16 มี.ค. 2022 เวลา 08:07 • ปรัชญา
ทำไมพระเยซูต้องลงมาตายเพื่อเรา
เราล้วนปรารถนาโลกที่ดีงาม ที่ซึ่งมนุษย์จะอยู่รวมกันอย่างสันติ ทำทุกอย่างด้วยความรักและความยุติธรรม แต่ปัญหาก็คือมีบางอย่างที่บังคับให้มนุษย์ทำลายล้างกันและกันอยู่ตลอดเวลา และเราเรียกสิ่งนี้ว่าความชั่วร้าย
จากมุมมองของเราเหล่าผู้เชื่อในพระเจ้า ความชั่วร้ายเป็นเหตุแห่งการทำลายล้างอย่างน้อยๆ ก็สองทาง
อย่างแรกเป็นผลกระทบโดยตรงจากความชั่วร้าย เหมือนกับการที่ใครคนหนึ่งขโมยของจากคนอีกคนหนึ่งพวกเขาทำให้เกิดความอยุติธรรมขึ้น และเขาก็ต้องชดใช้ด้วยอะไรบางอย่างเพื่อให้เกิดความถูกต้องขึ้น
แต่ยังมีผลกระทบทางอ้อมของความชั่วร้ายอยู่ เพราะสิ่งนี้ทำลายสภาพแวดล้อมของความสัมพันธ์ และทำให้ขาดความเชื่อใจ เกิดบาดแผลทางอารมณ์ ซึ่งก็เหมือนกับการที่ข้าวของเสียหาย นี่ก็จำเป็นที่จะต้องทำให้เกิดความถูกต้องขึ้นเช่นกัน
และเราเหล่าผู้เชื่อนั้นก็เชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นความดีงาม ผู้ที่จะช่วยกำจัดความชั่วร้ายเหล่านี้
แต่ถ้าพูดกันตามตรงความชั่วร้ายที่เราเห็นอยู่ข้างนอกนั่นก็เหมือนกับความชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเรานี่เอง พวกเราทุกคนมีส่วนกับเรื่องร้ายๆ เหล่านี้และพวกเราก็ทำมันอยู่เรื่อยๆ นั่นแปลว่าพวกเราโดนผูกไว้กับความชั่วร้ายหากพระเจ้าจะกำจัดความชั่วร้ายและพระเจ้าก็ต้องกำจัดพวกเราไปด้วย
และสิ่งนี้เองทำให้พระเจ้าเลือกที่จะส่งพระเยซูมาช่วยเรา
พระเจ้าองค์นี้แสนดีมากพระองค์จะทำลายความชั่วร้ายไปจากโลกโดยที่จะไม่ทำร้ายมนุษย์ไปด้วย
แล้วพระองค์จะทำเช่นไรล่ะ
ในอดีต เมื่อมนุษย์ทำบาปพระเจ้าจะอนุญาตให้พวกเขาถวายสัตวบูชาเพื่อเป็นการชำระบาปให้ตัวเขาเอง และนี่เป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรมและความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ ซึ่งการใช้สัตว์ตายแทนความบาปที่มนุษย์ได้กระทำไปเราเรียกว่า การไถ่บาป ซึ่งถือว่าเป็นการชดใช้หนี้ของคนบางคน
แล้วผลกระทบทางอ้อมเล่า ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่มีต่อพระเจ้าที่เกิดจากความบาป
ในสมัยนั้นจะใช้เลือดของสัตว์ ที่ใช้บูชาไถ่บาปประพรมไปทั่วพื้นดินและลานบูชาในวิหาร เพื่อแสดงว่าเลือดนั้นคือชีวิต คือตัวแทนของสัญลักษณ์ ที่พระเจ้าจะใช้ชำระเราให้พ้นจากผลกระทบของบาปเหล่านั้น เราเรียกกระบวนการนี้ว่าการชำระให้บริสุทธิ์
ดังนั้นวิหารที่ใช้ทำการบูชาจึงเป็นพื้นที่บริสุทธิ์ที่เราสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้
ซึ่งมันแสดงว่าพิธีกรรมไถ่บาปและชำระให้บริสุทธิ์มีไว้เพื่อทำให้สิ่งผิดพลาดระหว่างพระเจ้าและคนของพระองค์ถูกต้อง
และพระเจ้าก็หวังว่าการที่พวกเราได้รับการอภัยต่อบาปของตนจะผลักดันให้เรารัก เมตตาและอภัยให้กับผู้อื่นเช่นกัน
