25 มี.ค. 2022 เวลา 09:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ
"ออกหัวผมได้เงิน ถ้าออกก้อยผมเสียเงินนิดหน่อย"
โมห์นิช พาไบร กับ แนวคิดดันโด : กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนสูง
"ออกหัวผมได้เงิน ถ้าออกก้อยผมเสียเงินนิดหน่อย" คือวลีติดปากของ "โมห์นิช พาไบร" (Mohnish Pabrai) ซึ่งถูกกล่าวถึงซ้ำๆบ่อยครั้งในหนังสือที่มีชื่อว่า "นักลงทุนดันโด" (The Dhandho Investor) หนังสือยอดนิยมที่เขาสวมบทบาทเป็นนักเขียน
หากความจริงแล้วบทบาทหน้าที่หลักของพาไบรนั้นคือ "ผู้จัดการกองทุนพาไบร" (Pabrai Investment Funds) ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ.1999 และสร้างผลงานอัตราผลตอบแทนทบต้นต่อปีได้สูงถึง 28% จนถึงปี ค.ศ.2007 (แน่นอนว่าหักค่าธรรมเนียมทุกอย่างของกองทุนออกหมดแล้ว)
หนังสือนักลงทุนดันโด (The Dhandho Investor) มาพร้อมกับคำโปรยอันน่าค้นหา พาดกลางปกหน้าว่า "กลยุทธ์การลงทุนแบบมีความเสี่ยงต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนสูง" ซึ่งประโยคดังกล่าวคือสิ่งที่ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ยึดถือและมุ่งมั่นพิสูจน์ตนเองเสมอมาตลอดช่วงชีวิตหนึ่งของเขา ผ่านการก่อตั้ง "Pabrai Investment Funds" และสร้างผลตอบแทนทบต้นจนถึงปัจจุบันได้อย่างน่าประทับใจ
‘พาไบร’กล่าวย้ำเตือนหลายครั้งตลอดหนังสือทั้งเล่มที่มีความยาวกว่า 207 หน้าว่า แนวคิดและหลักการลงทุนของเขานั้นไม่มีอะไรใหม่เลย ไม่มีอะไรที่ซับซ้อน และไม่มีการสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่อันเลิศหรูใดๆให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้
เขาเพียงแค่ลอกเลียนแบบ หยิบยืม และนำมาวิเคราะห์ วางแผน ทำตามแผนการอย่างมีวินัย จากนั้นก็เพียงแค่เฝ้ารอให้สิ่งอัศจรรย์ที่เขาคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าบังเกิดขึ้น สุดท้ายก็เพียงมีความสุขไปกับผลลัพธ์ของมัน แน่นอนว่ากองทุนที่เขาบริหารอยู่คือส่วนผสมของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์ ชาร์ลี มังเกอร์ และแนวคิดดันโด!!”
นักลงทุนและนักธุรกิจผู้มั่งคั่งหลายรายซึ่งปรากฏชื่ออยู่ภายในหนังสือเล่มนี้ ล้วนถูกพาไบรชำแหละ ดึงทึ้งเครื่องในออกมาวางเรียงราย เพื่อวิเคราะห์อธิบายถึงต้นตอแห่งความสำเร็จของพวกเขาผ่าน "แนวคิดดันโด" (ถึงแม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นแทบทุกคนที่พาไบรกล่าวถึง อาจไม่เคยรู้จักแนวคิดนี้มาก่อนเลยก็ตาม)
"อย่าเดิมพันบ่อย อย่าจับปลาหลายตัว อดทนรอคอย หากเมื่อโอกาสผ่านเข้ามาจึงมุ่งเน้นและเดิมพันให้หนัก" ถือเป็นอีกประโยคหนึ่งที่พาไบรเชื่อมั่นและพร่ำบอกเสมอว่ามันคือแนวทางที่ใช้ได้ผลอย่างมากกับการลงทุนในหุ้นของเขา เมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้ก็อาจจะเริ่มตั้งคำถามว่า “แนวคิดดังกล่าวมันคล้ายคลึงกับแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing) ไม่น้อยเลย แนวคิดดันโดอะไรนั่นน่ะ”
