21 มี.ค. 2022 เวลา 23:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รัสเซีย.. ปฏิบัติการพิเศษ จุดเริ่มต้นของภาพสะท้อนที่ชัดเจนต่อ..อนาคต Dollar

รัสเซีย... เรื่องนี้น่าสนใจ ตอนเลือกบุกยูเครนแล้วตอนโดน Sanction วีคแรกเหมือนจะอ่วม แต่ตอนนี้...ผ่านมา 1เดือน เหมือนจะไม่ใช่แระ ไปๆมารูเบิลที่โดนถล่ม -50-60% กลายเป็นอยู่ห่างจากก่อน sanction แค่ -10-15% ลอยลำสบายเฉย
1
คนอ่วมตัวจริงหลังจากนี้เหมือนกำลังจะย้อนกลับพวกไล่บีบ Sanction เอง ถ้าจีน อินเดีย อาหรับไม่เอาด้วย กลายเป็น Nato กับ US อาจกำลังจะไปเองซะมากกว่าที่ผ่านมา หลายประเทศในสภาสหภาพยุโรปยังต่อว่านาโต้อย่างแรงที่หาเรื่องใส่ตัว
ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจว่า รัสเซียที่ใช้การล้อมแทนการบุกคือเจตนาล้อมเองเพื่อถ่วงให้ ศก ฝั่งตะวันตกเกิดแผลมากสุด หรือล้อมเพราะบุกไม่เข้ากันแน่...
ตอนนี้ทั้งไบเดนกับจอห์นสันของuk กำลังวิ่งไล่หาน้ำมันจากที่อื่น เพื่อกดราคาน้ำมันไม่ให้ขึ้น ถึงวันนี้เหมือนจะถูกปฏิเสธหมดแล้ว ซาอุกับเอมิเรต ไม่เอาด้วย แถมไม่รับสายถึงกับไอ้หัวยุ่งต้องถ่อบินไป แต่ก็ยังไม่เอาด้วย นอกจากน้ำมันแล้วยังมีก๊าซที่ทางยุโรปพึ่งพาทางรัสเซีย มากเกิน 50% ถ้าเป็นแบบนี้เจตนารัสเซียอาจเป็นการสร้างเงินเฟ้อถล่มยุโรปแน่ๆ
ประเทศ ปชต ถ้าได้ของแพง หนาวตาย อดอยากเข้าตัวละก็ ผลลัพธ์มันออกมาไม่เหมือนกับของรัสเซียนะ ถ้านานเกินไป การประท้วง และคู่แข่งทางการเมืองในประเทศตัวเองนี่แหระจะทำตัวเองผูกคอตาย การกลับคำก็ฆ่าตัวตายทางการเมืองอยู่ดี เหมือนการ Sanctionที่ทำ ผนวกกับบารมีที่หลงตัวเอง แล้วค้นพบความจริงว่าตัวเองเริ่มบีบชาวบ้านไม่ได้เหมือนก่อน พลันจู่ๆด้อยค่าดอลลาร์ตัวเอง อีกตะหาก...
1
2วันที่แล้ว ข่าวซาอุรับหยวนเป็นสกุลเงินซื้อขายพลังงาน ถ้าหาก ข่าวซาอุรับเงินหยวน ให้หยวนถูกใช้ซื้อขายพลังงานได้จริงในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ควรบังเอิญ เวลาเหมาะเจาะขนาดนี้ ถ้าไม่ได้เตรียมการไว้ และอินเดียที่ตกลงจะซื้อพลังงานในราคา discount โดยไม่ใช้ดอลล์ นี่ก็บังเอิญเกินไปแล้ว...
