Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Huatoa - หัวโต
•
ติดตาม
14 มี.ค. 2022 เวลา 10:00 • ไลฟ์สไตล์
คงต้องลองทำอะไรเล่นๆ ให้เป็นจริง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าชีวิตบางทีก็เหมือนเล่นตลกกับเรา
จากที่เคยได้ทำงานในองค์กรแบบที่มีความมั่นคงสูง กลับต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่ท้าทายจิตใจ
เนื้องานที่ทำอยู่ในทุกๆ วันอาจไม่ได้สร้างความกดดันอะไร แต่ลู่ทางในการเติบโตบนสายอาชีพที่ทำมันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน
บางทีก็เหมือนกับว่าสังคมในที่ทำงานมันช่างดูไม่ค่อยเหมาะกับตัวเรา หรือถึงขนาดที่ว่าบั่นทอนจิตใจเมื่อต้องพบเห็นคนที่ดูจะไม่ค่อยทำงานแต่ได้ดิบได้ดีเพราะเป็นที่รักของเจ้านาย
หลายคนถ้าพบเจอกับสถานการณ์เหล่านี้ก็คงคิดในใจว่า ถ้าอย่างนั้นก็ออกจากวังวนแห่งความท้อใจ แล้วมาตั้งหลักกับตัวเองสักพักดีกว่า
และแน่นอนว่าเพื่อนผมคนหนึ่งก็ได้เลือกเส้นทางดังกล่าว
เขาได้เลือกลาออกจากบริษัทแห่งหนึ่งตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ด้วยความรู้สึกที่ว่า “พอกันที” และหวังลึกๆ ว่าจะว่างงานไม่นาน สัก 2-3 เดือนก็คงจะมีงานที่ตรงใจและเหมาะสมทั้งในเชิงของเนื้องาน รวมไปถึงโอกาสในการเติบโต
แรกเริ่มหลังจากลาออกไม่นานก็ดูเหมือนว่ามีบางบริษัทสนใจและเรียกไปสัมภาษณ์บ้าง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีที่ไหนที่ตอบรับให้เข้าร่วมทำงาน
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเรื่อยๆ 4 5 6 .... จน 7 เดือน สุดท้ายแล้ว เพื่อนผมคนนี้ก็ยังไม่ได้งานใหม่สักที
สิ่งที่น่าตกใจคือเงินฉุกเฉินที่เก็บไว้ในกรณีที่ต้องใช้ในยามจำเป็นก็หมดลง
เพื่อนผมไม่เหลือทางเลือกอื่นใดที่จะประคองชีวิตตัวเอง นอกจากการที่ต้องยอมตัดใจขายมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันหนึ่งที่เขารักมากๆ
ผมเคยได้ถามเขาว่า “เห้ย รู้สึกยังไงบ้าง”
ซึ่งเพื่อนคนนี้ก็ตอบกลับมาว่า “ก็อยู่ได้ ไม่เป็นไรหรอก เพราะชีวิตถ้ามันยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป”
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ยินประโยคนี้ เพราะก่อนหน้านี้หลายต่อหลายคนก็เคยพูดประโยคในลักษณะนี้
แต่เนื่องจากความที่สนิทกับเพื่อนคนนี้มาก มันทำให้ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดและเคว้งคว้างของเขา
ผมไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มอกว่าเข้าใจในสิ่งที่เขารู้สึกอย่างแท้จริง แต่ที่แน่ๆ ผมรู้ว่าเพื่อนผมคนนี้ต้องการกำลังใจมากๆ และสิ่งเดียวที่ผมทำได้จริงๆ ก็คือพยายามหาทางช่วยสนับสนุนเขาในแง่มุมต่างๆ ที่ตัวเองพอจะมีความสามารถ
อย่างน้อยๆ ผมก็ได้ลองตั้งคำถามกับเพื่อนผมคนนี้ไปว่า “จริงๆ แล้ว นายชอบอะไรหรือรู้สึกว่าทำอะไรแล้วมีความสุข ลองทำดูไม่เสียหายนะ”
