24 มี.ค. 2022 เวลา 08:12 • ท่องเที่ยว
วัดเขาช่องกระจก จุดชมวิวที่สวยที่สุด @ ประจวบคีรีขันธ์
ภาพจาก internet
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมืองที่แคบที่สุดในสยาม และยาวที่สุดในประเทศไทย .. มีรอยเท้าของผู้คนย่ำผ่านมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วนตั้งแต่ครั้งอดีต และแม้ในปัจจุบันจังหวัดนี้ก็ยังติดชาร์ตความนิยมในลำดับต้นๆของนักท่องเที่ยวที่นิยมการท่องเที่ยวที่อิงภูมิประเทศที่ยังคงมีความเป็นธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่
.. ประจวบคีรีขันธ์ มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกเดินทางไปชมตามจริตและความต้องการหลายแห่ง .. ไม่ว่าจะเป็นภูเขาและหินผาสวยๆ ป่าโกงกาง วิถีชีวิตชาวบ้านซึ่งประกอบอาชีพทำการประมงเป็นส่วนใหญ่ .. และแน่นอนที่สุด เมื่อมาเยือนประจวบคีรีขันธ์ จะต้องมีชื่อของ “เขาช่องกระจก” ติดโผอยู่ด้วยแน่นอน
“เขาช่องกระจก” .. เป็นภูเขาขนาดย่อมๆ ที่เป็นดังสัญลักษณ์ของเมืองประจวบฯ ตั้งอยู่ใน ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ บริเวณอ่าวประจวบฯ มีความสูงประมาณ 245 เมตร
Credit ภาพ : Phongphan Kesa
“เขาช่องกระจก” .. เป็นส่วนหนึ่งของวัดธรรมิการาม บนยอดเขาประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง อีกทั้งยังมีองค์เจดีย์ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
นอกจากการได้ชมวิวบนยอดเขาแล้ว ในบริเวณของวัด จะมียอดเขาที่มีไฮไลท์ อยู่ที่ “ช่องกระจก” ซึ่งเป็นช่องทะลุโปร่งคล้ายกรอบกระจก เป็นมุมยอดฮิตไม่ว่าใครก็ต้องไปถ่ายรูปชมวิวกัน
ทัศนียภาพ มองจากบริเวณที่จอดรถ .. มองเป็นภุเขาและวัดด้านบน รวมถึงป้าย “เมืองสามอ่าว” .. ซึ่งเราตั้งใจจะขึ้นไปชมความงามกัน
ณ บริเวณทางขึ้นไปยังวัดบนเขา .. เมื่อมองขึ้นไป จะเห็นมีบันไดคอนกรีตทอดตัวคดเคี้ยว ยาวเหยียด ไต่ความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ .. ชวนให้ท้อเหมือนกัน สำหรับผู้สูงอายุอย่างพวกเรา
.. แต่ .. พลังศรัทธาที่มีเหลือเฟือ เป็นแรงพลักดันให้เราก้าวสู้แรงโน้มถ่วงของโลกขึ้นไปเรื่อยๆ .. อาจจะช้า แต่มั่นคงค่ะ
ลิงแสม .. แรกๆก็รู้สึกว่าจะต้องระวังตัวมากๆ เพราะเคยมีประสบการณ์ไปเจอลิงที่อื่นๆ ที่เข้ามาประชิดตัวแย่งสิ่งของ แต่ลิงแสมของที่นี่ดูจะไม่ก้าวร้าวมากเท่าที่เราคิด แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นมิตรซะเลยทีเดียวนะคะ ยังไงก็ต้องระมัดระวังอยู่ในที จะดีที่สุด
เราเดินบ้าง หยุดพักบ้างสลับกันไป .. ช่วงที่หยุดพักก็ถือโอกาสเก็บภาพทิวทัศน์สวยๆเอาไว้ในเมมโมรี่ของกล้อง
มีชานชาลาชมวิว สร้างเอาไว้เป็นระยะๆ .. ให้ผ่อนพักความเหนื่อยล้า และได้ส่งสายตาไปชื่นชมความงดงามของหลายๆอ่าวของประจวบฯ และภาพอาคารบ้านเรือนส่วนหนึ่งจากมุมสูง
ทัศนียภาพของวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง .. งดงามน่าประทับใจ
.. หวนคิดถึงคำคมของใครบางคนที่ว่าเอาไว้ว่า .. ในการก้าวเดิน จุดหมายปลายทางอาจจะไม่มีความสำคัญเท่ากับ ประสบการณ์ที่ได้เก็บเกี่ยวระหว่างทางเดิน
“ขึ้นมาอีกนิดเถอะโยม แล้วไปนั่งพักด้านโน้น .. รับลมเย็นๆให้หายเหนื่อย” .. เสียงอ่อนโยนของพระสงฆ์รูปหนึ่งเชื้อเชิญต้อนรับการมาเยือนของพวกเรา
“มีน้ำและเครื่องดื่มเย็นๆในโบสถ์ ไปเลือกมาดื่มดับร้อนได้” .. ท่านให้ข้อมูล
หลังจากการเดินขึ้นบันไดจำนวน 396 ขั้น .. เราก็มาถึงบริเวณด้านบนของภูเขา อันเป็นที่ตั้งของวัดเขาช่องกระจก และคณะของเราโชคดีมากๆ ที่มีหลวงพี่อาสานำชมรอบๆบริเวณวัด
เรานั่งพัก ณ ศาลาด้านขวามือ ใกล้กับพระเจดีย์สีทอง .. สายลมเย็นๆที่พัดเข้ามาด้านนี้ เมื่อกระทบกับใบหน้าคนแรมทาง ได้ช่วยทุเลาความร้อนในร่างกาย และคืนความสดชื่นแจ่มใสให้กับร่างกาย ในขณะที่เราย้อนความจำไปยังเรื่องราวความเป็นมาของวัดแห่งนี้ ซึ่งได้อ่านเป็นข้อมูลมาก่อนเดินทาง ..