3
น่าสนใจ ว่า...สุดท้าย ดอลล์ที่หมุนเวียนอยู่จะค่อยๆเกินระบบหรือเปล่า หาก Fed. ไม่ทำ QT หรือ ทำQT เพื่อดึงดอลล์ออกไม่ทันการณ์ เพราะแค่จีนลดการใช้เทรดพลังงานแค่ประเทศเดียวก็มหาศาลแล้ว บวกอินเดียเข้าไปที่จะรับตรงกับรัสเซีย มันจะเป็นการปฏิวัติการใช้ดอลลาร์ของโลกแบบจริงจังครั้งแรก เพราะดอลลาร์ถูกผูกกับพลังงานของจำเป็นมาตลอด ถึงทำให้ดอลลาร์มีความแข็งแรงมากในช่วงที่ผ่านมา
สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือภาวะเงินเฟ้อที่จะทะลุ จากที่เคยคิดว่าอาจจะทะลุไปที่ 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปลายปีก็ได้ ซึ่งเงินเฟ้อก็จะทำให้พันธบัตร สหรัฐถูกทิ้ง ดอกเบี้ยก็ต้องขึ้นดอกเบี้ยขึ้น เงินไม่ขึ้นต่อก็ต้องหาย เงินในตลาดหุ้นก็ต้องหายก็ต้องหมดคืนเงินที่กู้มาจากการทำ qe ในช่วงปี 2020
2
อย่างไรก็ดีถ้า สินทรัพย์เสี่ยงเหล่านี้ถูกทิ้ง มาเปลี่ยนแปลงเงินดอล จะมีช่วงสั้นๆที่ดอลลาร์ก็ต้องแข็งขึ้น ซึ่งอาจจะแข็งสุดๆสักเดือนสองเดือน ถ้าดอลล์เหลือจากระบบเยอะเกินไปช่วงแรก สถานการณ์ทุกอย่างขมุกขมัว แต่ถ้ายาวๆ ก็ไม่น่าเกิน 5-6 เดือนที่จะแข็งค่า อาจจะมีเหตุการณ์มึนๆดูไม่ดีเท่าไหร่
1
อาจจะทำให้ตลาดพันธบัตรของสหรัฐ ถูกเทขายถ้าเกิดถูกเทขายแล้วไม่เอาไปลงไว้ในตลาดทุนเพราะว่าสภาพตลาดทุนอาจดูไม่ดีนักก็จะทำให้ดอลล่าล้นจริงๆเหตุการณ์อาจจะผ่านทำให้ดอลลาร์แข็งไปยาวๆประมาณ 6-8 เดือนก็เป็นได้
ข่าวเศรษฐกิจสหรัฐออกมาเละเทะ อัตราเงินเฟ้อพุ่ง จนต้องทำคิวที อย่างเร่งด่วน เมื่อนั้นตลาดทุนในสหรัฐก็จะเสียหาย หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐเสียหายจากตลาดทุน ที่จำต้องขึ้นดอกเบี้ยพยุงเงินเฟ้อ
หลังจากนั้น เร็วสุดก็น่าจะปลายปี 65 ที่เงินดอลลาร์ก็น่าจะอ่อนค่าลง และสุดท้ายก็ต้องระบายกลับตลาดทุนอยู่ดี เพราะว่าทนถือไม่ไหว จะไปเข้า emerging Market หรือดันดาวโจนส์ อีกรอบก็เป็นไปได้
แต่หากว่ากลางปีถึงสิ้นปีจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก ระหว่างที่ทำคิวที แล้วขึ้นดอกเบี้ย ตอนนั้นถึงทำ qe ออกมา มันจะไม่ได้อะไรเหมือนเดิมแล้วเพราะตลาดไม่ได้มองว่า qe มาช่วยอะไรตลาดเลยแล้วจะกลับทำให้เงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้น
1
การที่ซาอุกำลังตอบรับการใช้หยวน ในช่วงกลางถึงปลายปี น่าจะเป็นช่วงที่ เศรษฐกิจสหรัฐ และน่าจะรวมไปถึงยุโรป กำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด ถ้าถูกซ้ำเติมด้วย การที่ซาอุกับหยววนเข้ามา
คุณลองคิดดูสิ ในสถานการณ์ที่ว่าเงินมันล้น แถมสภาพมันแข็งจนทำให้ส่งออกไม่ได้แล้ว มันจะแข็งสุดกู่ แล้วต้องเร่งหาที่ระบาย ถ้าไม่คืนธนาคารกลางก็ต้องเอาไปลงในสารพัดสินทรัพย์เสี่ยง
ภาวะของดอลลาร์จะถูกชี้เป็นชี้ตายโดยซาอุกับกลุ่มโอเปก หากมิตรภาพระหว่างสหรัฐและพันธมิตรกับกลุ่มโอเปกเป็นเหมือนอย่างที่รัสเซียตั้งใจไว้ มันก็แปลว่า หากดอลล์จำนวนมหาศาลที่ไม่ได้ใช้จะล้นไปเฉยๆ ความจำเป็นต้องหาดอลล์มาใช้ก็น้อยลง ความเป็นไปได้มากที่สุดคือ Q4 ปี 65 นี้ เร็วที่สุดหรืออาจจะถึงปี 66 หรือ 67 เลย ก็เป็นได้เนื่องจากสหรัฐก็ต้องหาทางตัดขาทางจีนอยู่เหมือนกันดังนั้นเรื่องพวกนี้อาจจะถูกดึงแล้วก็ต่อสู้กันไปอีก 2-3 ปี
