17 มี.ค. 2022 เวลา 15:21 • หนังสือ
หากพิจารณานักเขียนที่ว่ายเวียนอยู่ในบรรณพิภพ ณ ปัจจุบัน ชื่อเสียงของ ‘พงศกร’ นั้น น่าจะได้รับการกล่าวขวัญถึงมากทีเดียว นอกจากงานเขียนที่มักถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์หลายต่อหลายเรื่องแล้ว พงศกรยังมีเอกลักษณ์ในการสร้างสรรค์และผูกเรื่องให้น่าติดตาม และงานเขียนส่วนใหญ่ของนักเขียนท่านนี้คืองานแนวสืบสวนสอบสวนแบบเบาๆ มีกลิ่นไอของภูตผี เรื่องลึกลับ คละเคล้ากับอารมณ์หลอนๆ แบบ gothic พอเป็นกระษัย ทำให้ดึงดูดนักอ่านทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ได้อย่างแน่นเหนียว ยอมรับครับว่าผมก็เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ติดตามอ่านงานเขียนของพงศกรแทบทุกเรื่อง
“พรางพัสตรา” ของพงศกร เป็นนิยายซีรีส์ใหม่ ที่คุณหมอนักเขียนสรรค์สร้างขึ้นมา โดยซีรีส์นี้ มีชื่อว่า “เจ้าสาวต้องสาป” โดยมีนิยายเรื่องพรางพัสตราเป็นเล่มแรกของซีรีส์ (อีกสองเรื่องคือ หงสาพิศุทธิ์ และ มงกุฎดอกไม้ไหว นั้นอยู่ระหว่างการเขียน) โครงเรื่องหลักๆ ของนิยายในซีรีส์นี้ก็ตรงกับชื่อซีรีส์แหละครับ พูดถึงผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวกับของบางอย่างที่หล่อนได้พบอันนำหล่อนไปสู่การค้นพบที่แท้จริง อย่างใน “พรางพัสตรา” ก็คือผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวลูกไม้ถัก
“พรางพัสตรา” เล่าเรื่องของลดานิดา แพทย์สาว เจ้าของคลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัย ผู้ที่ทั้ง Lucky in Game และ Lucky in Love หล่อนประสบความสำเร็จในสายอาชีพ คลีนิกมีชื่อเสียงและกำลังจะพัฒนาแตกยอดไปเป็นโรงพยาบาลดูแลสุขภาพครบวงจร อีกทั้งความรักก็สุกงอมและหล่อนกำลังจะเข้าพิธีสมรสกับพีธันดร นักแสดงหนุ่มเนื้อหอมในอีกไม่นาน ทว่า คืนหนึ่งในเวนิซ ลดานิดาได้พบกับร้านเจ้าสาวต้องสาป และที่นั่น หล่อนได้พบกับหญิงยิปซีที่ขายผ้าคลุมหน้าลูกไม้โบราณให้กับหล่อน แถมยังเตือนว่า “อะไรบางอย่างก็ต้องแลกมาด้วยของสำคัญ”
ลดานิดาเป็นลูกทหาร และเป็นคนตรงไปตรงมา มีจิตใจที่แข็งแกร่ง หล่อนไม่ยี่หระต่อคำเตือนของเจ้าของร้าน และหมายมาดว่าจะนำผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวผืนสวยนั้นมาใช้ในวันถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง การณ์กลับกลายเป็นว่าทันทีที่ลดานิดาสวมผ้าคลุมหน้าผืนนั้น หล่อนจะล่องหนหายตัวได้อย่างไม่มีคนมองเห็น และเพราะการที่ลดานิดามีความสามารถพิเศษนี้ หล่อนจึงได้พบความจริงว่าคนที่อยู่รายล้อมรอบตัวหล่อนนั้น แท้ที่จริงแล้วไม่ได้พูดความจริงกับหล่อนเลย
จาก Lucky in Game และ Lucky in Love ลดานิดาพบว่าตัวเองจวนเจียนจะสูญเสียลูกค้าให้กับคลีนิกเปิดใหม่ของอดีตแพทย์ที่เคยทำงานที่คลีนิกของหล่อน นอกจากนั้น พีธันดรเองก็ไม่ใช่ชายหนุ่มแสนดี แต่เป็นผู้ชายหลายใจ แต่ที่ร้ายที่สุดก็คือทุกครั้งที่หล่อนใช้ความสามารถพิเศษในการล่องหน หล่อนจะค่อยๆ แก่ตัวลงไปเรื่อย กระทั่งสุดท้าย พีธันดรยังขอยกเลิกการแต่งงานเพราะทนที่จะแต่งกับผู้หญิงแก่คราวแม่ไม่ได้
