The Batman เล่าเรื่องราวการตามแกะรอยล่าฆาตกรต่อเนื่อง “เดอะริดเลอร์” ที่ทิ้งปริศนาไว้ โดยแมสเซจเหล่านั้นส่งถึง เดอะ แบทแมน ยิ่งเมื่อตามแกะรอยจำนวนศพก็ยิ่งเพิ่มขึ้น พอ ๆ กับความลับที่ซุกใต้พรมที่เป็นความฉ้อฉลของคนมีอิทธิพลในเมืองกอแธม ก่อนในไปสู่บทสรุปที่พาให้แบทแมนต้องค้นหาจุดยืนของตนเอง
ด้วยความที่มาหลังคนอื่นเขาจะทำอย่างไรให้แบทแมนเวอร์ชั่นนี้จะมีที่ทางใหม่ ๆ ให้เล่าได้อีก โจทย์ที่ท้าทายแบบนี้ทำให้ผู้กำกับ แมทท์ รีฟส์ เลือกจะนำเสนอ The Batman ในแนวทางที่ต่างไปจากอัศวินรัตติกาลรุ่นพี่ (ผู้กำกับทิม เบอร์ตัน, คริสโตเฟอร์ โนแลน, แซค สไนเดอร์) ด้วยธีม Suspense ที่มีความเป็นหนังฟิล์มนัวร์ และชูภาพแบทแมนที่เป็นนักสืบมากกว่าซูเปอร์ฮีโร่ ยิ่งเมื่อคู่ปรับคือฆาตกรต่อเนื่องเจ้าปัญหา ยิ่งทำให้หนังมีความละม้ายคล้าย Se7en ที่ฆาตกรมักนำหน้าอยู่ก้าวหนึ่ง นับเป็นผลดีที่ทำให้ The Batman มีเส้นเรื่องของตนเองที่ ‘ฉีก’ ไปจากการ ‘ทำซ้ำ’
1
ยิ่งเมื่อพิจารณาจากเครดิตเก่าของรีฟส์ จะเห็นได้ถึงการอ่านขาดในการฉีกงานซ้ำเดิมอย่างเช่นหนังพิภพวานร Dawn of the Planet of the Apes, War of the Planet of the Apes และหนังแวมไพร์ทีนเอจ Let Me In ไปในทิศทางของตนเอง จึงไม่น่าแปลกใจทีแบทแมนเวอร์ชั่นนี้จะถูกขายในฐานะ “นี่ไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโร่” ซึ่งมันก็ใช่ตามนั้นจริง ๆ
ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่ The Batman สัมผัสได้ถึงความโรแมนติกแสนเศร้าของคนเหงา ๆ ที่มีปมฝังใจสองคนมาพบเจอกัน และเปิดใจให้กัน มันมีอิมแพ็คมากกว่าเวอร์ชั่นของโนแลนที่แห้งแล้งในส่วนนี้