“เขาช่องกระจก” .. ตั้งอยู่ใน ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นภูเขาขนาดย่อมๆ สูง 245 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ริมอ่าวประจวบฯ โดยยอดเขามีช่องทะลุโปร่งคล้ายกับกรอบของกระจก ก็เลยเรียกชื่อเขาแห่งนี้ว่า “เขาช่องกระจก”
ยอดเขาแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ “วัดเขาช่องกระจก” หรือชื่อเต็มคือ “วัดธรรมมิการามวรวิหาร” ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดที่สำคัญของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
“รอยพระพุทธบาทจำลอง” .. แรกเริ่มเดิมทีนั้นสร้างโดย หม่อมเจ้าทองเติม ทองแถม ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยญาติพี่น้องเพื่อเป็นที่สักการะของประชาชน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2473
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2496 คณะกรรมการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีพันตำรวจเอก ตระกูลวิเศษศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน ได้พร้อมใจกันมอบถวาย “รอยพระพุทธบาท” และ “ภูเขาช่องกระจก” ตลอดจนบริเวณโดยรอบแก่ “วัดธรรมมิการามวรวิหาร” .. โดย ในปี 2497 พระเทพสุทธิโมลี(หลวงพ่อปิ่น) อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร ได้รับมอบเขาช่องกระจกจากจังหวัดให้อยู่ในความดูและรักษาของวัด
“พระบรมสารีริกธาตุ” .. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงมีราชศรัทธา พระราชทาน ณ วันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2501
เมื่อถึงวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2501 โปรดเกล้าให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพร้อมกับพระเจดีย์อันล้ำค่า ที่ทรงสร้างขึ้นจากกรุงเทพฯ มาพักไว้ ณ พระราชวังไกลกังวล หัวหิน
.. รุ่งขึ้นวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2501 ล้นเกล้าทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาถึงมณฑลพิธี เวลา 7.30 น. พระราชทานพระสารีริกธาตุแก่เจ้าอาวาส
.. แล้วเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปยังพระเจดีย์บนยอดเขาและทรงประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุบนบุษบกในพระเจดีย์ ต่อจากนั้นทรงปลูกต้นศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นหน่อของต้นพระศรีมหาโพธิ์เดิมจากพุทธคยา ที่ฐานพระโพธิ์บนยอดเขาเป็นอันเสร็จพระราชพิธี .. ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นล้นพ้น
เมื่อพักกายให้สดชื่นดีแล้ว .. เราจะพาชมบริเวณวัดกันค่ะ
รูปปั้นกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ .. ตั้งอยู่ในศาลาที่เราไปนั่งพัก และอยู่ทางด้านซ้ายของพระเจดีย์
วิวทะเลและเมืองประจวบฯ ในมุมที่งดงามมาก .. มองไปเห็นสะพานปลาทอดยาวไปในทะเล และเกาะเล็กเกาะน้อยในอ่าวประจวบฯ มองเห็นวัดธรรมิการามที่อยู่เบื้องล่างตีนเขา และตึกรามบ้านช่องผู้คนเมืองประจวบอีกด้วย .. สวยงามมากค่ะ
พระเจดีย์ .. ลักษณะเป็นพระเจดีสีทอง ตั้งอยู่บนเนินที่มีบันไดนำขึ้นสู่ด้านบน ด้านข้างมีศาลา
เราแวะไปกราบขอพรพระประธานในโบสถ์ก่อนที่จะเดินชมจุดอื่นๆต่อไปค่ะ
“จะพาไปชมถ้ำ” .. หลวงพี่ที่อาสาเป็นไกด์ให้คณะเราบอก แล้วเดินนำทางลงบันไดไปยังพื้นที่ด้านล่าง
.. ภายในถ้ำ .. มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม และเทพองค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ตรงกลางของโถงถ้ำแรก
.. ตรงข้ามรูปปั้นจะมีช่องที่ด้านล่างเป็นหน้าผา แต่มีตาข่ายและเหล็กกั้นเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายร้านแรงที่คาดไม่ถึง .. สามารถมองออกไปเห็นทะเล และรับอากาศสดชื่นเข้ามาไหลเวียนในถ้ำ ทำให้ไม่อับชื้น
.. โถงถ้ำอีกด้านหนึ่ง .. เป็นผนังหินที่มีริ้วลายแปลกตา สวยงาม
.. มุมหนึ่งของถ้ำมีทางลงที่ลึกลงไปใต้ดิน มองดูมืดสลัวๆ หลวงพี่บอกว่า หากเดินลดเลี้ยวลงไปลึกๆ สามารถทะลุออกไปด้านนอกได้ แต่ไม่ได้เปิดและไม่แนะนำให้ลงไป ด้วยอาจจะเกิดอันตรายได้
หลวงพี่นำเราเดินขึ้นมาจากถ้ำ แล้วเดินอ้อมมายังพื้นที่ ที่สามารถไปยังช่องกระจกที่เลื่องชื่อ ..