และนั่นคือจุดประสงค์หลักของพระองค์
แต่ว่ามนุษย์กลับเมินเฉยต่อจุดประสงค์นี้ ทำให้การไถ่บาปและชำระให้บริสุทธิ์ด้วยสัตวบูชาไร้ความหมาย ตราบใดที่พวกเขายังดำเนินอยู่ท่ามกลางความบาปและไร้ซึ่งการกลับใจ
วิหารนั้นบริสุทธิ์แต่จิตใจมนุษย์กลับไม่บริสุทธิ์เลยสักครั้ง
พวกเราเพิกเฉยต่อคนยากจนและคนที่ถูกกดขี่ข่มเหง แม้แต่พวกกษัตริย์หรือพวกนักบวชเองก็บิดเบือนต่อความยุติธรรม
ดังนั้นอิสยาห์จึงทำนายถึงอนาคต เอ่ยถึงกษัตริย์องค์ใหม่ตามเชื้อสายของดาวิดบุรุษที่พระเจ้าเคยให้คำมั่นว่าในพงษ์พันธุ์ของเขาจะปรากฏกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งมวล ที่จะมาปลดปล่อยชาวอิสราเอลและมนุษยชาติให้พ้นจากความชั่วร้ายทั้งหลาย ด้วยวิธีที่แปลกประหลาด คือพระองค์จะมาเป็นผู้รับใช้ แต่ไม่ได้แค่รับใช้เท่านั้นพระองค์ยังต้องทนทุกข์จนตาย เพราะความชั่วร้ายที่ประชากรของพระองค์ทำไว้ และชีวิตของพระองค์ก็จะถูกถวายเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และนี่คือสิ่งที่พระเยซูกำลังทำให้สำเร็จตามพระสัญญาของพระเจ้า
พระองค์คือกษัตริย์ของอิสราเอลที่ตายและทนทุกข์บนไม้กางเขน เพื่อไถ่บาปให้ชนชาติอิสราเอลและมนุษย์ทั้งหลาย
พระองค์ได้ตรัสบนไม้กางเขนว่า "พระองค์มาเพื่อปรนนิบัติและประทานชีวิตของพระองค์เพื่อเป็นค่าไถ่ให้คนเป็นอันมาก"
คำว่า 'ค่าไถ่' หมายถึงเครื่องบูชาเพื่อการไถ่บาป ดังนั้นความตายของพระเยซูจึงเป็นความตายเพื่อการไถ่บาปให้กับเรา เป็นการจ่ายหนี้ทั้งหมดที่มนุษย์ได้ติดค้างพระเจ้า จากการมีส่วนนำความชั่วร้ายและความตายทั้งหมดเข้ามาในโลกของพระองค์
และความตายของพระเยซูนั้นทำให้เราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ พระโลหิตของพระเยซูนั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิต มีอำนาจในการชะล้างบาดแผลที่ ความชั่วร้าย ได้สร้างไว้ในเราและรอบๆ ตัวเรา เราจึงสามารถดำเนินชีวิตในสันติสุขกับพระเจ้าได้
ทั้งหมดนี้คือความหมายของความตายของพระเยซู
แต่ความตายของพระเยซูไม่ใช่จุดจบ พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย พระองค์จึงเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปที่ทำให้อำนาจของความชั่วร้ายและความตายสิ้นสูญไป เป็นผู้ชนะความตายและความบาปอย่างแท้จริง
นี่แปลว่าพระองค์ทรงอยู่เพื่อที่จะประทานชีวิตของพระองค์ให้ผู้ใดก็ตามที่ยอมรับในสิ่งนี้ ก็คือยอมรับว่าพระองค์เป็นเพียงทางเดียวที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากความบาปและกลับไปมีสันติสุขกับพระเจ้าอย่างแท้จริง
ดังนั้นการถวายสัตวบูชาและการชำระโลหิต ในวิหารจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป
มีเพียงความเชื่อในพระเยซูเท่านั้นที่จะทำให้ท่านรอดจากความชั่วร้าย
อ้างอิงจากบทความ Bibleproject.com
โฆษณา