26 มี.ค. 2022 เวลา 00:48 • ไลฟ์สไตล์
ประสบการณ์….เรื่องใหญ่ ครั้งใหม่ ในชีวิต🥲🥲
ขณะบรรยายความ ตามไท้ อยู่นี้ ผู้เขียนยังอยู่ในสภาพ บาดเจ็บกับประสบการณ์ ในครั้งนี้ อยู่เลย
เชื่อว่า มีสาวๆ หนุ่มๆ ในยุค 2022 นี้จำนวนไม่น้อย ต้องเคยผ่านประสบการณ์ สวยด้วยมีดหมอกันมาบ้าง แต่สำหรับผู้เขียน บอกเลย ว่ามันจะเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้าย
สาเหตุเริ่มต้น มันมีอยู่ว่า อายุอานามผ่านเลยมานาน ทำให้สภาพเต่งตึง มันหย่อนยานมากขึ้น อุ๊บอย่าเพิ่งคิดว่า ไปผ่าตัดตรงส่วนอื่นน๊ะค๊ะ แต่อิฉัน ไปผ่าตาค่ะ
เหตุเพราะเปลือกตา มีถุงน้ำ ถุงใหญ่ๆ ทั้งสองข้าง มันทำให้ตาที่เคยกลมโต หนักอึ้ง ลืมตาลำบาก แม้ว่าลืมตานั่งทำงานอยู่ ก็มักจะมีคนหาว่านั่งหลับ จึงตัดสินใจ พึ่งมีดหมอ ด้วยหมายมาดว่า ฉันจะสบายขึ้น หากกำจัดไอ้ถุงน้ำที่ว่านี้เสียได้
ด้วยความเป็นคนคิดเร็ว ทำเร็ว และวาดภาพในใจว่า เอาน่า คงผ่าแต่ข้างละสัก 1 เซ็นติเมตร ก็น่าจะจบปัญหา แต่ในใจลึกๆ แอบหวั่นไหวไม่น้อย
และแล้ววันนั้นก็มาถึง คุณหมอเรียกให้เปลี่ยนชุด และนอนลงบนเตียงคนไข้ เราจึงรวบรวมความกล้า และบอกตัวเองว่า เอาว๊ะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
หมอเริ่มวัดที่ผิวตาด้านบน และถามเราว่า แค่ไหนที่เราชอบ ไอ้คนอย่างเรา ไม่ได้มาเพื่อความงาม แต่เรามาเพราะไอ้เจ้าถุงน้ำที่กลิ้งไปกลิ้งมาตะหาก
จึงตกลงกะหมอตามสมควรว่า มันแค่ไหน หมอจึงลงปากกาวาดแนวบนหนังตา และมีเสียงกระซิบเบาๆ จากหมอว่า “ เจ็บนิดนึงน๊ะ ผมจะฉีดยาชาให้”
มันไม่เจ็บนิดเอาเสียเลย แต่มันเจ็บมากๆ จนมือจิกที่เตียง อย่างหนักหน่วง เพื่อคลายความเจ็บ แล้วหมอก็ทิ้งเราพักใหญ่ให้ยาออกฤทธิ์
ระหว่างนั้น มีอีกราย อยู่เตียงไม่ห่างจากเรา ได้ยินหมอคุยกับคนไข้ว่า มาทำจมูกหยดน้ำ ได้ยินเสียงการใช้เครื่องไม้เครื่องมือ ดังเหมือนกำลังมีการเลื่อยอะไรสักอย่างออก สายมโนอย่างเรา ก็มโนไป สยองไป เพราะปกติ ชอบดูหนังฝรั่งสยองขวัญ ประเภท ใช้เลื่อย ใช้ไขควงฆาตกรรม😳😳