.. เราเดินลงบันไดจากพื้นที่เป็นระนาบเดียวกับโบสถ์ เดินลงบันไดหินมาราวสิบกว่าขั้น
.. พื้นที่ช่วงนี้จะเป็นทางเดินอ้อมเขาเล็กน้อย ซึ่งแม้จะดูไม่อันตรายมาก ด้วยมีที่กั้นเตี้ยๆติดตั้งเอาไว้ .. แต่ก็ยังต้องระมัดระวังพอสมควร
.. สุดทาง จะมีบันไดซึ่งชันมากๆ นำทางลงไปยังชั้นล่าง ซึ่งหลวงพี่บอกว่า สามารถเดินอ้อมไปยังที่จอดรถได้ .. แต่ด้วยความชัน เราจึงเลือกที่จะไม่ลงไป (ความจริงกลัวความชันเกือบ 90 องศาของบันไดอ่ะค่ะ)
.. ณ จุดนี้ ชอบวิวที่มองออกไปดูตามรูปจะเห็นอ่าวอีกด้านหนึ่ง .. ที่ชอบเป็นพิเศษคือ ต้นไม้ที่ประกอบเป็นวิว
จากจุดนี้ .. หากจะเดินไปยังช่องกระจก จะต้องปีนลัดเลาะตามแนวโขดหิน หากใครที่กลัวความสูงอาจจะต้องชั่งใจดีๆ เพราะว่าทางเดินค่อนข้างอันตรายและต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
Credit ภาพ : Phongphan Kesa
เดินอ้อมเขาขึ้นไปอีกสูงพอสมควร แล้วปีนนนนนๆๆๆ เขาขึ้นไป จะไปถึงจุดไฮไลท์ คือ “ช่องกระจก” บนยอดเขาทางด้านทิศเหนือ .. หากสังเกตตามรูปด้านบน จะเห็นว่า ต้นไม้ในรูปด้านบน จะอยู่ในระดับที่ต่ำลงไป
Credit ภาพ : Phongphan Kesa
“ช่องกระจก”.. เกิดจากกระแสลมและกระแสน้ำตามธรรมชาติ และถ้ามองจากด้านล่างจะเห็นว่าตรงช่องเขาแห่งนี้ มีลักษณะคล้ายกับกระจกใสขนาดใหญ่ เป็นรูของสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ที่อยู่ตรงกลางของช่องเขา ดูแล้วลักษณะคล้ายกับเศษแก้ว เศษกระจก
Credit ภาพ : Phongphan Kesa
.. หากถ่ายภาพให้ตรงกับแนวของพระอาทิตย์ เราจะเห็นแสงสะท้อนออกมาจากรูของช่องเขานั่นเอง ก็จะทำให้เห็นเป็นกระจกขนาดใหญ่ขึ้นมา เหมือนกับชื่อ เขาช่องกระจก
Credit ภาพ : Phongphan Kesa
.. การขึ้นมาที่จุดนี้ไม่งาย และอันตราย เราจึงเลือกที่จะไม่เสี่ยง แต่มีรูปที่เพื่อนเก่าแชร์ให้มา เพื่อเขียนบทความให้สมบูรณ์
เราเดินอ้อมมาด้านหน้า .. ณ จุดนี้สามารถถ่ายรูปทัศนียภาพสวยๆด้านล่าง ที่มองเห็นอาคารของวัดและอ่าว ทะเล สวน รวมถึงพื้นที่ของฟาร์มต่างๆได้อย่างประทับใจ
“เขาช่องกระจก” .. คือ สัญลักษณ์ของเมืองประจวบคีรีขันธ์ เพราะมีความพิเศษอยู่มากมาย รวมถึงเป็นจุดชมวิวเมืองประจวบคีรีขันธ์ที่ดีทีสุดแห่งหนึ่ง สามารถมองเห็นทั้ง เขาตะนาวศรี อ่าวประจวบฯ อ่าวน้อย อ่าวมะนาว เขาตาม่องล่าย เขาล้อมหมวก และตัวเมืองประจวบฯ ได้โดยรอบ
ขอบคุณภาพประกอบในส่วนของ ช่องกระจก จาก Phongphan Kesa
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลกกับพี่สุ … รวม link บทความที่เขียนในเพจ ..
***เมืองไทย ไดอารี่ by Supawan
***Supawan’s colorful world
***สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา