23 มี.ค. 2022 เวลา 14:25 • การเมือง
ก่อนตอบคำถามนี้ ต้องมาดูความหมายของคำว่าชนะของแต่ละฝ่าย เพราะถ้าจะดูที่ผลของสงครามว่าฝ่ายใดตายมากกว่า ฝ่ายไหนทหารเสียชีวิตมากกว่า จำนวนการเสียเครื่องบิน รถถัง รถหุ้มเกราะ สนามบิน ค่ายทหาร อาคารบ้านเรือนจำนวนประชาชนตายฝ่ายไหนมากกว่า หรือจำนวนพื้นที่ที่รุกคืบหน้ายึดได้ใครยึดครองพื้นที่ฝ่ายข้าศึกได้มากกวาา ถ้าว่ากันตามนี้ปูตินรัสเซียชนะยูเครนชัดเจน
แต่ถ้าชัยชนะของสงครามหมายถึงการประสบความสำเร็จหรือบรรลุภาระกิจตามเป้าหมายของสงคราม เราต้องมาพิจารณาดูวัตถุประสงค์ของสงครามแต่ละฝ่ายคืออะไร
เริ่มจากรัสเซีย
1. จริง ๆ แล้วจากสายตาที่เฝ้ามองจากทั่วโลกไม่มีผู้นำชาติไหนหรือผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกคนใดแน่ใจจริง ๆ ว่าปูตินหรือเรียกให้ชัดขึ้นอีกนิดว่าปูตินรัสเซีย(รัสเซียเองมีคนคัดค้านสงครามครั้งนี้เยอะมากเหมือนกัน)ต้องการอะไรกันแน่ หรือคิดแผน 1-2-3-4..ไว้อย่างไร เขาคิดกันหลายชั้นแน่ ๆ
2. ข้อเสนอเหมือนเป็นคำขาดเมื่อตอนที่ปูตินเคลื่อนกำลังทหารมาล้อมยูเครนไว้ทั้งสามด้านแล้วประเทศทางตะวันตกเตือนว่าอย่าบุกยูเครน ปูตินยื่นข้อเสนอให้รับรองความปลอดภัยของรัสเซียเรื่องการขยายตัวของนาโต้โดยให้นาโต้ลดขนาดลงไปเท่าเดิมก่อนที่รัฐบริวารเดิมของสหภาพโซเวียตเข้าร่วมนาโต้ และให้ถอนกำลังของนาโต้ออกจากยุโรปตะวันออก(ทางนาโต้คาดว่านี่คือ pretext ก่อนบุกจริงแต่ไม่มีใครแน่ใจจริง ๆ)
1
3. ทางนาโต้รู้ว่านี่เป็นแค่ข้ออ้างก่อนการทำสงคราม มันเป็นข้อเสนอที่เป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิบัติตามเพราะการเข้าเป็นสมาชิกนาโต้เป็นไปตามความสมัครใจของผู้ขอเข้าร่วม ผู้ที่ขอเข้าร่วมภายหลังล้วนแต่สมัครเข้ามาเพราะกลัวการรุกรานจากรัสเซียทั้งนั้น จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมการส่งกองทัพเข้าไปรุกรานประเทศอื่นในยุโรปทั้งสิ้น เช่นรัสเซียบุกเข้าไปในจอร์เจีย ส่วนการคุกคามทางทหารนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะกล้าส่งกองทัพเข้าไปในดินแดนรัสเซีย รัสเซียเองมีอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก ส่วนอาวุธธรรมดาทั่วไปบวกกำลังทหารถือว่าเข้มแข็งที่สุดในยุโรป ในอีกทางหนึ่งสมาชิกเก่านาโต้มีความเห็นไม่ตรงกันนักกับการรับสมาชิกใหม่เพิ่มมามากเกินไป
2
4. การขยายตัวของนาโตเพื่อตั้งฐานยิงขีปนาวุธโดยเฉพาะฐานยิงหัวรบนิวเคลียร์ นาโต้รู้ดีว่ามันเป็นแค่โฆษณาชวนเชื่อสำหรับหาเหตุผลที่ชอบธรรมในการทำสงครามในยูเครนกับประชาชนในรัสเซียเท่านั้น
1
