประมวลผลคิดนิดนึงก่อนว่า สีไหนเป็นสีจริง สีไหนเป็นสีที่มาจากความรู้สึกเพิ่มเติม
อีกวิธีที่ทดสอบได้ก็คือ ขึ้นภาพให้หาเร็วๆ ว่าหน่วยอักขระใดอยู่ตรงไหน เช่น ทั้งรูปอาจจะมีเลข 5 สีดำอยู่เต็มไปหมด แล้วมีเลข 2 สีดำแอบอยู่บางที่ แต่ถ้าเรามีความรู้สึกพิเศษเพิ่มเติมที่เห็นสองเลขนี้เป็นคนละสี เราจะมองหาเลข 2 ที่แอบซ่อนอยู่ได้เร็วมาก
ที่มา : Wikipedia
ปัจจุบันนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังไม่รู้แน่ชัดว่ากลไกทางประสาทของอาการนี้เป็นอย่างไร แต่ก็มีงานวิจัยที่พยายามหาคำตอบเรื่องนี้ออกมาอยู่เรื่อยๆ สมมุติฐานต่างๆ ก็เช่น อาจจะมีเส้นทางให้สัญญาณข้ามกันไปมาระหว่างพื้นที่ของสมองที่ประมวลผลประสาทสัมผัสคนละแบบ (cross activation) หรืออาจจะมีการลดทอนสัญญาณที่รั่วข้ามไปมา ไม่ค่อยดีเท่าไร (disinhibition)
ส่วนกลไกทางพันธุกรรมของอาการนี้ก็ยิ่งเป็นปริศนา เพราะแน่นอนว่า สมองเราเติบโตขึ้นรูปตามคำสั่งของพันธุกรรม ฉะนั้นก็น่าจะต้องมีสาเหตุที่นักวิทยาศาสตร์จะสืบย้อนไปหาต้นตอที่ยีนได้ แต่ปรากฏการณ์ที่ชวนพิศวงอย่างหนึ่งก็คือ งานวิจัยหนึ่งพบว่า แฝดคู่หนึ่งที่พันธุกรรมเหมือนกันเป๊ะๆ (monozygotic twin) คนหนึ่งเป็นซินิสธีเซีย อีกคนไม่เป็น ฉะนั้นก็เป็นไปได้ว่า กระบวนการทางพันธุกรรมอื่นๆ นอกเหนือไปจากลำดับ DNA (เรียกรวมๆ ว่า epigenetics) ก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
อาการแบบนี้ไม่ใช่โรค และไม่น่ากังวลอะไร
แต่ถ้าใครเป็นก็น่าจะลองเข้าร่วมงานวิจัยด้านนี้กันดูนะ
เผื่อนักวิทยาศาสตร์จะไขปริศนาเรื่องนี้ได้
โฆษณา