22 มี.ค. 2022 เวลา 13:16 • ไลฟ์สไตล์
10 ความจริงในชีวิตที่รู้เลยตอนนี้ดีกว่ามา "รู้งี้" ทีหลัง
5
“หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีความจริงไม่ได้”
ประโยคที่เรียบง่ายและดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่กลับแฝงไปด้วยความหมายอันลึกซึ้งที่สะท้อนถึงความจริงของชีวิตได้ดีทีเดียว รู้สึกกันไหมว่ายิ่งโตขึ้นชีวิตยิ่งยากและซับซ้อนขึ้นไปเรื่อยๆ มิหนำซ้ำ ความจริงบางอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อนก็ปรากฏขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวและยากที่จะรับมือ หรือบางเรื่องที่รู้อยู่แล้วแต่พยายามเลี่ยงและหนีมาตลอดก็หนีไม่พ้นอยู่ดี สักวันหนึ่งก็ต้องเผชิญหน้าในที่สุด
2
ในเมื่อหนีไปก็ไม่ได้อะไร ลองมาเปลี่ยนเป็นยอมรับความจริงเหล่านั้นและนำมาเป็นบทเรียนชีวิตกันดูไหม? เพราะเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ แต่เราสามารถนำข้อผิดพลาดและบทเรียนในอดีตมาเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตให้กับตัวเองและคนอื่นในปัจจุบันและอนาคตได้ เช่นเดียวกับ Chris Wojcik ผู้เขียนบทความ “10 Life Lessons I Didn’t Want to Learn” ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ 10 บทเรียนชีวิตจากความจริงอันโหดร้ายที่เขาพบเจอกับตัวเอง มาดูกันว่าทั้ง 10 บทเรียนจะมีเรื่องอะไรบ้าง
3
บทเรียนที่ 1: ความสามารถอย่างเดียวอาจไม่พอ
เมื่อทำงานไปสักระยะหนึ่งจะพบว่าการที่จะประสบความสำเร็จและก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้นั้น เป็นคน “เก่ง” อย่างเดียวอาจไม่พอ แต่จำเป็นต้องมี “บุคลิกภาพ” ที่ดีด้วย เพราะคนส่วนใหญ่มักจะตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งไม่ว่าเราจะทำงานดีและมีประสิทธิภาพมากแค่ไหนก็ตาม แต่หากมีบุคลิกภาพที่คนส่วนใหญ่ “ไม่ถูกใจ” และตัดสินไปแล้วว่า “ไม่ดี” ก็จะทำให้ความสามารถต่างๆ ถูกมองข้ามไปทันที
10
อย่างไรก็ตาม หากสิ่งที่เราทำนั้นไม่ผิดกฎหรือกาลเทศะก็จงทำต่อไป เพราะชีวิตนี้เป็นของเรา เพียงแต่ต้องยอมรับให้ได้ว่าเราไม่สามารถห้ามความคิดคนอื่นได้ และโลกใบนี้ไม่มีใครชอบหรือเห็นด้วยกับเราแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
5
บทเรียนที่ 2: อยากประสบความสำเร็จต้องขยันกว่าคนอื่นหลายเท่า
ความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยบังเอิญและไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย แต่ความสำเร็จนั้นเกิดจากความพยายาม ความมุ่งมั่น ความมีวินัย รวมถึงการยอมแลกบางสิ่งและทิ้งบางอย่างไป เพราะทุกทางที่เลือกต่างมีราคาที่ต้องจ่าย หากเรามีฝันและเป้าหมายที่ใหญ่ก็ต้องระลึกไว้เสมอว่าอาจจะไม่สามารถใช้ชีวิตแบบ “Work Hard Play Hard” ได้เหมือนคนทั่วไป เพราะตอนที่เราหยุดพัก คู่แข่งอาจจะกำลังพยายามอย่างเต็มที่อยู่ก็ได้
5
Advertisements
1
บทเรียนที่ 3: งานมักทำลายความสัมพันธ์กับคนรอบตัว
ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งเข้าใจว่า “เวลา” เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของชีวิต เพราะในแต่ละวันเรามักใช้เวลาไปกับการทำงานซะส่วนใหญ่ หรือแม้ไม่ได้ทำงานแต่ในหัวก็ยังคงคิดเรื่องงานไม่หยุดอยู่ดี และยิ่งเราปล่อยให้งานกัดกินชีวิตและเวลาส่วนตัวมากเกินไป ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์กับครอบครัว คนรัก เพื่อน หรือคนรอบข้างนั้นค่อยๆ โดนทำลายไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกัน พูดคุย หรือปรับความเข้าใจกัน
5
บทเรียนที่ 4: คนส่วนใหญ่รู้ข้อบกพร่องของตัวเอง แต่เลือกที่จะไม่แก้ไข
คนส่วนใหญ่รู้จุดอ่อนและข้อบกพร่องของตัวเอง แต่เลือกที่จะไม่เปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขให้ดีขึ้น แต่กลับเลือกที่จะหา “ข้ออ้าง” หรือ “ข้อแก้ตัว” ให้ตัวเองอยู่ตลอด เพื่อที่จะไม่ทำและไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองสักที ทั้งๆ ที่สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ เช่น รู้ว่าการพัฒนาทักษะใหม่ๆ เป็นสิ่งจำเป็นต่อการทำงานในยุคนี้แต่ก็เลือกที่จะไม่ทำ
4
บทเรียนที่ 5: ความสัมพันธ์ที่น่าตื่นเต้นมีโอกาสเป็นความสัมพันธ์ที่ Toxic
ในช่วงแรกๆ ของความสัมพันธ์ อะไรๆ รอบตัวก็ดูมีความสุขไปหมด ทำให้เรารู้สึกสนุกและตื่นเต้นแทบทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เมื่อใดก็ตามที่ต่างฝ่ายต่างแสดงพฤติกรรมที่บั่นทอนจิตใจใส่กัน รู้สึกอึดอัดแต่ก็ยอมทนและแบกรับความเจ็บปวดอยู่เรื่อยมา จนทำให้บรรยากาศรอบตัวของทั้งคู่เต็มไปด้วยความหดหู่ กระทบสุขภาพกายและใจ รวมถึงสิ่งเล็กๆ ที่เป็นความสุขในชีวิตค่อยๆ น้อยลงเรื่อยๆ ความสัมพันธ์แบบนี้มักมีโอกาสเป็นความสัมพันธ์แบบ Toxic Relationship
9
บทเรียนที่ 6: มิตรภาพที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องวิ่งตาม
ไม่ว่าเราจะมีความสุข ทุกข์ใจ หรือเผชิญกับปัญหาชีวิตอยู่ก็ตาม คนที่เป็น “เพื่อนแท้” มักจะคอยอยู่เคียงข้างเสมอ จะไม่ปล่อยให้เราต้องโดดเดี่ยวหรือแก้ปัญหาตามลำพัง แต่จะคอยช่วยเหลือ สนับสนุน และให้กำลังใจทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข เพราะเพื่อนแท้ คือ คนที่พร้อมเคียงบ่าเคียงไหล่ คนที่มักอยู่ด้วยในช่วงเวลาที่แย่ คนที่ให้ความรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องวิ่งตาม แม้ว่าใครๆ ต่างก็พูดกันว่ายิ่งโตขึ้นเพื่อนยิ่งน้อยลง แต่ปริมาณไม่สำคัญเท่ากับคุณภาพ หากใครมีมิตรภาพดีๆ แบบนี้ก็ควรรักษาไว้
8
Advertisements
บทเรียนที่ 7: เวลาที่ดีที่สุดในการลงมือทำคือ “วันนี้”
ชีวิตคนเราเต็มไปด้วยความฝันและความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อวานอยากทำตามความฝัน วันนี้อยากลองทำสิ่งใหม่ๆ พรุ่งนี้อยากทำสิ่งที่เคยทำพลาดให้สำเร็จอีกครั้ง เราอยากทำหลายอย่างเต็มไปหมด แต่ก็ไม่ได้เริ่มลงมือทำจริงๆ สักที เรากำลังรออะไรอยู่… เวลาที่เหมาะสม? ผู้ร่วมทาง? หรือรอไปอย่างไร้จุดหมาย?
.
