18 มี.ค. 2022 เวลา 02:17 • ธุรกิจ
ยิง Ads facebook ขายดี แต่ ไม่มีกำไร ?
สวัสดีครับ เมื่อวานนี้มีน้องชายที่ผมเคารพคนหนึ่งทักเข้ามาขอคำปรึกษา (ผมรู้สึกประทับใจที่น้องเขา "กล้า" ออกจากงานประจำมาทำธุรกิจของตัวเอง)
น้องทักเข้ามาขอคำปรึกษาว่า
"พี่ ผมยิง Ads ขายของ ขายดีนะ แต่ไม่มีกำไรเลย ต่างกับที่ขายบน Lazada อันนั้นไม่ได้ยิงโฆษณา แต่ก็มียอดขายได้เรื่อยๆ ผมถึงทางตันแล้ว ผมควรจะหยุดการยิง Ads ของ fb ไหม ในวันนี้ ?"
ในการให้คำตอบของผม อันดับแรกผมยังไม่ไปคิดถึงตรง ขั้นตอนกระบวนการเชิงเทคนิคเหล่านั้น เพราะผมรู้ว่า น้องเขามีความสามารถด้านการยิง Ads ดีอยู่แล้ว และเขาก็พยายามเรียนรู้เรื่องการยิง Ads ทาง fb อยู่เสมอ
หากผมแนะนำว่า ลองปรับ Ads แบบนี้ดูนะ ปรับเปลี่ยนข้อความ ลองกลุ่มเป้าหมายใหม่ หรือใช้การ Retarketing ยิงซ้ำ ลองติดตั้ง Pixel และ อีกหลายเทคนิคที่สามารถหาเรียนกับผู้เชี่ยวชาญมากกว่าผม
อันนั้นจะเป็นการที่ผมแนะนำในเชิงเทคนิค ซึ่งมันอาจจะทำให้ขายดีขึ้นในวันนั้น เดือนนั้น หรือปีนั้น แต่นั่น คือการทำธุรกิจแค่ระยะสั้น (ซื้อมาขายไป) วันๆก็จะนั่งปรับ Ads ซึ่งงานแบบนี้คุณสามารถ บริหารให้คนอื่นทำแทนได้ คุณควรพอรู้จักในภาพรวมแล้วถอยออกมาให้เร็ว
คำแนะนำของผมคือการที่จะเล่นเกมระยะยาว และเป็น เจ้าของธุรกิจ ที่ อัพเกรดตัวเองจากการเป็น นักขาย
ผมไม่ได้บอกว่าการเป็นนักขายไม่ดี แต่หมายถึง เราควรทำงานที่ใหญ่ขึ้น ด้วยการใช้ทักษะความเป็นนักขายด้วย
สิ่งสำคัญก็คือ การทำธุรกิจไม่ใช่ แค่ ซื้อมาขายไป ไม่ใช่การขายออนไลน์ ไม่ใช่การมีแค่หน้าร้าน แต่มันคือการที่คุณจะให้ประโยชน์อะไรแก่ส่วนรวมได้บ้าง
ผมเลยบอกน้องว่า ตอนนี้คุณได้ประสบการณ์เชิงเทคนิครวมถึงการขายไปเยอะแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ธุรกิจ นั่นเป็นแค่ร้านขายออนไลน์
หากคุณต้องการเปลี่ยนจาก ดักแด้ไปเป็นหนอน (ยังไม่ไปถึงผีเสื้อนะ) เราต้องไปเริ่มจากการพูดถึงการปรับ Mindset กันใหม่ของสิ่งที่เราทำ
8 โจทย์ที่ต้องตอบตอบตัวเองให้ได้ก่อนเริ่มทำธุรกิจ
1.เราอยากจะแก้ปัญหาอะไร?
2.ปัญหานั้นคืออะไร?
3.อะไรทำให้เกิดปัญหานั้น?
4.ถ้าธุรกิจของเราหายไปในวันพรุ่งนี้ โลกเราจะสูญเสียอะไรไป?
5.ทำไมเราจึงคิดว่าสามารถจะแก้ปัญหานั้นได้?
6.ผลิตภัณฑ์หรือบริการของเราจะแก้ปัญหาได้อย่างไร?
7.ผลิตภัณฑ์หรือบริการของเราจะทำชีวิตของลูกค้าดีขึ้นได้อย่างไร?
8.ลูกค้าต้องการอะไรจากธุรกิจเรา?
แล้วให้เราส่งมอบคุณค่าเพื่อแก้ไขปัญหาที่ลูกค้ามี จำไว้ว่า ยิ่งคุณ
"ให้" มากเท่าไหร่ สิ่งที่กลับมาจะเป็น "ความสุข" + "กำไรเงิน" มากเท่านั้น นั่นแหละคือการ "สร้างแบรนด์"
(การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งก็เป็นสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ครับ)
เมื่อคุณตอบปัญหาด้านบนได้แล้ว คุณจะเอาเข้าไปใส่ในแผนการของคุณได้ชัดเจน สิ่งที่ผมแนะนำในเวลานี้ หากมานั่งเขียนแผนธุรกิจอาจจะไม่ทันกินแล้ว
แนะนำว่าให้เขียน Business Model (ผืนผ้าใบ BMG) แบบง่ายๆ
ไปหาคู่มือสร้างโมเดล ที่ชื่อว่า 'คน 2 คน กับปากกา 1 ด้าม ก็สร้างโมเดลธุรกิจระดับโลกได้แล้ว' ของคุณ อิมะสึ มิกิ เขียนไว้ มาอ่าน อ่านแค่วันเดียวเขียนเป็นเลย แล้วก็เริ่ม "ลงมือทำ" ตามแผนที่เขียนนะ
ทำ วัดผล ปรับปรุง ทำวนเวียนไปนั่นแหละ
นั่นคือคำตอบของผมในการแก้ปัญหาระยะยาว
(สร้างแบรนด์เพื่อส่งมอบคุณค่า)
ทีนี้มาดู คำตอบเชิงเทคนิคให้น้องของผมบ้างครับในระยะสั้น ระยะกลาง นี้ควรจะทำอย่างไร
หากมีทุนน้อย ปิด Ads ที่ขาดทุนก่อน ประคองตัวเองด้วย รายรับจาก Lazada (ทำให้ธุรกิจยังมี cash flow)
ทำไม ที่ Lazada ถึงขายได้ล่ะ ? แต่ fb ไม่มียอดเลย ถ้าไม่ยิง Ads ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่ สินค้าไม่ดี สินค้าโครตดี เจ้าของน่ารักมาก แต่ ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครมองเห็น ต่างกับที่ Lazada เพราะลูกค้าเข้าไปถึงง่าย
ทำอย่างไรคนถึงจะเห็นคุณนะ ? นึกถึงตอนเราที่ต้องการอะไรสักอย่างสิครับ ไปค้น Google ไปค้นหา อ้อเจอแล้ว คุณก็ทำธุรกิจให้แสดงบน Search Engine อย่าง Google สิ ผมเลยแนะนำให้น้องไปเรียน SEO ก่อนเลย
(SEO คือการ ปรับปรุงให้เราสามารถแสดงผลไปที่อันดับต้นๆของ Search Engine อย่าง Google) Skill นี้ผมต้องรีทักษะอัพตัวเองทุกปีครับ และหากหยุดเรียนทักษะนี้ คือ แพ้ตั้งแต่เริ่มแน่นอน และผลมันจะแสดงแบบเป็นไปตามเวลา 6 เดือนรู้ผล คุณจะมียอดขายแบบ Passive แต่มากน้อยอยู่ที่ความสามารถ (ไม่เชื่อลองทำดู)
คุณแน่ใจเหรอว่า ลูกค้าคุณอยู่ที่ประเทศไทยอย่างเดียว ? ลูกค้าคุณอยู่ที่ช่อง fb เท่านั้น? คุณต้องทำให้เขาเห็นได้ถูกช่องทาง ลองคิดดีๆ สินค้าและแบรนด์ของคุณ อาจจะเหมาะกับ ลูกค้าต่างประเทศก็ได้ (ประเทศไทยเล็กมากๆ) หรือ เขาต้องการดูภาพสวยๆมีคุณค่าที่ระดับสูง ก็อาจจะชอบส่องเฉพาะ IG นะ
ทำการตลาดแบบแรงดึงดูด (Inbound Marketing) ควบคู่กับ การตลาดแบบแรงผลัก (Outbound Marketing)
 
Inbound คืออะไร ? คือการดึงดูดคนที่ใช่เข้ามาหาคุณในเวลาที่ใช่
ผ่านการส่งมอบคุณค่าที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้า ทำให้พวกเขารู้สึกว่าคุณเป็น คนที่น่าเชื่อถือ จากนั้นก็ค่อยๆ ฟูมฟักคนเหล่านี้ให้พร้อมเป็นลูกค้า และอยากซื้อสินค้าหรือบริการจากคุณ
"หากคุณสามารถแสดงให้เขาเห็นถึงสิ่งที่เขาต้องการ เขาจะบุกน้ำลุยไฟเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมาครับ" สำคัญคือ ต้องทำให้เขาเจอเราให้ได้ (SEO)
Outbound คืออะไร ? คือการทำการตลาดแบบผลักออกไปขัดใครสักคน เช่น การยิง Ads,โฆษณาทีวี ในตอนเรากำลังดูหนังสนุกๆ แต่ก็มี โฆษณาขึ้นมากั้น เราแทบจะอยากปิดทันที (บางอัน) หรือ การที่พนักงานขายประกันโทรมาหาตอนเราประชุมอยู่ นั่นแหละคือการผลัก
ทั้งสองมีความเหมาะสมต่างกัน Inbound ใช้เวลาอย่างน้อยๆเป็นปี กว่าจะเห็นผล แต่เห็นผลแบบยั่งยืน ส่วน Outbound เห็นผลตอนนั้นเลย ผันผวนตามจำนวนต้นทุนที่เราใส่ลงไป วิธีง่ายๆก็คือ ตรงไหนมี Engagement หรือ มีคนเข้าชมในแบบ Inbound เยอะ ก็ ใส่เงิน Outbound ลงไป เพื่อ Boost มันยังไงล่ะ ทีนี้ได้ทั้งใกล้ ทั้งไกล
มันจะยาวกว่านี้ถ้าผมต้องเขียนทั้งหมดออกมา เอาเป็นว่า ระยะยาวคือการ สร้างแบรนด์ ส่วน ระยะสั้น (ระยะก่อนเปลี่ยนไปเป็นผีเสื้อนี้) ทักษะที่คุณต้องเรียนเพิ่มและเอาไปใช้ทันที
1. SEO
2. Digital Marketing (Inbound , Outbound)
3. แผนโมเดล BMG
4. อ้อ แนะนำ หนังสือชื่อว่า #วิชาธุรกิจที่ชีวิตจริงเป็นคนสอน เขียนโดย คุณ ปิ๊ก ธรรศภาคย์ เลิศเศวตพงศ์ มี Howto การทำธุรกิจที่เหมาะกับทุกคนจริงๆ
มีความสุขกับวันนี้ครับ ขอให้โชคดี 🙂
เอาต์พุตของ หนุ่ม เทพนรินทร์ Why ? จากเรื่องราว เมื่อวานนี้
#numthepnarinwhy
โฆษณา