ไม่แปลกใจเลยที่คุณจะคิดเช่นนั้น เหตุเพราะพาไบรเปิดเผยตลอดมาว่าแนวคิดของเขาเพียงแค่ “ลอกเลียนแบบ หยิบยืม และทำตามอย่างมีวินัย” จาก วอเร็น บัฟเฟตต์ (Warren Buffett), ชาร์ลี มังเกอร์ (Charlie Munger) สองเจ้าพ่อแห่งวงการนักลงทุนวีไอ และวิถีดันโด “แนวคิดดันโด” คือหลักการหรือกลยุทธ์ในการลงทุน ซึ่งมุ่งเน้นเรื่องการจำกัดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด แน่นอนว่าเรื่องความเสี่ยงนั้นเป็นเหตุผลหนึ่งที่คนทั่วไปต่างหวาดกลัวเมื่อพูดถึงวงการตลาดหุ้นอันสุดแสนผันผวน และในทางตรงกันข้าม การลงทุนนั้นก็ควรจะให้ผลตอบแทนที่สูงมากพอ
1
กล่าวให้ง่ายที่สุดก็คือ “ผลตอบแทนที่จะได้รับต้องคุ้มค่าต่อความเสี่ยงที่ยังหลงเหลืออยู่นั่นเอง” ผลตอบแทนต้องสูงมากพอ มากจนเมื่อถึงจุดที่คุณจะมั่นใจได้ เมื่อเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่เหลืออีกเพียงเล็กน้อย แล้วคุณจะต้องทำอย่างไรล่ะ มาเริ่มต้นศึกษา เรียนรู้ และปฏิบัติตาม “แนวคิดดันโด 9 ข้อ” ที่ผ่านการย่อยสรุปให้กระชับและชัดเจนไปด้วยกันครับ
1. "มุ่งเน้นไปที่การลงทุนในธุรกิจซึ่งมีการดำเนินงานอยู่แล้ว"
เพราะธุรกิจที่ดำเนินงานอยู่แล้วนั้นมีโครงสร้างและรูปแบบการประกอบกิจการที่ชัดเจน มีประวัติการดำเนินงานมายาวนานจนคุณสามารถวิเคราะห์ธุรกิจได้อย่างครอบคลุมรอบด้าน วิธีการนี้มันมีความเสี่ยงที่ต่ำมาก ต่ำกว่าการลงทุนในธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นตั้งตัวอย่างมหาศาล คุณจะเอาตัวเองไปเสี่ยงทำไมในเมื่อมีบริษัทดีๆอีกตั้งมากมายอยู่ในตลาดหุ้น
2. “ลงทุนในธุรกิจที่เรียบง่าย และมีการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมน้อยมาก”
‘วอเร็น บัฟเฟตต์’ เคยกล่าวไว้ว่า ความเปลี่ยนแปลงคือศัตรูของการลงทุน เราไม่อยากขาดทุน เราจึงต้องมองหาสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง โลกทุนนิยมช่างโหดร้าย เราเพียงแค่ต้องพยายามมองหาธุรกิจที่ผลิตสินค้าหรือบริการแบบเรียบง่าย ที่ใครๆก็จำเป็นต้องใช้
3. “ลงทุนในธุรกิจที่ประสบภาวะวิกฤติ กำลังดำเนินงานอย่างยากลำบากภายในอุตสาหกรรม”
วอเร็น บัฟเฟตต์ (อีกแล้ว) ก็เคยกล่าวว่า อย่าคาดหวังกับการขายหุ้นที่ราคาดีๆให้มากนักเลย แต่จงมุ่งเน้นที่การเข้าซื้อหุ้นในราคาที่ถูกมากๆ ถูกเสียจนเมื่อเราต้องขายในราคาแย่ๆก็ยังให้ผลตอบแทนที่ดี หรืออีกประโยคหนึ่งคือ "จงกลัวในขณะที่คนอื่นกำลังโลภ และจงโลภเมื่อใครๆต่างก็พากันกลัว" ลองสังเกตธุรกิจที่ดูอนาคตมืดมน ไม่มีใครชอบ ไม่มีใครสนใจ คุณอาจจะได้พบกับหุ้นที่มีราคาถูกอย่างเหลือเชื่อ
4. “ลงทุนในธุรกิจที่มีความได้เปรียบเชิงการเเข่งขันอย่างยั่งยืน”