แม้จะเป็นคนเข้มแข็ง แต่ลดานิดาก็เคว้งคว้าง ระหว่างที่กำลังใจเปราะบาง มีเพียงบทจร หรือบทจร เพื่อนหนุ่มจากวัยเยาว์ที่เป็นลูกไล่ให้หล่อนเสมอที่อยู่เคียงข้าง และเขาเป็นคนเดียวที่มองเห็นหล่อน แม้ลดานิดาจะล่องหนต่อหน้าคนอื่นๆ สุดท้าย เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ลดานิดาจึงได้ค้นพบว่ารักแท้ของหล่อนนั้นอยู่ไม่ไกล เพียงแต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาหล่อนมัวแต่วิ่งตามความรักที่สวยงาม มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่ได้มองหาคุณค่าของความรักที่มาจากหัวใจเลย
นิยายเล่มหนาเล่มนี้ถูกผมอ่านจบภายในหนึ่งสัปดาห์ (ที่จริงคือสามวัน แต่ช่วงแรกๆ ของสัปดาห์ ผมติดงาน เลยไม่มีเวลาได้อ่าน มีแค่สามวันสุดท้ายที่อ่านแบบยิงยาว เพราะไม่อยากหยุดอ่านด้วยความที่อยากรู้ว่าเรื่องจะจบอย่างไร แม้จะเดาได้ก่อนแล้วด้วยซ้ำนะครับ โดยเฉพาะ Last Boss ที่ผมเดาได้ตั้งแต่กลางเรื่อง ไม่ surprise เลย ฮ่าๆๆ) ผมชอบสำนวนและวิธีการเล่าเรื่องของพงศกรที่ค่อยๆ นำพาคนอ่านเข้าไปสู่โลกของตัวละครทีละนิดละหน่อย ก่อนจะขับเคลื่อนคนอ่านให้วิ่งตามเรื่องที่แทรกปมลุ้นนั่นลุ้นนี่ตลอด ทำให้เกิดความกระหายใคร่รู้ และวางไม่ลงเป็นระยะๆ (ที่บอกว่าเป็นระยะเพราะจะมีช่วงกลางเรื่องที่นิยายทอดยอดมากไปหน่อย จนบางทีก็แอบคิดว่าทำไมไม่ทำให้กระชับกว่านี้ทั้งที่ทำได้) แต่ตอนจบที่เป็นช่วงเอาคืนนั้น โคตรมัน โคตรสนุกครับ วางไม่ได้เลย อยากรู้ว่าลดานิดาจะพลิกเกมยังไง ดีมากๆ
อีกประเด็นที่ผมชอบมากคือพงศกรสอดแทรกประเด็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับความรักผ่านเรื่องราวการค้นพบความรักแท้ของลดานิดาได้ลงตัวดี จะว่าไปแล้ว “พรางพัสตรา” เป็นนิยายรักที่มีพื้นฐานผสมผสานอยู่ในเรื่องลึกลับครับ จะว่าแบบนั้นก็ได้
บางอารมณ์ตอนที่อ่านทำให้ผมนึกถึงนิยายเรื่อง “วสันต์ลีลา” ของแก้วเก้า ที่เล่าเรื่องของหญิงสาวที่กำลังจะแต่งงาน กระทั่งหล่อนเดินทางไปสกอตแลนด์ และพบกับแม่ทูนหัว ซึ่งมอบสร้อยคอเวทมนต์ โดยบอกว่าสร้อยจะนำพาให้หล่อนพบกับความจริง และเมื่อเพลินสวมสร้อย หล่อนจะกลายเป็นคนอื่น จนทำให้หล่อนรู้ความจริงเกี่ยวกับคนรอบตัวหล่อนและตาสว่าง ตื่นจากภาพฝันมายาจอมปลอม จะว่าไปดูเหมือนนิยายทั้งสองเรื่องจะมีโครงคล้ายๆ กันครับ แต่อารมณ์ที่ให้ยามอ่านแตกต่างกันนะ พงศกรเป็นนักเขียนที่ดึงอารมณ์ร่วมจากการนำพาคนอ่านเข้าไปสัมผัสโลกของตัวละครแบบใกล้ชิด แต่แก้วเก้าเป็นนักเขียนที่อาศัยภาษาสวยงามขับเคลื่อนเรื่องราว เวลาอ่านงานของแก้วเก้าจึงทำให้เราเป็นเหมือนคนนอกที่มองชีวิตของตัวละครมากกว่าเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องแบบที่อ่านนิยายของพงศกร
คนที่ชอบซีรีส์ผ้าของพงศกร น่าจะชอบ”พรางพัสตรา” มากขึ้นไปอีกเพราะนิยายซีรีส์เจ้าสาวต้องสาปนี้เป็นภาคแยก หรือ spin off ของนิยายซีรีส์ผ้าครับ มีตัวละครบางตัวจากนิยายซีรีส์ผ้ามาปรากฏตัวในเรื่องนี้ด้วย แต่มาแค่แวบๆ นะ เหมือนเราได้อ่านเรื่องแยกที่มีตัวละครโยงใยกัน ซึ่งเป็นรูปแบบที่นักเขียนไทยปัจจุบันชอบทำ
สำหรับผม พงศกร เป็นหนึ่งในนักเขียนที่งานของเขาไม่เคยทำให้ผิดหวังครับ อาจมีจุดสะดุดใจนิดๆ หน่อยๆ อยู่บ้าง แต่โดยภาพรวมแล้ว เป็นงานที่อ่านสนุก ลื่นไหล และมีข้อคิดดีๆ ให้จดจำเสมอครับ
#ReadingRoom #พรางพัสตรา #พงศกร #วสันต์ลีลา #แก้วเก้า
โฆษณา