ในทางการทหารทุกฝ่ายรู้ว่ามันไม่จริง และไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องทำแบบนั้น เทคโนโลยีสมัยใหม่ขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ของมหาอำนาจทุกประเทศมีพิสัยยิงไกลถึงทุกจุดในโลกโดยไม่ต้องขยับเข้าไปตั้งใกล้ ๆ
1
ส่วนการยิงขีปนาวุธจากระยะใกล้ ๆ ทางนาโต้ที่มีนิวเคลียร์สามประเทศล้วนมีวิธีการอื่นคือเรือดำน้ำนิวเคลียร์ที่สามารถแอบไปยิงในระยะเผาขนตรงชายฝั่งรัสเซียตรงไหนก็ได้ นอกจากนั้นอเมริกาและอังกฤษมีเครื่องบินรบล่องหน(Stealth) ที่สามารถเล็ดลอดเข้าไปทิ้งระเบิดหรือยิงขีปนาวุธเหนือน่านฟ้ารัสเซียได้ อเมริกามีเครื่องบินชนิดนี้หลายรุ่นรวมถึงโดรนล่องหนด้วย ส่วนอังกฤษใช้ F 35 ที่ซื้อจากอเมริกา
5. จึงเหลือวัตถุประสงค์ที่ทุกฝ่ายใช้การคาดเดาเอาจากการศึกษาคำพูด แนวคิดและการเคลื่อนไหวของปูตินมาโดยตลอด ว่าวัตถุประสงค์จริง ๆ น่าจะเป็นดังนี้
- ป้องกันการขยายตัวของนาโต้
- ไม่ให้ยูเครนเข้าร่วมนาโต้
- เปลี่ยนรัฐบาลยูเครนจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ pro รัสเซีย หรือเป็น satelite state ของรัสเซีย
- สร้างความแตกแยกในนาโต้จนถึงขั้นล่มสลายในที่สุด
- กำจัดพวกชาตินิยมยูเครน และปลดอาวุธกองทัพยูเครน
- ยึดดินแดนทั้งหมดหรือบางส่วนในยูเครนเพิ่มโดยเฉพาะให้ได้ส่วนที่เป็น land bridge เชื่อมแผ่นดินทางบกจาก Luhansk, Donesk ริมฝั่งทะเล Azov มาจนถึงไครเมีย
ไม่มีใครรู้ว่าวัตถุประสงค์จริง ๆ รัสเซียต้องการชัยชนะแค่ไหนแต่รัสเซียเป็นฝ่ายเริ่ม สามารถกำหนดเกมได้และหยุดโดยประกาศชัยชนะได้ในทุกกรณี แม้ไม่ได้อะไรเลยตามที่กล่าวมาก็อาจจะบอกว่าเป็นสงครามสั่งสอน จบแล้วถอนทัพกลับ
สรุป ถ้าพิจารณาตามวัตถุประสงค์ทั้งที่รัสเซียประกาศไว้ชัดเจนหรือแสดงเจตนาออกมาตามที่จำแนกมาข้างบนรัสเซียบรรลุวัตถุประสงค์(=ชนะสงคราม)จริงหรือไม่ จะเห็นภาพประมาณนี้
1
** ป้องกันการขยายตัวของนาโต้ และหยุดภัยคุกคามรัสเซีย
ประเด็นนี้ปูตินล้มเหลวสิ้นเชิง นาโต้ที่อ่อนแอแตกแยก มีแนวโน้มมากว่าตุรกีกับฝรั่งเศสจะทิ้งนาโต้ อเมริกาเริ่มถอยห่างไปก่อนแล้วโดยประกาศชัดเจนในยุคของทรัมป์ ส่วนยุคไบเดนก็มีนโยบายชัดเจนที่จะมาให้ความสำคัญกับการคุกคามและขยายตัวของจีนในแถบทะเลจีนใต้ หันมาสนใจปัญหาทางด้านแปซิฟิกมากกว่าและกรณีการทิ้งอาฟกานิสถานให้ตาลีบันคือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าอเมริกามีแนวโน้มจะทิ้งพันธมิตรได้ง่าย ๆ ถ้าไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์สำคัญของอเมริกา
3