แรกเริ่มเพื่อนผมก็ยังงงๆ ไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เขาชอบ เผลอๆ ในบางครั้งก็มีมาเล่าสู่กันฟังบ้างว่า “หรือจริงๆ เรายังไม่รู้เลยว่าเราทำอะไรได้ดี และมีความสุขเวลาได้ทำอะไร”
พอได้ยินประโยคนี้มา ผมเองก็ถึงกับงงเหมือนกัน แต่ก็ตอบกับเขาไปว่า “อย่างน้อยๆ เราเห็นนายมีความสุขเวลาที่ได้ดูภาพยนตร์หรือซีรีส์ และเล่นดนตรีแนวร็อค”
จากคำตอบนั้น ผมคิดว่าเพื่อนคนนี้ก็คงเก็บเอาไปคิดและถามคำถามกับตัวเขาว่า “เอาไงต่อดี”
จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นปีนี้ เพื่อนคนเดิมก็มาบอกว่า “เห้ย เราเจอทางที่อยากลองทำเล่นๆ ให้มันเป็นจริงนะ ฝากนายไป Follow Youtube Channel ของเราหน่อย”
ซึ่งพอผมกดเข้าไปดู พบว่าเขาได้ทำคลิปเกี่ยวกับรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง พร้อมกับการใส่ดนตรีประกอบคลิปในสไตล์ที่เพื่อนผมชอบเล่นหรือเปิดให้ฟังสมัยเรียนมหาวิทยาลัยมากๆ
เอาเข้าจริงแล้วผมว่ามันเจ๋งดีนะที่คนๆ หนึ่งได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ
อย่างไรก็ตามในวันนี้ Youtube Channel ของเพื่อนผมหรือคลิปที่ปล่อยออกมามันก็ยังไม่ได้รับความนิยมมาก แต่สิ่งที่ผมสังเกตเห็นในวันนี้อย่างหนึ่งคือ “แววตานักสู้ที่ไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ”
สิ่งที่สะท้อนคิดกับตัวเองอีกครั้งคือ บางทีคนเราก็ควรให้คุณค่ากับความพยายามของใครสักคน และเฝ้ามองดูการเปลี่ยนแปลงของเขา
ในฐานะเพื่อน ผมเองก็ดีใจมากๆ ที่เห็นเพื่อนคนนี้เริ่มมาเอาจริงจังกับสิ่งที่คิดเล่นๆ จนมาลงมือทำให้เป็นผลผลิตที่ชัดเจน และก็หวังลึกๆ ว่าเขาจะไปได้สุดทางและประสบความสำเร็จในบั้นปลาย
ทั้งนี้ผมเองก็เป็นคนที่มีความคิดที่อยากทำนู่นทำนี่ทำนั่นหลายๆ เรื่องอยู่ในหัวไม่น้อย บางเรื่องก็ได้แต่คิดแล้วก็ปล่อยเวลาล่วงเลยโดยไม่ทำอะไรสักอย่าง แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกจากเรื่องราวแห่งการเรียนรู้ที่เกิดจากเพื่อนผม มันดันไปตรงกับประโยคหนึ่งที่ผมเคยได้ยินจากพี่ชายคนหนึ่งว่า “ไอเดียเป็นร้อยในหัว ไม่ได้มีความหมายเท่ากับสิ่งที่ทำออกมาจนอยู่บนมือหนึ่งชิ้น”
ไม่น่าเชื่อว่าพลังงานที่เพื่อนผมแสดงออกมาจากสิ่งที่เขาลองทำ มันส่งผลให้ผมเปลี่ยนมุมมองและอยากจะลองทำความคิดที่อยากทำบางเรื่องเล่นๆ ให้กลายมาเป็นความจริงสักครั้ง
ถึงจุดนี้ผมอยากขอบคุณพลังงานบางอย่างที่เพื่อนผมส่งมาให้ในแบบที่ตัวเขาเองก็อาจไม่รู้ตัว
และแม้ว่าสิ่งที่เราทำเล่นๆ จะยังไม่ได้มีใครสนใจมาก แต่เชื่อเถอะว่าถ้าทำเรื่องเล่นๆ เหล่านี้ต่อเนื่องสม่ำเสมอมากเพียงพอ สักวันหนึ่งผลกระทบเชิงบวกต้องเกิดขึ้นแน่ๆ โดยเฉพาะกับตัวเราเอง
ขอแค่อย่าล้มเลิกหรือหยุดก่อนที่จะถึงวันที่เราสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ก็พอ
📝 POTR
👨 Story from NMM
สามารถติดตาม Huatoa - หัวโต ได้อีกช่องทางบน
Facebook :
https://www.facebook.com/huatoaofficial
huatoa
หัวโต
lessonlearned
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย