24 มี.ค. 2022 เวลา 12:00 • ธุรกิจ
เซ็ปเป้ เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มไทย
ทำตลาดต่างประเทศอย่างไร ให้ขายได้ 98 ประเทศทั่วโลก
1
หลายคนคงอาจเคยดื่ม หรือเคยได้ยินชื่อ น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว โมกุ โมกุ, กุมิ กุมิ, เครื่องดื่มเพื่อความสวย เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์, กาแฟเพื่อหุ่นเพรียว เพรียวคอฟฟี่ หรือลูกอมครูเพ็ญศรี ที่มีหน้าของตลกชื่อดังอยู่บนซอง
รู้หรือไม่ว่า แต่ละแบรนด์ที่มีความแปลกและแตกต่างเหล่านี้ มาจากบริษัทเดียวกัน คือ เซ็ปเป้ บริษัทที่มี DNA ขององค์กรคือ นวัตกรรมของแต่ละสินค้า ที่ผลิตออกสู่ตลาดจะต้องแปลกและแตกต่างอย่างสร้างสรรค์เท่านั้น
ปัจจุบัน บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท
1
ที่สำคัญคือ ยังเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้ากว่า 10 แบรนด์ มีทั้ง เครื่องดื่ม, เจลลี, กาแฟกระป๋อง และขนมขบเคี้ยว ซึ่ง เซ็ปเป้ นับเป็นเจ้าตลาดในไทยมายาวนาน ในกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล ดริงก์ที่จับตลาดกลุ่มคนรักสุขภาพ เพราะถือเป็นเจ้าแรกที่ให้กำเนิดกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ในประเทศไทย
1
ที่น่าสนใจคือ แบรนด์โมกุ โมกุ (Mogu Mogu) ที่เซ็ปเป้วางขายในปี 2001 ก็นับว่าเป็นเจ้าแรกของโลกเช่นกัน ที่คิดค้นน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวขนาดใหญ่ ซึ่งใช้วัตถุดิบคุณภาพของไทย แต่กลับไปตีตลาดต่างประเทศ และโดนใจกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ปัจจุบันแบรนด์โมกุ โมกุ จะไม่มีวางจำหน่ายในไทยแล้ว แต่ก็นับว่าเป็นแบรนด์บุกเบิกของเซ็ปเป้เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นแบรนด์แรกที่ปูทางให้เกิดแบรนด์อื่น ๆ ในเครือ ในเวลาต่อมา
เมื่อแบรนด์มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนและหลากหลายมากพอ ในการเป็นเครื่องดื่มและขนมเพื่อสุขภาพ การบุกตลาดต่างประเทศ สร้างชื่อ และการสร้างรายได้กลับคืนประเทศ ก็สามารถทำได้คล่องตัวขึ้น ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์วางขายอยู่ถึง 98 ประเทศทั่วโลก
1
ที่สำคัญคือในปี 2021 เซ็ปเป้มีสัดส่วนการขายในประเทศอยู่ที่ 35% ในขณะที่ตลาดต่างประเทศมีมากถึง 65% ด้วยช่องทางการจำหน่ายกว่า 1,000,000 Outlets ทั่วโลก
3
นอกจากสินค้าที่เป็น Innovation จะเป็นจุดแข็งของบริษัทแล้ว ปัจจัยสำคัญอีกอย่าง คือการสร้างช่องทางการขายในรูปแบบใหม่ ๆ ในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะเอเชีย, สหรัฐอเมริกา, ยุโรป และตะวันออกกลาง
ซึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ เซ็ปเป้ ประสบความสำเร็จในตลาดต่างประเทศ คือ จุดเด่นของสินค้าที่มีความชัดเจน ในการเป็น “Snack Drink” ที่เลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพ ทำให้สามารถตั้งราคาและสร้างกำไรที่เหมาะสมได้
1
โดยเซ็ปเป้ให้ความสำคัญ ตั้งแต่กระบวนการนำเข้าวัตถุดิบ มาจนถึงการผลิตออกมาเป็นสินค้าสำเร็จรูป (Value Chain) ส่งผลให้มีพันธมิตรทางธุรกิจมากมายอยากทำงานร่วมกับเซ็ปเป้ จนสามารถเรียกได้ว่า “เนื้อหอม” เลยก็ว่าได้
แต่ Core Value ในการดำเนินธุรกิจของเซ็ปเป้ กลับไม่ได้มองหา Local Partners เจ้าใหญ่ ๆ แต่จะมองหาพาร์ตเนอร์รายเล็กที่มีใจ และอยากจับมือไปด้วยกันจริง ๆ และพร้อมจะช่วยกันขยายตลาดแบบค่อยเป็นค่อยไป
1
เริ่มจากห้างเล็ก ๆ และกลุ่มลูกค้ากลุ่มเล็ก ๆ ให้สินค้าติดตลาดก่อน ก่อนที่จะเจาะตลาดเข้าไปในห้างขนาดใหญ่ เพื่อเน้นการทำการตลาด ณ จุดขายเป็นหลัก (Trade Marketing)
3
ซึ่งกลยุทธ์ที่ว่านี้ ต้องใช้ทั้ง “เวลา” และใช้ “ใจ” ในการมองหาคู่แท้ทางธุรกิจตัวจริงให้เจอ เป็นคู่ค้าที่พร้อมจะจับมือเติบโตไปด้วยกันอย่างแข็งแกร่ง
จนในวันนี้เซ็ปเป้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “เกาหลีใต้” คือตลาดที่เซ็ปเป้ทำได้ดีและประสบความสำเร็จมากที่สุด
1
หลายคนอาจสงสัยว่า เซ็ปเป้ทำได้อย่างไร ?