2
หากในทึ่สุดซาอุประกาศรับหยวน และหากบังเอิญมีเหตุการณ์อิหร่านกลับเข้ามาในระบบ หรือไม่สนsanction หรือหลุดจาก sanction จาก ตะวันตกได้ นั่นหมายความว่าต่างประเทศที่ส่งออกน้ำมันมากที่สุดเริ่มใช้หยวนบนแทนที่ดอลลาร์ในการซื้อขายพลังงานเป็นทางการ ตอนนี้แหละก็ต้องถึงจังหวะที่เริ่มเปลี่ยนผ่านอิทธิพลของค่าเงินแบบชัดเจนมากขึ้นซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปีถึง 2 ปี แล้วหลังจากนั้นดอลลาร์ก็จะถูกลดบทบาทลง
2
ต้องตามกันต่อไปว่า ภายใน 2-3 ปี หลังจากนี้ ซาอุหากประกาศรับรองเงินหยวน และให้ประเทศอื่นๆสามารถใช้ได้แทนเงินดอลล่าร์ นั่นแหละกินข้าวหายนะที่ช่วงแรกแม้อาจจะมีการชักคะเย่ออยู่ประมาณ 1 ปีแต่แนวโน้ม ที่คนใช้น้อยลงอย่างมีนัยยะจะเกิดขึ้นแน่นอนและ ดอลล์ก็จะเกิดภาวะล้นตลาดมหาศาล ตลาดทุนของสหรัฐอ่จจะอยู่ในสภาพ.... อืมมมนะ
1
ขณะนี้ซาอุดิอาระเบียยังมีอิทธิพลในการกำหนดความเป็นความตายของดอลลาร์และทุกประเทศบนโลกยังจำเป็นต้องใช้พลังงานจะซาอุดิอาระเบียและกลุ่มโอเปกและตัวซาอุดีเองก็มีดอลลาร์อยู่ในมือเยอะเกินไปเหมือนกันซึ่งก็คงไม่ทำลายตัวเอง
ดอลลาร์ในมือของซาอุดิอาระเบียเขามีมหาศาลก็มาดูกันว่าซาอุดิอาระเบียจะเล่นแรกแปรธาตุยังไงกับเรื่องพวกนี้โดยที่ไม่ให้สหรัฐรู้เรื่อง แต่ยังไงแล้วสิ่งที่คุณได้เห็นมาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาคือซาอุดิอาระเบียใช้ดอลลาร์ซื้อกิจการและลงทุนในกิจการของสหรัฐและหลายประเทศเป็นจำนวนเงินมหาศาล แต่อย่างไรก็ดีมันไม่ง่ายเลยที่จะผ่องใสดอลลาร์ในมือโดยที่ไม่มีใครผิดสังเกต แล้วมันก็ต้องใช้เวลาอยู่หลายปีอีกพอสมควร
2
ถ้าสงครามรัสเซียยูเครนจบเร็ว การบ้านเงินเฟ้อก็อาจจะมีไม่มากแต่คิดว่าไม่น่าจะใช่นะเสียงน่าจะทำให้ยืดเยื้อเพื่อจะถล่มค่าเงิน ซึ่งหากทางรัสเซีย โจมตีต่อเนื่องมันก็ต้องทำให้การขาดแคลนเพิ่มขึ้น EU sanction เงินเฟ้อก็จะเพิ่มขึ้นอีก ถ้าลากไปถึงปลายปีละก็น่าจะเข้าล๊อครัสเซีย เผลอๆจะลากให้ถึงปี 66 หรือ 67 ด้วยซ้ำ เพราะจำเป็นต้องทำให้ยุโรปสาหัสและให้ทางยุโรปและสหรัฐคายอาวุธออกมาใช้ในสงครามให้มันมากที่สุดด้วยเช่นกัน แต่เรื่องนี้ก็เป็นมุมมองที่สุดตรงเกินไปเหมือนกันซึ่งเจตนาของรัสเซียก็คงไม่น่าจะถึงขนาดนี้
2
แล้วหาก EU sanction ไปถึงพลังงานซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าบ้าที่จะทํา ราคาพลังงานเงินเฟ้อไม่ต้องพูดถึง แล้วหากรัสเซียเห็นแล้วชอบใจในความเสียหาย ศก ของยุโรปและสหรัฐแล้วยืดเยื้อสู้จนถึงปลายปีให้ถึงช่วงอากาศหนาว ก๊าซและพลังงานก็จะถูกทำให้ทุกอย่างแพงขึ้นไปอีก ถึงตอนนั้นต้องดูประชาชนตัวเองจะบ้าตามรัฐบาลตัวเองหรือเปล่า.... เพราะเสี่ยงจะเกิดจราจลมาก
1