แล้วเริ่มกลับมานึกถึงตัวเองว่า “นี่หมอ ไม่วางยาสลบฉันหรือ” จึงได้ถามหมอไปว่า “หมอค๊ะ ไม่วางยาสลบเหรอค๊ะ” หมอยิ้มเยือกเย็น แล้วตอบกลับว่า “ ไม่ครับ เพราะนี่เป็นการผ่าตัดเล็ก”
หลังจากนั้น เมื่อเปลือกตาชา หมอก็บอกเบาๆว่า “ ผมจะเริ่มแล้วน๊ะ “ หัวใจเราก็เริ่มเต้นโครมครามๆ ถอดนิสัยผู้กล้าหาญชาญชัย ขาใหญ่ ขาโจ๋ กองลงข้างเตียง เหลือแต่ความกลัวล้วนๆ ก็ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยผ่าอะไรสักครั้งในชีวิต
และประสบการณ์ การดูซีรี่ย์เกาหลี ก็ได้ใช้งาน เราได้ยินเสียงหมอที่ 1 และหมอที่ 2 เขาทำงานกัน เหมือนในซีรี่ย์เป่ะเลย “ Cut คีบ ขอครีม ซับเลือด ดึงเปลือกตาขึ้น Cut “ สยองดีแท้ๆ
พักใหญ่ ได้ยินคุณหมออุทานว่า “โอ๊ะ” ทำเอาสติสัมปชัญญะอันบอบบางของเราตื่นตระหนก ว่าเกิดอะไรขึ้น
คุณหมอแจ้งว่า “ถุงน้ำที่คิดว่าจะเอาออก มันคือถุงน้ำตาครับ เอาออกไม่ได้ เพราะถ้าเอาออก จะไม่มีน้ำตา” อ้าว นี่เราผ่าทำไมกันละเนี่ย แงๆๆๆ แต่หมอยังอารมณ์ดี ชื่นชมต่อมน้ำตาเราแบบเล่นใหญ่ พร้อมเรียกแพทย์ฝึกหัด มาเยี่ยมชม ต่อมน้ำตาของเราอย่างตื่นเต้น พร้อมบรรยาย กึ่งคุยกับเราว่า “ มาดูๆ ต่อมน้ำตาคนไข้รายนี้ใหญ่มากๆ” พร้อมก้มหน้ามาถามเราว่า “ ร้องไห้เก่งแน่ๆเลยใช่ไหมครับ ต่อมน้ำตาถึงได้ใหญ่ขนาดนี้” เอิ่ม หมอค๊ะ ในตอนนั้น จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก จะร้องไห้ก็ไม่ได้
แล้วคุณหมอก็เปรยว่า “ ถ้างั้น ต้องตัดเปลือกตาบางส่วนออก เพื่อรั้งเปลือกตาขึ้นนะครับ และตรงไหนที่มีไขมัน หมอจะเอาออกให้”
ในใจเราได้แต่หงุดหงิดหมอ จะทำอะไร ก็ทำตามสมควรเถอะ เพราะผ่าออกมาเสียอย่างนั้นแล้ว ก็ต้องเดินหน้าต่อให้ดีที่สุดไหม พร้อมอุบอิบๆกับตัวเองว่า ไม่อยากมีสติสัมปชัญญะ ให้คุณหมอคอยปรึกษาเอาเสียเลย อยากสลบๆ หนีปัญหา ให้หมอคิดเอง น่าจะดีกว่าไม่น้อย
ได้ยินเสียงบอกเบาๆว่า “ เจอไขมัน นิดหน่อยไม่เยอะ เดี๋ยวจะเอาออกให้น๊ะครับ” โอ้ย ไม่อยากรับรู้ใดๆ และแอบหงุดหงิดว่า จะบรรยายรายละเอียดอะไรนักหนา ทำให้มันเสร็จๆไปเถอะ เพราะอย่างไรก็ต้องฝากผลงานไว้กับหมอ ทำไมต้องสาธยายรายละเอียด เหมือนคนสั่งต้มเลือดหมู แล้วสั่งแม่ค้าว่า “ เอาไส้ ตับ ม้าม หัวใจ เซ่งจี้ ไม่เอาเลือด ยังงัยยังงั้น ซึ่งไอ้สั่งแบบนี้แหละ ทำให้เราที่นั่งกินอยู่ แทบจะกระเดือก ของเราในถ้วยไม่ลง