แล้วเราต้องรอไปจนถึงเมื่อไรถึงจะได้ทำตามฝันและทำสิ่งที่อยากทำ มิหนำซ้ำ ยิ่งปล่อยให้วันเวลาผ่านไปนานเท่าไร ยิ่งทำให้การเริ่มต้นยากขึ้นไปเรื่อยๆ และยังทำให้โอกาสดีๆ หลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย อย่ามัวแต่รีรอหรือกล้าๆ กลัวๆ หากอยากทำอะไรก็ทำเลย และทำให้เต็มที่สุดความสามารถ เพราะไม่มีเวลาไหนดีที่สุดเท่า “ตอนนี้” แล้ว
7
บทเรียนที่ 8: หากอยากประสบความสำเร็จต้องยอมโดนคนอื่นตัดสิน
ไม่มีใครรู้ว่าต้องลงทุนลงแรงขนาดไหนกว่าจะได้มา
ไม่มีใครรู้ว่าต้องใช้ความกล้ามากแค่ไหนในแต่ละครั้ง
ไม่มีใครรู้ว่าช่วงเวลาที่ยากลำบากมันทรมานแค่ไหน
ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เราทำอยู่ได้ดีเท่ากับ “ตัวเรา”
5
หากเราอยากประสบความสำเร็จหรือพิชิตเป้าหมายให้ได้นั้น ไม่ใช่แค่ความพยายามหรือความสามารถเท่านั้นที่สำคัญ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการเตรียมตัวเตรียมใจรับความเสี่ยง อุปสรรค และคำตัดสินจากคนอื่น ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็นข้อผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรือความสงสัยของคนอื่นเกี่ยวกับสิ่งที่ทำอยู่ ทำให้เราอาจต้องยอมเป็นผู้แพ้ คนที่แตกต่าง หรือคนงี่เง่าในสายตาคนอื่นบ้าง
2
บทเรียนที่ 9: ความผิดปกติทางจิตไม่ช่วยให้งานดีขึ้น
คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มักจะ romanticize ความเครียดหรืออาการทางจิตว่าเป็นเรื่องปกติที่ช่วยให้การทำงานพัฒนาดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นความคิดและความเชื่อที่น่ากังวลอย่างมาก หากปล่อยให้ความเครียด ความกดดัน และความผิดปกติทางจิตใจค่อยๆ ครอบงำชีวิตไปเรื่อยๆ มีแต่จะทำให้หน้าที่การงานและสุขภาพของเราแย่ไปตามๆ กัน ดังนั้น หากมีเครียด วิตกกังวล หรือมีอาการทางจิตที่กระทบต่อชีวิตประจำวันมากๆ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการรักษาให้เร็วที่สุดก่อนที่อะไรๆ จะสายไป
4
บทเรียนที่ 10: Comfort Zone ช่วยเยียวยาจิตใจ แต่ก็ฉุดรั้งชีวิตจากความสำเร็จ
ทุกคนต่างมี Comfort Zone ซึ่งเป็นเสมือนพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง ที่ช่วยปกป้องและเยียวยาจิตใจเราจากโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยความเครียด ความกดดัน และความวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม การอยู่กับสิ่งเดิมๆ มัวแต่กลัวหรือเลี่ยงไปเรื่อยๆ ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ยิ่งมีแต่ทำให้เราพลาดโอกาสดีๆ ในชีวิตนับไม่ถ้วน ลองเรียนรู้ เปิดใจ และเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ กันดีกว่า แล้วจะพบว่าการออกจาก Comfort Zone ก็ไม่ได้น่ากลัวและไม่ได้แย่อย่างที่คิด
3
ถึงแม้ว่าความจริงในชีวิตอาจโดนมองว่าเป็นเรื่องที่โหดร้ายจนไม่อยากจะยอมรับ แต่ว่าความจริงแล้ว หากเรามองให้ดีและทำความเข้าใจก็จะพบว่าความจริงเหล่านั้นไม่ได้ร้ายแรงหรือสร้างความทุกข์ทรมานต่อใจอย่างที่คิด หากเรารู้และเข้าใจตั้งแต่ตอนนี้ก็สามารถเตรียมรับมือและปรับตัวได้ทัน เพื่อพัฒนาชีวิตให้ดีกว่าเดิมและจะได้ไม่ต้องมานึกเสียดายทีหลังว่า “น่าจะรู้แบบนี้ตั้งนานแล้ว”
4
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ:
6 เรื่องเกี่ยวกับชีวิตที่ “น่าจะรู้แบบนี้ตั้งนานแล้ว”: https://bit.ly/3Ifkpud
ยิ่งรู้เร็วยิ่งดี! 10 บทเรียนที่น่าจะรู้ตั้งแต่ 10 ปีก่อนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า: https://bit.ly/3KULzYV
อ้างอิง:
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#inspiration
โฆษณา