พูดถึงเรื่อง Sanction ของกลุ่มตะวันตก.. ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะหากไม่ทำสุดตัวแล้วสุดท้ายรัสเซียชนะ จีนจะผงาดแบบไร้เทียมทาน เพราะจีนไม่น่าจะเจ็บตัวอะไรเลย โดยรัสเซียน่าจะชนให้หมดแทน และอิทธิพลของกลุ่มตะวันตกจะเรียกว่าบอบช้ำจนกลับสู่สามัญเลย
ช่วงแรกๆ ของ crisis มันจะเกิดปรากฏการณ์ดอลล์มันจะแข็งทะลุทะลวง ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรมันจะถือเป็นตอลล่าร์ไว้ก่อน หลังจากที่ภาพทุกอย่างเริ่มชัดเจนหมายความว่ามีกี่ประเทศไม่ใช้ดอลลาร์แน่นอนแล้วและปริมาณที่มันล้นจากตลาด มันล้นตลาดจนควบคุมไม่ได้หรือไม่
1
ธนาคารกลางของสหรัฐก็รู้ดีอยู่แล้วคงไม่คิดจะดื้อดึงดังนั้นคุณจะเจอการผันผวนของดอลลาร์ขึ้นๆลงๆแบบรุนแรงอยู่ตลอดเวลาในช่วงปี 66 หรืออาจจะข้ามไปถึง 67 เพราะมันเป็นการต่อสู้ระหว่างเศรษฐกิจอันดับ 1 และอันดับ 2 การแบ่งกลุ่มการแบ่งขั้วการต้องการคงอิทธิพลและการป้องกันล้มอิทธิพลของดอลลาร์ แต่ไม่ว่าอย่างไรปัจจัยสำคัญก็จะอยู่ที่ซาอุดิอาระเบียอยู่ดี
1
ถ้าดอลลาร์ยังมีพลัง แปลว่าตะวันตกยังมีแรงสู้เพื่อค้ำยันดอลลาร์และยูโร แต่มันไม่ง่ายเลย เพราะมีปัจจัยสงครามในการสร้างเงินเฟ้อและดูดเงินออกจากระบบการเงินของตะวันตกจากทัเงเงินเฟ้อและการอัดเงินเข้าสงคราม นั่นแปลว่าสหรัฐจะต้องสร้างหนี้มหาศาล ซึ่งถ้าชนะสงครามก็ยังมีเวลาข่มและสร้างกฏระเบียบให้ตนเองในการซื้อเวลาเคลียร์หนี้
แต่ถ้าสมุนประเทศเล็กๆ ที่เริ่มเอาใจออกห่าง โดยการบีบจากจีน รัสเซีย และอาจจะรวมถึง Opec โดยมีเศรษษฐกิจของจีน รวมกับพลังงานของรัสเซียและกลุ่ม Opec ในการสร้างอำนาจต่อรองหากประเทศระดับรองๆ โดยเฉพาะอินเดียที่ยังไม่หันซ้ายหันขวาชัดเจนแต่เริ่มใช้เงินตนเองในการซื้อขายสินค้าและพลังงานกับทั้งจีนและรัสเซียรวมถึงกลุ่ม Opec นั่นจะแสดงถึงลางชัดเจน ที่จะเริ่มหันออกจากดอลลาร์
3
ธนาคารกลางของแต่ละประเทศก็จะเริ่มลดความจำเป็นในการถือครองดอลลาร์เนื่องจากการซื้อพลังงานไม่จำเป็นต้องใช้ Dollar อีกต่อไป ธนาคารกลางของสหรัฐ หากไม่ดื้อดึงและรู้ว่ากำลังถูกกระทำอะไรอยู่ ในช่วงปีถึง 2 ปีนี้จำเป็นต้องทำ qt เอาเงินส่วนเกินทั้งหมดออกจากระบบให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันการอ่อนค่าอย่างฉับพลัน มิฉะนั้น ห้ามฟังที่ต้องการทำลายค่าดอลลาร์รวดเร็วกว่าทางธนาคารกลางของสหรัฐตอนนั้นทุกอย่างจะสายเกินไป ไม่อยากเรียกว่าตอนนั้นอาจจะกลายเป็นแบงค์กาโม่...????
1
ถึงวันนั้น ยังไงก็แล้วแต่ ดอลลาร์ก็จะอ่อนค่าลงจากจำนวนที่เกินในตลาด ทุกอย่างมันอาจจะไม่เกิดฉับพลัน อาจจะลากเวลาเป็นปีหรือหลายๆปี เพราะการประกาศตัวชัดเจนในการไม่ใช้ดอลลาร์จากกลุ่มประเทศรองๆ ต้องใช้เวลาพอควรเนื่องจากเศรษฐกิจผุกกันหลายชั้น แต่สุดท้ายจะมีวันใดวันหนึ่งไม่น่าเกิน 3ปี
ข่าวในโลกเศรษฐกิจจากสื่อกลางๆ ที่ไม่ใช่ตะวันตกจ๋าๆ จะเริ่มทยอยส่งสัญาณชัดเจน ภูมิคุ้มกันของการเงินสหรัฐเริ่มลดลง ไม่สิต้องเรียกว่าน้ำลดตอผุดมากกว่าว่าการเงินสหรัฐมีแต่เปลือก การใช้สื่อตยเองในการสร้างกระแสให้พยายามอุ้ม Dollar หรือ ยูโร ก็จะเป็นการยื้อๆๆๆ แต่สุดท้าย เชืาอสิ ถ้าสหรัฐไม่ก่อสงครามล้างหนี้ รับรองตัวเองจะถูกเงินเฟ้อและเงินที่ล้นระบบมหาศาลทำลายตัวเอง
1
Fed ก็มีแรงมีกลไกรับมืออยู่ และยังมีเวลา แต่งานนี้มีแต่ต้องฆ่า ศกตัวเองครั้งหนึ่งก่อนถึงจะไปต่อได้โดยไม่เจ็บตัวมาก ครั้งนี้ทันจะเป็นงานหนักมากๆ แต่หากไม่ล้มกระดานตนเองในช่วงเริ่มต้น และยังพยายามหา soft landing มันก็จะเป็ยการแค่ยื้อเวลาไปสู่อะไรที่มันเละกว่าเดิม และเป็นการเพิ่มความเสี่ยงจะล่มสลายมากที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์ดอลลาร์เคยเผชิญ ก็ต้องดูว่าจะเลือกเสียน้อยเสียยากหรือเสียมากเสียง่าย
2
สูตรดอลลาร์ index คือเครื่องมือของ โลกตะวันตกในการกำหนดเทรนด์ต่างๆ ก็ทุกอย่างอยู่ที่อิทธิพลของสหรัฐกับโลกตะวันตก ถ้าสูตรนี้ยังใช้อยู่แปลว่าแรงยังมีอยู่ แต่หาก Bric ขึ้นมาท้าทายเต็มตัว สูตรพวกนี้อาจจะถูกเปลี่ยนหรือโดนลดบทบาทไปในภาคการเงินโลก และสุดท้ายดอลลาร์ก็อาจจะถูกให้ลดบทบาทลงกลายเป็นค่าเงินปกติค่าเงินที่ต้องถูกเทียบกับทองคำ
และที่สำคัญ ตอนที่ดอลลาร์กำลังจะถูกลดบทบาทการใช้กำลังเฮือกสุดท้ายหรือไม่ก็ 2-3 เฮือกสุดท้าย จะเห็นทางตะวันตกพยายามดิ้นรนที่จะสร้างให้ค่าดอลลาร์มีความสำคัญต่อไป ตอนนั้นสารพัดข่วการเงินลวงๆจากทาง Moody หรือ jP Morgan ก็จะออกบทวิเคราะห์เพี้ยนๆ มาเพื่อประคองเงินของพวกเค้า
คุณจะเห็นได้เลยว่า เงินเฟ้อของโลก มีปัจจัยสุ่มเสี่ยงมากมาย ทั้งตัว QEที่พวกกองทุน หันมาเก็งกำไรจนกระทั่งเงินเฟ้อขึ้นสูง
ถ้าหยวนดิจิตอลออกมา official ปลายปี 68-70 ก็แปลว่าคนซื้อขายกับจีนในโซนเอเชียจะใช้หยวนแทนดอลล์ ฝรั่งตะวันตกอาจจะไม่ยอมทันที แต่ดอลล์ที่ล้นอยู่แล้วจาก fed จะล้นเข้าไปอีก ปกติถ้าทำ qe tappering ผ่านการขึ้นดอกให้คนทยอยคืน ดอกอาจจะขึ้นฉับพลันเพื่อให้พวก Leverage เอามาคืนด่วน ขึ้นอยู่กับจำนวนที่ดอลล์ล้น วิธีแก้อาจทันการ แต่...โอกาศน้อย.. ส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยทันการ
สำหรับเงินดอลล์ ภายใน 2-3 ปีนี้ก็จะเจอความท้าทายหลายๆอย่าง ที่จู่ๆ แข็งค่าจากการทิ้งสินทรัพย์ทุกอย่าง ทำให้แข็งค่าอยู่ช่วงสั้นๆ แล้วกลับมา อ่อนค่าภายในเดือนสองเดือน หากหลังจากที่ซาอุยอมรับหยวนแทนดอลลาร์จากการซื้อขายโดยตรงจากจีน ค่าเงินดอลลาร์อาจจะกระทบแค่บางส่วน ซึ่งแม้จะเป็นสัญญาณไม่ดีต่อดอลลาร์แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดฉับพลัน
คุยกันเรื่องใกล้ๆที่จะเกิดขึ้นไปในปี 65 นี้ดีกว่า ถ้า fed คิดว่าเก็บทันผ่านการขึ้นดอกและตลาดคิดเหมือนกันก็ดีไป แต่ถ้าดันเก็บคืนผ่านการทำ reverse repo ออกพันธบัตรดึงเงินออกให้หมด เพื่อเก็บดอลที่ล้นอันนี้ตลาดอาจเริ่มเสียงแตก เพราะมันอาจฉุกลหุกกว่าตลาดคิด การดึงคืนทันตามตลาดคิดมันก็อาจแค่เป็นข่าวและดอลล์จะถูกดึงกลับ
2
ช่วงกลางปีหันมาดูอัตรา repo rate ก็ดีนะ มันเป็นดัชนีวัดความไว้วางใจระหว่างธนาคารด้วยกันถ้ามันสูงกว่า 1.5 เปอร์เซ็นต์นั่นก็แปลว่าธนาคารมีการไม่ไว้วางใจกันและอาจจะเกิดความเสี่ยงของการล้มละลายของธนาคารบางแห่งได้