หัวใจสำคัญของการลงทุนไม่ได้อยู่ที่การประเมินว่าบริษัทนั้นๆจะเติบโตไปได้อีกมากมายแค่ไหน แต่อยู่ที่การวิเคราะห์ความได้เปรียบในการแข่งขัน และความยั่งยืนของความได้เปรียบนั้น สินค้าหรือบริการที่จำเป็นเสมอและลอกเลียนแบบได้ยากคือคูเมืองอันแข็งแกร่ง “ผมไม่ชอบธุรกิจที่ใครก็ทำได้” (บัฟเฟตต์กล่าวไว้อีกนั่นแหล่ะ)
5. “เดิมพันให้หนัก เมื่อคุณมีแต้มต่อที่ชัดเจน”
‘ชาร์ลี มังเกอร์’ หุ้นส่วนธุรกิจของบัฟเฟตต์ ได้นำระบบการเดิมพันที่ใช้ในสนามม้า (Pari-mutuel) มาปรับใช้กับการลงทุนในตลาดหุ้น คุณต้องมองหาการเดิมพันซึ่งคุณสังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่ามี “อัตราต่อรองที่ผิดพลาด” ประเด็นคือ คุณต้องมีความรอบรู้ให้มากพอเพื่อที่จะมองเห็นมัน นั่นแหล่ะเรียกว่าการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เดิมพันให้หนัก แต่เดิมพันน้อยครั้ง คุณควรจะอยู่นิ่งเฉยในเวลาส่วนใหญ่ รอจนกว่าจะมีโอกาสทองผ่านเข้ามาเท่านั้น
6. “มองหาโอกาสทำอาร์บิทราจ (Arbitrage)”
‘อาร์บิทราจ’ คือความพยายามหาผลกำไรจาก "ราคาที่แตกต่างกัน จากสิ่งของที่เหมือนกันหรือคล้ายกัน" คุณจะได้เงินแบบชนิดที่ว่าแทบไม่มีทางขาดทุนเลย คงไม่ถึงขนาดที่ว่าไม่มีความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงมันต่ำมาก เช่นตัวอย่างง่ายๆคือ คุณอาจซื้อทองคำจากที่หนึ่ง เพื่อไปขายอีกที่หนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไป สิ่งสำคัญคือ “จงทำอาร์บิทราจก็ต่อเมื่อคุณเห็นส่วนต่างของราคานั้นได้เกิดขึ้นอย่างชัดเจน”
7. “ลงทุนในธุรกิจที่มีราคาขายต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงอย่างมาก”
แนวคิดเรื่อง “ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย (Margin of Safety)” นั้นสำคัญมากๆ โอกาสในการขาดทุนอย่างถาวรจะลดน้อยลงแม้ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมากก็ตาม ‘เบนจามิน เกรแฮม (Benjamin Graham)’ ต้นแบบนักลงทุนเน้นคุณค่าของโลกใบนี้อีกท่านหนึ่ง (อาจารย์ของบัฟเฟตต์อีกต่อหนึ่ง) เคยกล่าวไว้ว่า "หน้าที่หลักของส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยก็คือ ทำให้การคาดการณ์อนาคตอย่างแม่นยำเป็นเรื่องไม่จำเป็น"
8. “มองหาธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีความไม่แน่นอนสูง”
สองเหตุการณ์ดังกล่าวนี้มันเข้าคู่กันสุดๆ มันจะทำให้ราคาหุ้นอยู่ในระดับที่ต่ำมาก "หุ้นราคาถูก ในธุรกิจที่มืดมน" (ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรกันแน่) ‘วิถีดันโด’ จะเริ่มต้นจากการจำกัดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด จากนั้นจึงมาจัดการกับความไม่แน่นอนที่สูงนั้น ด้วยการวิเคราะห์คาดการณ์ผลลัพธ์ทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตแบบอนุรักษ์นิยม การลงทุนเช่นนี้จะจบลงด้วยประโยคที่ว่า "ออกหัวผมได้เงิน ออกก้อยผมเสียเงินนิดหน่อย!!"
9. “การเลียนแบบนั้นย่อมดีกว่าการสร้างสรรค์สิ่งใหม่”
1
นวัตกรรมหรือการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ก็เปรียบเสมือนการโยนลูกเต๋า แต่การหยิบยืมเอาความคิดที่มีอยู่แล้วมาต่อยอดถือว่ามีความเสี่ยงต่ำมาก และมันก็ให้ผลตอบแทนในระดับที่ดีมากด้วย เพียงแค่เดินตามเส้นทางที่มีผู้ประสบความสำเร็จคนอื่นแผ้วถางเปิดทางรอคุณไว้แล้วเท่านั้นเอง
1
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือ “วิถีดันโด” ในภาพรวมแบบสั้นกระชับ สมกับคำร่ำลือที่ว่ามันเป็นกลยุทธ์ซึ่งเน้นเรื่องการควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับต่ำมาก และผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือผลตอบแทนที่คาดหวังก็สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
1
แม้ว่าผู้เขียนจะสรุปมาเพื่อให้อ่านเข้าใจได้ง่ายแล้ว แต่เชื่อว่ายังมีผู้สนใจอีกมากมายโดยเฉพาะ "นักลงทุนมือใหม่" ที่อาจยังไม่ค่อยเข้าใจหรือตกผลึกกับแนวคิดดังกล่าว ถึงเวลาที่มือใหม่อย่างคุณและผมจะได้ลองคิดให้ซับซ้อน และต้องคิดให้ลึกซึ้งมากกว่าเดิมอีกนิดหน่อย คิดวิเคราะห์กับหลากหลายสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัวคุณในชีวิตประจำวันให้มากขึ้นกว่าเดิม คุณจะพบกับปรากฎการณ์ใหม่ๆที่น่าสนใจเสมอ
หากคุณต้องการศึกษาเพิ่มเติม ลองมองหาหนังสือที่มีชื่อว่า “นักลงทุนดันโด (The Dhandho Investor) : กลยุทธ์การลงทุนแบบมีความเสี่ยงต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนสูง” (ฉบับแปลภาษาไทย, พ.ศ.2559, วิสดอมเวิร์ค เพลส)
1
ผู้แต่ง : โมห์นิช พาไบร (Mohnish Pabrai)
ผู้แปล : พรชัย รัตนนนทชัยสุข
ภายในหนังสือขนาดกระทัดรัดเล่มนี้จะมีบทขยายความแนวคิดแต่ละข้อที่ผู้เขียนหยิบยกมา ให้ได้ศึกษาเพิ่มเติมกันอย่างเต็มอิ่ม อาจทำให้คุณเข้าใจและสามารถนำไปปรับใช้สำหรับวางแผนการลงทุนส่วนตัวได้มากขึ้น
นอกจากการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ แนวคิดการซื้อและถือหุ้น ไปจนถึงหลักการขายหุ้นที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงมากนักแล้ว ‘โมห์นิช พาไบร’ ยังสอดแทรกการวิเคราะห์เชิงปริมาณไว้ภายในเล่มอย่างน่าสนใจ อาทิเช่น "การประเมินมูลค่าแบบคิดลดกระแสเงินสดอย่างง่ายๆ" หรือหลักการของ "Kelly Formula" ที่ผู้เขียนคิดว่าน่าสนใจ ซึ่งส่วนตัวได้เริ่มต้นทดลองนำเอาหลักการดังกล่าวไปปรับใช้ในกระบวนการลงทุนจริงบ้างแล้วตามสมควร
อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่ผู้เขียนคาดว่าคุณจะได้รับจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ นอกเหนือไปจากตัวอักษรที่เราเห็นคือ "ความมั่นใจ ความมั่นใจที่ไม่ใช่ความหยิ่งทนง ความเชื่อที่ว่าคุณสามารถเป็นในสิ่งที่คุณต้องการจะเป็นได้ แบบไม่เลื่อนลอย" และอีกมิติหนึ่งคือการออกแบบแผนการลงทุนที่มีความเฉพาะเจาะจงเพื่อตัวคุณเอง การดำเนินตามแผนการนั้นอย่างมีวินัย และการอดทนรอคอยความสำเร็จจากแผนการนั้นมันช่างสำคัญเหลือเกิน
เหตุใดผู้เขียนจึงมั่นใจได้ถึงขนาดนั้น ก็เพราะว่า “ความเสี่ยงมันคุ้มค่ากับสิ่งที่เรารอคอย”
"ออกหัวผมได้เงิน ถ้าออกก้อยผมเสียเงินนิดหน่อย" นี่คือวรรคทองสั้นๆที่สามารถอธิบายแนวคิดดันโดได้อย่างครอบคลุมที่สุดแล้ว เหลือเพียงแค่ว่าคุณจะลองเดิมพันรึเปล่า?
แล้วพบกันใหม่อีกครั้ง ขอให้มีความสุขกับการลงทุนนะครับ 🙂
โฆษณา