18 มี.ค. 2022 เวลา 08:21 • การตลาด
8 สูตรการตลาดขั้นเทพ ของ Apple เขียน Copywriting ยังไงให้ปัง อ่านกี่ครั้งก็ชวนซื้อ
ถ้าพูดถึงการเขียน Copywriting โดนๆ มีหลายบริษัทที่ทำเรื่องนี้ได้ดีและฝากผลงานที่เป็นไวรัลเอาไว้บนโลกออนไลน์นักต่อนัก ไม่ว่าจะเป็น Nike หรือ Coca-Cola
แต่อีกหนึ่งบริษัทที่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Apple บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก เพราะทุกครั้งที่เปิดตัวสินค้าใหม่ๆ หนึ่งอย่างที่เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยคือการเขียน Copywriting อธิบายสินค้าสั้นๆ แต่อยู่หมัด อ่านกี่ครั้งก็ชวนซื้อ จึงถือว่าเป็น 1 กรณีศึกษา ที่นักการตลาดและคนทั่วไปไม่ควรพลาด
Brand Inside จะพาไปดู 8 สูตรการตลาดขั้นเทพของ Apple ในการเขียน Copywriting สุดปังของสินค้าแต่ละชิ้น ที่ไม่ว่าจะอ่านซ้ำกี่ครั้งก็จะต้องรู้สึกคันไม้คันมืออยากซื้อทุกครั้งไป
1 | Headline เอาให้ปัง
แทนที่จะเขียน Headline ทั่วไป แล้วอธิบายลงมา สิ่งที่ Apple ทำบางครั้งคือ การเขียน Headline สั้น ง่าย แสบสัน แต่ใจความต้องครบถ้วน
เพราะทุกวันนี้คนเสพสื่อมีสื่อมากมายให้เสพ การอ่านแค่ Headline แล้วมองข้ามส่วนอื่นไปจึงเป็นปกติ
การเขียน Copywriting สูตรนี้จึงช่วยแก้ปัญหาคนมองข้ามเนื้อแล้วอ่านแต่ Headline เพราะเนื้อหาทั้งหมดถูกสะท้อนใน Headline สั้นๆ ง่ายๆ แต่ใจความครบถ้วนแถมแสบสันกินใจ
2 | ขายพลังวิเศษ
แทนที่จะขายสเปคหรือฟีเจอร์ของสินค้า สิ่งที่ Apple ทำบ่อยครั้งคือ การขายพลังวิเศษที่ช่วยเปลี่ยนชีวิต
ทุกวันนี้ นักการตลาดทุกคนรู้ว่าการขายด้วยสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับคือสูตรสำเร็จของการทำการตลาด จึงมีหลายแบรนด์ที่มักจะประโคมข้อดีออกมากลาดเกลื่อนในการทำการตลาด
แต่สิ่งที่เหนือไปกว่านั้นคือการทำให้ลูกค้ารู้ทันทีว่าสเปคหรือฟีเจอร์ที่มากับสินค้าสร้างประโยชน์ให้กับชีวิตของพวกเขายังไง ไม่ต้องคิดอีกทอดหนึ่งว่าสเปคแบบนี้ส่งผลอะไรต่อชีวิต และนี่คือการขายพลังวิเศษ
3 | จี้ใจดำ
แทนที่จะพูดถึงสิ่งที่สินค้าทำได้ สิ่งที่ Apple ทำคือ การขยี้ Pain Point ของผู้ซื้อด้วยฟีเจอร์ที่สินค้าทำได้
ถ้าการขายพลังวิเศษคือการคิดต่อว่า ฟีเจอร์หนึ่งๆ ของสินค้าทำให้ชีวิตดีขึ้นยังไง การขยี้ Pain Point ก็คือการคิดต่อว่าฟีเจอร์หนึ่งๆ ของสินค้า แก้ปัญหาอะไรในชีวิตของผู้ซื้อ
การสื่อสารแบบนี้ช่วยให้ลูกค้าสนใจสินค้าทันที เพราะไม่ต้องมาคิดหลายตลบ แต่เข้าใจทันทีว่าถ้าจ่ายเงินไปจะได้อะไรกลับมา
4 | สร้างนิยามสุดปังจากข้อดีที่มี
แทนที่จะไล่ข้อดีของสินค้าลงมาเป็นข้อๆ สิ่งที่ Apple ทำคือ การสร้างนิยายสุดปังให้กับสินค้าชิ้นนั้นแทน
บ่อยครั้งที่สินค้าของเรามีข้อดีมากมายจนเสียดายที่จะตัดอะไรสักอย่างออก แต่ Apple มักจะพยายามศึกษาว่ากลุ่มลูกค้าสำหรับสินค้าชิ้นนั้นคือใครและสรุปนิยามง่ายๆ ของสินค้าชิ้นนั้นออกมาโดยอ้างอิงจากข้อดีที่มี โดยนิยามจะสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้อย่างกินใจและตรงความต้องการ
เช่นในกรณีของ iPad ที่เป็นสินค้าในกลุ่มแท็บเล็ตรุ่นถูกที่สุด กลุ่มลูกค้าจะเน้นความคุ้มค่า สิ่งที่ Apple ทำคือการขายความครอบจักรวาลในราคาย่อมเยาของสินค้ารุ่นนี้
5 | ง่ายๆ ใช้ตัวเลข
แทนที่จะบอกว่าสินค้าดียังไง สิ่งที่ Apple ทำคือ เล่นกับตัวเลข บอกว่าสินค้าดีแค่ไหน
ดีในความหมายของแต่ละคนย่อมไม่เท่ากัน ดังนั้นกฎง่ายๆ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันคือการใช้ตัวเลขที่ตรงไปตรงมา เช่น ดีขึ้นกว่าเก่า 50% หรือ แรงกว่าเดิม 2 เท่า
นอกจากนี้ ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของตัวเลขคือไม่ต้องมากความ ไม่ต้องอธิบายยาวยืด เพราะตัวเลขแค่ไม่กี่ตัวสามารถสะท้อนความหมายที่ชัดเจนออกมาในตัว จึงไม่สร้างภาระให้กับคนที่มาอ่านเหมือนกับการอ่านข้อความ
6 | ใช้ความแตกต่าง ความย้อนแย้ง
แทนที่จะอธิบายไปเรื่อยๆ ไร้จุดหมาย Apple มักจะใช้ความแตกต่าง ความย้อนแย้ง สร้างสีสันอยู่เสมอ
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของ Copywriting คือการเขียนให้ติดตรึงอยู่ในสมอง การใช้ความแตกต่าง ความย้อนแย้งเข้ามาอธิบายสินค้ามีข้อดีคือการสร้างภาพที่ฉูดฉาด มีชีวิตชีวา และกระตุ้นสมอง ของคนอ่านมากกว่าข้อความที่จืดชืด เราจึงได้เห็น Apple ใช้ทริคนี้อยู่บ่อยๆ
7 | ใช้ความมั่น (ถ้าเจ๋งจริง)
แทนที่จะแจกแจงข้อดีออกมายาวยืด Apple มักจะใช้ประโยคสุดมั่น ถ้าสินค้าชินนั้นเจ๋งจริง
หลักการทำงานของทริคนี้ก็เหมือนการใช้ความแตกต่างและย้อนแย้ง นั่นคือการสร้างความฉูดฉาด มีชีวิตชีวาออกมา แต่ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เช่น หากเรามั่นใจว่าสินค้าชิ้นนี้ทนทานที่สุด เร็วที่สุด แรงที่สุด ก็ไม่ต้องลังเลที่จะใช้คำจำพวกนี้มาอธิบาย
แต่ต้องระวังการใช้ประโยคสุดมั่นให้ดี เพราะหลายๆ อย่างก็ไม่ได้มีนิยามตายตัว เช่น ความอร่อย ความหอม ก็พูดได้ยากว่าอร่อยที่สุดหรือหอมที่สุด เนื่องจากเป็นเรื่องที่ไม่มีหน่วยวัดตายตัวเหมือนความเร็ว CPU
8 | Call to Action โดนๆ
เรามักจะคุ้นเคยกับปุ่ม “ดูข้อมูลเพิ่มเติม” แต่เอาเข้าจริง นี่ไม่ใช่ประโยคที่ดึงดูดให้เราไปต่อเลยจริงๆ
สิ่งที่ Apple ทำคือมักจะใช้ประโยค Call to Action โดนๆ เพื่อให้ลูกค้ามีแนวโน้มคลิกดูรายละเอียดสินค้า หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ใช้คำว่า “ถาม Specialist ได้เลย เป็นต้น”
[ สรุป ]
Apple มีจุดแข็งทั้งในเรื่องแบรนด์ไปจนถึงการมี Ecosystem ที่แข็งแกร่งเป็นของตัวเอง
แต่อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้การทำการตลาดของ Apple ประสบความสำเร็จอย่างมากคือการเขียน Copywriting ที่โดนใจ ชวนให้กดซื้อทุกครั้งที่ได้อ่าน
นอกจาก 8 ข้อที่ได้นำเสนอมา เอาเข้าจริง Apple ยังมีกลยุทธ์อีกหลายอย่างในการทำ Copywriting สุดปัง ซึ่งผู้อ่านสามารถลองไปเลื่อนชมในเว็บไซต์ของแบรนด์เพื่อนำมาคิดต่อเป็นกลยุทธ์ของตัวเองได้
โฆษณา