ธนาคารที่เสียจะล้มละลายแห่งแรกๆก็คือ ธนาคารในสหรัฐและยุโรปนี้แหละเพราะถ้าเกิดสหรัฐกับ EU บ้าจี้ ทำการแฟชั่นพลังงานของรัสเซียและก็ราคามันจะขึ้นแบบน่าเกลียดและเป็นการทำร้ายตัวเองย้อนหลังทุกเรื่อง
กลุ่มธนาคารกลุ่มแรกๆที่จะโดนคือพวกที่ออกไปลงทุนกับสินทรัพย์เสี่ยงแล้วสุดท้ายไม่ได้คืน ตามด้วยลูกค้าของธนาคารซึ่งกลุ่มแรกๆที่จะเจ๊งก็คือกลุ่มที่เกี่ยวพันกับพลังงานที่ราคาสูง กลุ่มแรกๆที่จะโดนก็คือพวกโรงงานปุ๋ยโรงงานเหล็กโรงงานพวก material ต่างๆต้นน้ำ ที่จู่ๆต้นทุนสูงขึ้นแต่ขายไม่ออก โรงงานที่โครงสร้างไม่แข็งแรงก็น่าจะล้มในช่วงนี้แหละ ส่วนโรงงานที่แข็งแรงก็ยังคงอยู่ได้เพราะว่าลูกค้าของกลุ่มโรงงานที่ไม่แข็งแรงก็จะหันไปซื้อจาก supplier ที่มีน้อยลง
2
ธนาคารที่มีลูกค้าในกลุ่มพวกนี้โดยเฉพาะในยุโรป และธนาคารที่เกี่ยวกับพวกสตาร์ทอัพที่ยังไม่แข็งแรงและยังไม่ได้คืนทุนพวกนี้ก็จะโดนกระทำจนอาจจะถึงขั้นล้มเป็นกลุ่มแรกๆ
3
มันก็จะอยู่ที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศว่าทำ stress Test เข้มข้นขนาดไหนรองรับเรื่องแปลกๆมากขนาดไหน ช่วงนี้จะเป็นการคัด บริษัทไหนแข็งแรงก็จะรอด แต่สุดท้ายกลุ่มพวกนี้ก็จะสะท้อนผลประกอบการไปยังธนาคารอยู่ดี ไม่ได้คืนไม่ครบ แล้วถูกซ้ำการกระทำด้วยดอกเบี้ยขาขึ้น
1
ดอกเบี้ยขาขึ้นหมายความว่าผู้ประกอบการก็จะต้องกู้ด้วยดอกเบี้ยที่แพงขึ้นในสถานการณ์ปกติดอกเบี้ยขาขึ้นจะมาพร้อมกับเศรษฐกิจที่ดีขึ้นแต่ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นแล้วดอกเบี้ยขึ้นนั่นหมายความว่าเป็นการซ้ำเติมให้ลูกค้าของธนาคารจะเจ๊งมากขึ้น ไม่พอต้นทุนของธนาคารยังต้องชำระดอกเบี้ยให้กับลูกค้าในอัตราที่สูงขึ้นช่วงนี้จะเป็นช่วงวิบากของธนาคารอย่างแรง
2
เพราะสุดท้ายต้นน้ำอย่างพวกโรงงานปุ๋ยโรงงานพลังงานถ้าเกิดเจ๊งขึ้นมาแล้วก็ต้นทุนทั้งอาหารและ community ส่วนอื่นมันก็ต้องแพงขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้สุดท้ายมันก็จะเข้าไปที่ภาคอาหาร ภาคกิจกรรมส่วนอื่นแล้วมันก็จะลามไปเป็นตัวมิโนให้กับกิจการเกือบทุกกิจการเกิดปัญหาและสุดท้ายก็จะสะท้อนไปที่ธนาคารอยู่ดี หากลูกค้ารอดธนาคารก็จะรอดหากลูกค้าไม่รอดธนาคารก็มีความเสี่ยงเจ๊งมากขึ้นแน่ๆ
แต่เรื่องพวกนี้ตลาดหุ้นมักไม่ค่อยพูดถึงหรือไม่รู้เรื่อง แต่เจ้ามือจะรู้เรื่องและพยายามใส่ข่าวดีในช่วงนี้ว่าไม่มีปัญหาอะไรเพื่อให้รายย่อยมารับต่อ
ตลาดหุ้นแมัอาจจะตกแรงหรือไม่แรงขึ้นอยู่กับความเชื่อของตลาดกับจำนวนของเฟดที่ดึงกลับว่าตรงกันหรือไม่..เพราะเรื่องแบบนี้ถึงรู้ก็ panic อยู่ดีตามวิสัยตลาดทุนแค่มีข่าวดอลล์ล้นก่อนถูกเรียกกลับ ค่าดอลล์จะอ่อน
1
แต่เนื่องจากทุกฝ่ายไม่รู้ตัวเลขแน่นอนว่าดอลล์ที่ถูกดึงกลับเป็นจำนวนเหมาะสมหรือไม่ ช่วงนั้นคนก็จะทิ้งไว้ก่อน การคืนพันธบัตรระยะยาวก็จำเป็นถูกเทคืนอย่างฉับพลันของคนลงทุน ดอกเบี้ยระยะสั้นก็จะขึ้นและตลาดหุ้นจะปรับฐานเละสักพักจนภาพชัด
และถ้าซวยนิดหน่อย domino effect จะเข้าไปส่วนอื่นๆด้วยเพราะเป็นปกติของสายกองทุนทุกประเทศที่จะขายทิ้งสิ่งที่มีความไม่แน่นอน ดอลล์จะล้นแบบไร้สาระสักพัก อาจจะเกือบสองเดือนกว่าจะลงตัว ช่วงนั้นก็ไม่แน่ใจจะเปลี่ยนดอลล์เป็นอะไร เพราะทุกอย่างคงผันผวนพักใหญ่ๆ
แต่ถ้า fed ชิวๆ และดันถอนดอลล์ออกจากตลาดไม่ทัน ปล่อยให้วงเงินที่ล้น แบงค์ก็จะเสนอวงเงินให้พวกกองเอาไป Leverage ต่อ ถ้าเป็นแบบนี้เละ อันนี้น่าจะเละกว่า เพราะ behind the curve มันจะเละก่อนค่อยซ่อมและซ่อมยากว่า.. พวก commodityเทียบดอลล์อาจจะไปดาวอังคารเลยก็ได้ แต่มันจะเป็นการซ้ำเติมดอลลาร์และทำให้คนหนีออกมากขึ้น
4
เกิดขึ้นจริงคงอุตลุดน่าดู พร้อมกับของแพงทั่วโลกที่ยังเทียบราคากับดอลล์ ความเป็นไปได้ที่หลายประเทศจะเริ่มหาเสถียรภาพของค่าเงินกลางที่จะไปอิงลงยูโรหรือหยวนมากขึ้น หากซื้อขายกับจีนจะกลายเป็นว่าซื้อหยวนถูกกว่าและผันผวนน้อยกว่า สุดท้ายการขึ้นดอกเบี้ยในสหรัฐจะจำเป็นที่ต้องแรงกว่าแผนที่วางไว้มากและ rebalance จำเป็นต้องเกิดขึ้นในปีนี้
เนื่องจากยังมี พาวเวลล์ เป็นประธาน Fed อยู่อาจเละกว่าเดิม เพราะเหมือนจะมีนโยบายตามเช็ดก้นอย่างเดียว ที่ผ่านมาคำนวนผิดตลอด อัดเงินเกินมา 3ล้านๆ แถมเรียกเก็บช้า ขึ้นดอกช้า ทำงาน behind the curveมาตลอดสองปี คิดว่ายังคงชิวๆ และมองทุกอย่างเป็นการเกิดขึ้นชั่วคราว
1
ทุกๆอย่างตอนนี้อยู่ที่ พาวเลล์ ถ้าจัดการดี ตลาดอาจจะแค่แลนด์ไลด์ แต่ก็อ่วมแต่อยู่ในขอบเขต ถ้าไม่ดีก็เป็น kILLING FIELD คือเละไปเลย ดอกเบี้ยถ้าขึ้นๆๆๆ แบงค์ในประเทศอาจจะตาย เพราะต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่ม แต่คนกู้เพิ่มดันไม่มี เผลอๆ มีทิ้งของคืนแบงค์ คราวนี้แหระกระดูกสันหลังการเงินจะมีปัญหา และสัญญานพังจะมา หากFED หรือคลังสหรัฐคุมไม่อยู่ ซึ่งดูแล้วพาวเวลล์คนนี้ จะออกแนวโน้มเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย คือไม่เด็ดขาดเลย
มาดูกันว่าภายในปีนี้ เรื่องดอลเรื่องหยวนอาจไฟท์กันสักพัก ถ้าซวยอาจจะใกล้ขนาดกลางปีด้วยซ้ำ มีเรื่องน่าสนใจ ต้องดูใกล้ชิดๆ ทั้งหุ้น coin พันธบัตร แต่ที่แน่ๆ bitcoin ลงจาก 60,000 US/ bitcoin แน่ๆแต่จะลงไปถึง 10,000 หรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ
2
รวมถึงอาจมีพวกประเทศอ่อนแอที่กู้ดอลล์จาก imf ที่ถ้าดอกขึ้นฉับพลัน อาจกำลังต้องระวังอย่างสูงแน่ๆ อะไรที่เทียบดอลล์อาจจะพุ่งชั่วคราว และ fed ตอบโต้ด้วยขึ้นดอกเบี้ยเร็วแรง หรือดึงเงินด่วนคืน ศก ในสหรัฐเองโดยเฉพาะอสังหาใน us มีหวังเละตุ้มเป๊ะ เพราะเติบโตสูงมากๆช่วงcovid เพราะดอกถูกมาก คราวนี้ ถ้ามันก็จะลงแรง สุดๆ จะผันผวนสุดๆ
ช่วงนี้ถ้าเกิดขึ้นจริงก็ต้องดูการสวิงและการทำงานของ fed ให้แม่นๆ ถ้าดีรอดตัวจะเห็นการปรับฐานครั้งใหญ่ทั้ง dj และค่าเงินดอลล์เทคนิคที่ Fed อาจใช้คือขอร้องแกมบังคับให้ธนาคารกลางของแต่ละประเทศที่เป็นพันธมิตรช่วยสำรองดอลลาร์มากขึ้น เพื่อดูดซับดอลล์อกจากตลาด เพื่อช่วยเพิ่มเวลาให้ Fed ในการดูดเงินกลับแบบปลอดภัย...