วันนี้เราจะไปค้นหาคำตอบกัน
1
เกาหลีใต้ เป็นประเทศที่เซ็ปเป้เข้าไปทำตลาดมาอย่างยาวนาน ล้มลุกคลุกคลานมามาก แต่ก็ไม่ยอมถอยจากตลาดนี้ ได้เรียนรู้และทำความเข้าใจตลาด จนเข้าใจวัฒนธรรมการกินของคนเกาหลีใต้ว่าชอบ ขนมและเครื่องดื่ม ที่มีความแปลกใหม่
บวกกับความชื่นชอบในแครักเตอร์ตัวการ์ตูน ทำให้มาสคอต ของแบรนด์โมกุ โมกุ ที่เซ็ปเป้ใช้เป็นตัวชูโรง เพื่อสื่อสารแคมเปญการตลาด สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคคนเกาหลีใต้ได้เป็นอย่างดี
และเมื่อสินค้าเริ่มติดตลาด บวกกับการทำตลาดแบบ O2O หรือที่เรียกว่า การผสมผสานระหว่างการทำตลาดแบบออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นแคมเปญระดับประเทศ (Nationwide Campaign) เมื่อปีที่แล้ว สินค้าก็ยิ่งได้รับความนิยมและเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
นอกจากนั้นเซ็ปเป้ยังเจอพันธมิตร (Local Partners) ที่ดี ที่ใช่ จึงทำให้การสร้าง “Brand lover” ในเกาหลีใต้ทำสำเร็จได้โดยง่าย โดยครอบคลุมตลาดโมเดิร์นเทรดในเกาหลีใต้ได้ถึง 70% เลยทีเดียว
และยังมียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องดื่มน้ำผลไม้ ในช่องทางร้านสะดวกซื้อ (CVS) อีกด้วย เรียกได้ว่า เซ็ปเป้ได้แผ่อิทธิพลสินค้าไทย ให้เข้าไปอยู่ในใจของคนเกาหลีใต้ได้อย่างน่าประทับใจ
3
ยิ่งไปกว่านั้น ความสำเร็จของเซ็ปเป้ในเกาหลีใต้ ได้เตะตาบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Lotte โดย Lotte ได้เข้ามาติดต่อขอเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับแบรนด์โมกุ โมกุ เพื่อนำไปทำแบรนด์ไอศกรีม ในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมาอีกด้วย
1
ปัจจุบัน เซ็ปเป้ ยังคงมุ่งมั่นผลิตสินค้ารูปแบบใหม่ ๆ ออกมา เพื่อเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
1
โดยแต่ละปีจะมีสินค้าออกใหม่ไม่น้อยกว่า 20 แบบ ออกวางขาย ซึ่งผ่านกระบวนการคิดค้นจากหน่วยงานในองค์กร พัฒนาต่อยอด จนได้สิ่งที่ดีที่สุดออกสู่ตลาด
1
อีกทั้งยังมีหน่วยงานพิเศษชื่อว่า Inno Studio ซึ่งเป็นทีมที่คอยเชื่อมโยงเกษตรกร, ผู้ประกอบการ SME ต่าง ๆ และนวัตกรรมจากองค์กรภายนอก มาร่วมกันพัฒนา วิจัย และออกสินค้าใหม่
2
ซึ่งองค์ประกอบสำคัญ ที่เซ็ปเป้มองว่าขาดไม่ได้เลย คือการมองหาพันธมิตรทางธุรกิจที่ใช่ ที่พร้อมจะร่วมกันทำสินค้าที่แตกต่างออกสู่ตลาด
นอกจากนั้นในประเทศไทย เซ็ปเป้ ยังเป็นพาร์ตเนอร์กับแบรนด์ต่าง ๆ ในหลากหลายอุตสาหกรรม ที่เรามักคุ้นหู เช่น All Coco, Danone, Workpoint และตะขาบ 5 ตัว ที่นอกจากจะเพิ่มโอกาสในการขยายกลุ่มลูกค้ารายใหม่แล้ว ยังเป็นการสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจที่ยั่งยืนร่วมกันอีกด้วย
1
โฆษณา