ถัดจากนั้น คุณหมอมีอุปกรณ์ชิ้นใหม่ เป็นอะไรสักอย่าง คล้ายหัวยิงแก๊ส ที่เราเห็นตามร้านตัดเหล็ก มีความร้อน มายิงบริเวณที่บอกเราว่า จะเอาไขมันออก เสียงดังเฟ็ดๆๆ
กลิ่นเผาเนื้อ ลอยละลิ่วปลิวเข้ามาในโสตประสาท จึงเกิดอาการปลงขึ้นมาได้ว่า นี่สิน๊ะ หากเราตาย กลิ่นเผาตัวเรา คงกลิ่นนี้สิน๊ะ แอบอมยิ้มกับตัวเองว่า เอาน่า อย่างน้อยๆ ก็รู้ว่า กลิ่นเผาตัวเรา กลิ่นคล้ายๆ กลิ่นเราย่างคอหมูย่างนั่นแหละ😂😂 แต่ก็ทำเอาชะงัก เมื่อความร้อน ทะลุทะลวง ถึงในลูกตา จนตัวสะดุ้งทั้งตัว
สักครู่ใหญ่ หมอที่ 1 เรียกหมอที่ 2 เย็บปิดแผลด้วยครับ พร้อมฮัมเพลง Mozart No.2 เป็นระยะๆ
จนเราเริ่มอาการเจ็บ จนสะดุ้งเมื่อคุณหมอเย็บแผลอยู่ จึงบอกคุณหมอว่าเจ็บ เท่านั้น รอยยิ้มเยือกเย็นของหมอ พร้อมพร่ำบอกว่า “ สงสัยต้องเพิ่มยาชา และบอกเราว่าเจ็บหน่อยน๊ะครับ” เรางี้อยากจะวิ่งหนี ออกไปให้ไวเสียจริงๆ หากไม่ติดว่า แผลยังกระเจิงอยู่แบบนั้น
ด้วยความเจ็บ กลัว และมโนตามคำอธิบายตามหมอ มือที่จิกเตียง จนเตียงแทบจะขาด มันคงทำให้เลือดสูบฉีดดีขึ้น ทำให้ได้ยินคุณหมอที่ 2 ที่กำลังเย็บแผล ถามมาว่า “ คุณเคยทานน้ำมันตับปลาหรือเปล่าค๊ะ” เราได้แต่งงงๆ ว่าถามทำไม จะหลอกขาย product เพิ่มรึเปล่าเนี่ย แต่ก็ตอบว่า “ ไม่เคยค่ะ เคยคิดจะลอง แต่เห็นขนาดเม็ดแล้ว เลยเลิกลองค่ะ ทำไมเหรอค๊ะ” คุณหมอตอบยิ้มๆ “ ถึงว่าซิ เลือดถึงได้พุ่งดีขนาดนี้” โอ้ยยยยย อยากจะกรี๊ด แน่สิ ก็ฉันความดันสูงนี่นา เรียนหมอมาได้งัยเนี่ย 😂😂
หลังจากตาข้างขวาเสร็จ แน่ละ ตาอีกข้างก็ต้องถูกจัดการ เพื่อให้ balance กับตาอีกข้าง อย่างแน่นอน เราเองจึงเลิกสนใจ ใคร่รู้กับตาอีกข้างแล้ว ได้แค่นอนฟัง เสียงฮัมเพลง โอเปร่าของคุณหมอ กับเสียง Cut Cut ของคุณหมอ และภาวนาให้ มันรีบๆเสร็จสักที
ครู่ใหญ่ๆ หมอแจ้งว่า เสร็จแล้ว พร้อมปิดไฟเจิดจ้า บนหน้าฉันและบอกเบาๆ ว่านอนพักสักครู่ ให้หมดฤทธิ์ยาแล้วค่อยออกไปรับยา
ขณะมีเวลานอนแบบหมดเรี่ยวแรง เพราะพละกำลัง หมดไปกับการเกร็งจิกเตียง ก็ให้หวนคิดได้ว่า “ โอ้วแม่เจ้า นึกถึงสาวๆ หนุ่มๆ ที่เสพติดการศัลยกรรม พวกเขาเหล่านั้น จะต้องมีความอดทนขนาดไหนกัน เท่าที่ลองดูแล้ว คาดว่า ผู้คนเหล่านั้น น่าจะเป็นโรคจิต กันแน่ๆ ที่แลกความเจ็บปวด เพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ คิดแล้ว ก็สยองแทนจริงๆ
พอออกมารับยา หมอยังมีหน้าอมยิ้ม และบอกว่า “ น่าจะทำถุงใต้ตาไปด้วย เจ็บครั้งเดียว สวยครั้งเดียว” เราตอบกลับทันควันแบบไม่อารมณ์ดี “ คุณหมอค๊ะ ที่มาทำ เพราะถุงน้ำเจ้าปัญหานั่นค่ะ และต่อให้ผ่าตัด ออกมาสวยเหมือนญาญ่า ก็ไม่สนใจค่ะ ขอสวยแบบนี้ล่ะดีแล้วค่ะ “ คุณหมอเลยพยักหน้าหงึกๆ และอธิบายถึงอาการหลังจากนี้ และจ่ายยา
หลังจากนั้น เราก็ขับรถกลับด้วยตัวเอง เพราะไม่นึกว่า จะมีรอยเย็มยาวทั้งตา สองข้างแบบนี้ ถึงบ้านอย่างยากเย็น🥲
พอถึงบ้าน ส่องกระจก ถึงกับอนาถใจ เพราะสภาพที่เห็น เหมือนหน้าศพ ทีกำลังขึ้นอืด ไม่ผิดเพี้ยน อาการเจ็บ เริ่มรุนแรง เพราะฤิทธิ์ยาชาหมด ถึงกับล้มตัวลงนอน ไป5 วันถ้วน คอยประคบน้ำแข็ง เพื่อลดบวม
ผ่านไป 1 อาทิตย์แล้ว แผลเริ่มแห้ง และออกจากบ้านไปหา อาหารโปรดทานได้บ้างแล้ว แต่ต้องใส่แว่นตาดำ ปกปิดความน่าสะพรึงกลัว แก่ผู้คนรอบๆตัว แต่อาจทำให้หงุดหงิดนิดหน่อย เมื่อเจอบางสายตา ทำหน้าสงสัย ว่ายัยคนนี้สงสัยเพี้ยน ฟ้าออกจะมืดครึ้ม ใส่แว่นดำทำไม เฮ้อ เอาน่า อย่าไปสนใจ
วันอังคารนี้ หมอนัดไปตัดไหม ไม่อยากจะคิดถึงความเจ็บครั้งใหม่ แต่ก็ดีใจ ที่จะได้เอาไหม ออกไปจากตาเสียที เพราะพอแผลยุบ ไหมก็โผล่ มาทิ่มแทงผิว ให้คันยิบๆ เป็นที่รำคาญยิ่งนัก
ท้ายนี้ ขอซูฮก ท่านๆ เธอๆ ที่เปลียนหน้าทั้งหน้าใหม่ ว่าช่างมีความอดทน ผิดมนุษย์มนาเสียจริง ข้าพเจ้าคนหนึ่งล่ะ จะไม่หาทำครั้งที่สอง อย่างแน่นอน ต่อให้หน้าตา แย่แค่ไหน ก็ขอสวยหลบในแบบเดิมๆ ก็พอใจแล้ว ครั้งนี้ ถือว่าเป็นประสบการณ์ขั้นสูงสุด อีกครั้ง เท่านั้นละกันพอ🙏🙏🙏
ขอบคุณภาพประกอบจาก🙏🙏
โฆษณา