หลังจากสงครามเริ่มต้นไม่กี่วันนาโต้กลับมาสามัคคีกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มีแนวโน้มมาก ๆ ว่า สวีเดน ฟินแลนด์ อาจเข้าร่วมในเร็ว ๆ นี้ นอกจากนั้นดุลอำนาจในยุโรปจะเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อเยอรมันประกาศเพิ่มงบพัฒนากองทัพอย่างเต็มที่ สั่งซื้อเครื่องบินรุ่น F 35 ซึ่งเป็นรุ่นที่บรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้แทนที่เครื่องเดิมที่ไม่มีคุณสมบัติล่องหน อย่าลืมว่าเยอรมันมีข้อตกลงให้ใช้หัวรบนิวเคลียร์ของอเมริกาที่เก็บไว้ในเยอรมันอยู่แล้วประมาณ 100 หัวรบได้ในกรณีที่ถูกโจมตีโดยอาวุธนิวเคลียร์จากรัสเซีย อเมริกาแม้ประกาศซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะไม่ส่งทหารมารบในยูเครนแต่ยังส่งอาวุธและเงินจำนวนมากมาช่วยรัฐบาลยูเครน
1
ส่วนประเด็นยูเครนเข้าร่วมนาโต้ของยูเครน อาจจะยังเป็นไปได้ยากแต่นั่นอาจมีปัญหาใหม่เพราะยูเครนเคยประกาศว่าถ้าไม่ได้เข้าร่วมนาโต้ ยูเครนจะติดอาวุธนิวเคลียร์ให้ตนเอง ในกรณีนี้จะเป็นเรื่องปวดหัวสำหรับรัฐบาลต่าง ๆ ทั่วโลกและเป็นปัญหาใหญ่ของรัสเซียไปอีกนานเพราะยูเครนมีความพร้อมทุก ๆ ด้านในการสร้างหัวรบนิวเคลียร์อย่าลืมว่ายูเครนเป็นประเทศที่มีอาวุธพวกนี้จำนวนมากมาก่อน อีกอย่างการสร้างหัวรบนิวเคลียร์แบบลับ ๆ เป็นเรื่องเป็นไปได้ในกรณีที่ไม่ต้องไปหาอะไรจากภายนอกประเทศมากนัก
**ปลดอาวุธ ตั้งรัฐบาลใหม่โดยรัสเซีย
เรื่องนี้แทบไม่มีทางเป็นไปได้ในขณะนี้เพราะหมายถึงรัสเซียต้องมีกำลังทหารมากพอในการคุ้มครองรัฐบาลใหม่ที่ตนเองตั้งไว้ ถอนกำลังส่วนใหญ่ออกไปเมื่อไรรัฐบาลที่ตั้งโดยรัสเซียจะถูกทำลายทันที
รัสเซียปัจจุบันไม่ใข่สหภาพโซเวียต จึงไม่มีพลังทางทหารและเศรษฐกิจที่จะทำแบบนั้นได้
**กำจัดพวกชาตินิยมยูเครน ปลดอาวุธกองทัพยูเครน
ทั้งสองเรื่องเป็นไปในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง มาดู demographic กัน ในยูเครนอาจแบ่งผู้คนตามภาษาวัฒนธรรมต่างกันหลัก ๆ อยู่สามกลุ่มคือพวกที่พูดภาษารัสเซียและนิยามตนเองว่าเป็นคนรัสเซียอยู่แถวทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ พวกพูดภาษาผสม ๆ รัสเซีย-ยูเครน-ภาษาอื่น ๆ ในแถบนั้น พวกนี้อยู่กลาง ๆประเทศ กับกลุ่มที่พูดภาษายูเครน ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตก
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือพวกเขาทั้งหมดรวมตัวกันแน่นแฟ้นมีกระแสซาตินิยมยูเครนขึ้นสูงสุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ที่น่าประหลาดใจสุดโดยเฉพาะสำหรับปูตินคือในเขตภาคใต้ที่ใกล้เขตแดนรัสเซียที่สุด มีคนยูเครนพูดภาษารัสเซียอยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่กลับเป็นสมรภูมิที่ดุเดือดที่สุด แม้ในเมืองที่กองทัพรัสเซียยึดครองได้แล้วในแถบนี้ก็มีประชาชนออกมาประท้วงขับไล่ทหารรัสเซียทุกวัน มันสะท้อนชัดเจนว่าความเป็นไปได้ในการปกครองหลังจากยึดดินแดนยูเครนได้แทบเป็นไปไม่ได้
ส่วนประเด็นปลดอาวุธกองทัพพวกชาตินิยมยูเครนผลก็ยังเป็นแบบตรงกันข้ามเช่นประเด็นอื่น ๆ คือ เครื่องบินรบ รถถัง อาวุธต่อต้านอากาศยาน ฯลฯ ของเดิมที่ล้าสมัยจำนวนมาถูกทำลายไปแต่ได้อาวุธใหม่ที่ทันสมัยกว่าเดิมมาทดแทนเป็นจำนวนมากจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกแม้กระทั่งอาวุธที่ทันสมัยจากประเทศที่เป็นกลางมาตลอดอย่างสวิสและสวีเดน
1
**ยึดครองยูเครนทั้งหมดหรือบางส่วน
สงครามมาถึงตรงนี้เห็นภาพชัดแล้วว่าการจะได้ยูเครนกลับไปรวมดับรัสเซียหมดทั้งประเทศไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ว่าสงครามจะจบลงแบบใดปูตินรัสเซียจะได้เพื่อนบ้านที่เกลียดชังระบบปูตินรัสเซียไปอีกนับศตวรรษ แม้ไม่มีปูตินอยู่อีกต่อไปในอนาคตใกล้ ๆ คนยูเครนที่จะยังคงเห็นร่องรอยทรากปรักหักพังอันเป็นผลจากการทำลายของกองทัพรัสเซียครั้งนี้ มันจะย้ำเตือนทำให้พวกเขาหวาดระแวงไปอีกนาน ยูเครนที่เหลืออยู่จะค่อย ๆ ฟื้นฟูขึ้นมาจากความช่วยเหลือของโลกตะวันตกที่จะอยู่ในโลกคู่ขนานกับปูตินรัสเซียไปอีกนานเท่านาน
คราวนี้มาดูฝ่ายยูเครน แพ้หรือชนะอย่างไร
เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการทำสงครามครั้งนี้มีอยู่เพียงไม่กี่ประเด็นคือ ขับไล่กองทัพรัสเซียออกไป เป็นอิสระพ้นจากอำนาจของรัสเซีย เข้าร่วมประชาคมยุโรป(อียูและนาโต้)
พิจารณาจากประเด็นพวกนี้ พวกเขาจะมีทั้งสิ่งที่ได้และเสียแต่สิ่งที่ได้อาจจะยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดคือพวกเขาจะได้ประเทศยูเครนใหม่ที่ผู้คนตระหนักในความเป็นชนชาติสลาฟอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นอิสระแยกจากผู้ปกครองเดิมคือรัสเซียอย่างชัดเจน แม้จะไม่แน่นักว่าเขาจะยังเหลือดินแดนที่รวมเป็นยูเครนใหม่อีกสักเท่าไร
โอกาสของพวกเขายังดีกว่ารัสเซียของปูตินมากมายนัก แม้สงครามจะจบลงไม่ว่าจะแบบไหนก็ตามยุโรปไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป พวกเขาจะลดการพึ่งพิงด้านทางเศรษฐกิจจากรัสเซียอย่างแน่นอนแม้จะเลิกการแซงชั่น แผนการเลิกใช้พลังงานจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของยุโรปจะถูกเร่งให้เร็วขึ้นแบบสุด ๆ รัสเซียประเทศที่เศรษฐกิจราว ๆ ครึ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับรายได้ของพลังงานจากฟอสซิล ซึ่งสินค้าพวกนี้จะหมดความสำคัญในเวทีโลกอย่างรวดเร็วในอนาคตไม่ไกลจากนี้นัก
มันจะเกิดขึ้นให้เห็นชัดในแค่ 10-20 ปีข้างนี้เท่านั้น ไม่นานเลยจริง ๆ
(ถามเองตอบเอง Mar 23, 2022)
โฆษณา