2
แต่เรื่องนี้จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่ายขึ้นอยู่กับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นว่าแรงแค่ไหนเดูแล้วเอาอยู่หรือไม่ เพราะธนาคารกลางของแต่ละชาติต้องดูผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก เรื่องพวกนี้ถ้ามันเป็นไปตามธรรมชาติก็อาจเอาอยู่ แต่ถ้าเกิดจากการจงใจของหยวนจะทุบดอลล์ คิดว่าเอาไม่อยู่ เพราะพันธมิตรของหยวนก็จะเทดอลล์ออกมามากขึ้นอยู่ดี เพื่อทำสงครามค่าเงิน
แต่ไม่นานหลังเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น สิ่งที่อาจจะได้เห็นcommodity เทียบค่ายูโรหรือหยวนในการเทรดแทนขึ้นอยู่กับอิทธิพลของดอลล์มันที่ถ้าคนไม่ใช้เทรดกับจีนและพลังงานกับซาอุ รัสเซีย มันก็จะไม่แข็งเหมือนเดิม แต่เรื่องแบบนี้ถ้ากระแสการจุดประเด็นจากกลุ่ม Bric ไม่จุดขึ้นมา เรื่องพวกนี้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น เพราะเรื่องพวกนี้จำเป็นต้องมีกระแสระดับโลกของการ collapse ในฝั่งตะวันตกมาช่วยจุด เพราะเงินทุนจัต้องหาที่พักเงินเพื่อหลบลมร้อนๆ
2
มันดูน่าสนุก เพราะน่าจะเป็นครั้งแรกของโลกสมัยใหม่ในการประลองค่าเงินกันกับสกุลเงินใหญ่ขนาดนี้ เพราะทั้งสองฝ่ายคงไม่ยอมกันสักพัก.. แต่สุดท้ายก็จะจบด้วยเขต ศก ฝั่งใครใหญ่กว่าคนพึ่งพามากกว่า ถูกกว่า ดีกว่า ก็จะชนะอยู่ดี ..
1
ถ้าไม่มีสงคราม การสู้กันของความเชื่อในเรื่องค่าเงินคงผันผวนอยู่หลายปี เพราะไม่ว่าประเทศคู่ค้าของแต่ละโซนจะใช้ค่าเงินไหนก็จะถูกอีกฝ่ายไล่บีบกลับให้ใช้ของตนอยู่ดี สักวันก็ต้องมีค่ากลางหลักค่าเดียวอยู่ดี
ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมไม้ตายของจีนที่มีพันธบัตรของสหรัฐ 1ล้านๆดอลล์ในมือ ที่จะทิ้งมาเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าทิ้งมาก็เละตุ้มเป๊ะ และไม่คิดว่าจีนจะทิ้งตอนมันลดค่าจากล้นระบบเป็นเศษกระดาษ... ถ้าจะทิ้งถูกจังหวะเพื่อทำลายอีกฝ่ายก็ต้องทิ้งตอนที่มันมีมูลค่า.... ดอลลาร์.... จะรบเพื่อล้างหนี้เหมือนเมื่อก่อน??? อาจจะไม่ง่ายเหมือนเดิม เพราะเจ้าหนี้ยิงคืนได้ทันที ไม่รอโดนตบ
3
สมมติฐานมีมากมาย ตั้งแต่เละๆแย่ๆ ที่สุดเหมือน นิสัยชอบทำบ่อยคือเเกิดสงครามล้างหนี้ แย่น้อยหน่อยดอลล์จะถูกบีบให้พิมพ์เมื่อมีทองมาค้ำ ไม่ใช่ซี้ซั้วพิมพ์ แต่ถ้าUS บีบซาอุกับคู่ค้าจีนให้ใช้ดอลล์ต่อได้ ก็อาจดึงเวลาไปตั้งหลักและลดความเสียหายได้บ้าง....แต่.. ก็ไม่นานอยู่ดี ยังไงก็ 1-3ปีนี้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนทิศอยู่ดี
1
Nato กับ US เลือกลงมือ และดอลลาร์ก้กำลังจะมีผู้ท้าทาย ถ้าทุบรัสเซียไม่ลงละก็บทบาทในเวทีโลกอาจจะกลับด้านเลยก็ได้ เดิมพันสูง จะสู้กับสหรัฐ กับพันธมิตรยุโรป ไม่ใช่ทำลายสหรัฐแต่ต้องทำลายดอลลาร์
โฆษณา