แกเร็ธ เบล โดนสื่อในมาดริดด่าว่า "เป็นปรสิต" เรื่องราวเป็นอย่างไร ทำไมด่ากันแรงขนาดนั้น วิเคราะห์บอลจริงจังจะเล่าให้ฟัง
1 วัน ก่อนเวลส์จะลงแข่งกับออสเตรียในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก มานูเอล ยูเลีย คอลัมนิสต์จากหนังสือพิมพ์มาร์ก้า เขียนบทความสุดโหดด่าแกเร็ธ เบล โดยพาดหัวว่า "ปรสิตจากเวลส์"
โอเค เรารู้กันอยู่แล้วว่า ว่ามาร์ก้าคือสื่อในมือของเรอัล มาดริด ก็ไม่แปลกถ้าจะมีการแซะเบล แต่การเปิดหน้าด่ากราดขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องปกตินัก
บทความของมานูเอล ยูเลีย มีเนื้อความว่า "ปรสิตที่ชื่อเบล มันมาจากประเทศอังกฤษที่หนาวเย็นและฝนตกตลอดเวลา เขาย้ายมาอยู่ในสเปน กับเรอัล มาดริด ในช่วงแรกก็ดูมีความตั้งใจและความรักให้แฟนบอลอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นธรรมชาติของปรสิต ทำให้เขาเลือกจะดูดเลือดสโมสร โดยไม่คิดจะให้อะไรตอบแทนคืนมา ไม่สิ ไม่ใช่แค่ดูดเลือด แต่เขาดูดเงินของสโมสร ดูดแล้ว ดูดอีก"
"แล้วปรสิตตัวนี้ ไม่เหมือนพวกหมัด เหา หรือตัวเรือด มันไม่ใช่แค่ทำให้คุณคัน หรือรำคาญ หลังจากดูดเลือดเสร็จ มันหัวเราะ และเยาะเย้ยคุณซ้ำด้วย ดูพฤติกรรมที่เขาทำ เขาหัวเราะ ปรบมือ ล้มกลิ้งไปในสนามซ้อม ร้องเพลง ทำท่าทางที่น่าอับอายสารพัด"
"โชคดีอย่างเดียวของเรอัล มาดริด ที่สัญญาของเขาจะหมดลงในฤดูกาลนี้ เอาเป็นว่าก็เหมือนโชคร้ายทุกอย่างบนโลกนี้ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป"
เป็นคำด่าที่แรงสุดๆ แบบไม่ปราณีกันเลย นำมาสู่คำถามว่า ทำไมเบลโดนเล่นงานหนักขนาดนี้? เพื่อความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เราต้องไปเล่าแบ็กกราวน์กันตั้งแต่แรก
เบลย้ายจากสเปอร์ส มาเรอัล มาดริด ในปี 2013 ด้วยค่าตัวสถิติโลก 100 ล้านยูโร ซึ่งในช่วงแรก เขาก็เป็นที่รักของแฟนๆ จริงๆ
เบล สร้างผลงานมหัศจรรย์มากมาย ทั้งลูกสปรินท์กระชากหนีมาร์ก บาร์ตร้า ในนัดชิงโกปาเดลเรย์ ปี 2014 รวมถึงการทำประตูสำคัญในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปีเดียวกัน
La Decima หรือแชมป์ยุโรปสมัยที่ 10 ที่มาดริดรอคอยมานาน มันเกิดขึ้นได้จริง ก็ตอนที่เซ็นเบลเข้ามานี่เอง เขาทำให้แนวรุก BBC มันสมบูรณ์ เบลส่งเสริมให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ คาริม เบนเซม่าเล่นดีขึ้นด้วย
เมื่อผลงานยอดเยี่ยมขนาดนี้ ในปี 2016 สโมสรจึงต่อสัญญาฉบับใหม่ให้เบลยาวไปจนถึงซัมเมอร์ปี 2022 ซึ่งก็ไม่บ่อยนัก ที่เราจะเห็นการเซ็นกันยาว 6 ปีเต็ม แต่เรอัล มาดริดก็มั่นใจว่าเบลจะเป็นทีเด็ดของทีมในระยะยาว
สัญญาฉบับใหม่นี้ เบลได้ค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นสองเท่า เป็น 600,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ ในโลกนี้มีนักเตะแค่ 3 คน ที่ได้เงินมากกว่าเขา คือลีโอเนล เมสซี่, เนย์มาร์ และ ออสการ์
เงิน 600,000 ปอนด์ คิดเป็นเงินไทยคือ 26.6 ล้านบาทต่อสัปดาห์ ลองคิดดูว่าคุณทำเงินได้มากขนาดนี้ ก็รวยจนไม่รู้จะรวยยังไงแล้ว
ในสนาม เบลก็เล่นได้โอเค ตามมาตรฐานของตัวเอง แต่ก็มาเกิดจุดเปลี่ยนสำคัญในซีซั่น 2017-18 เมื่อเฮดโค้ช ซีเนอดีน ซีดาน ต้องการให้ประธานสโมสร ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ขายเบลทิ้ง เพราะเขาจะเริ่มสร้างทีมในเจเนเรชั่นใหม่ขึ้นมาแล้ว โดยตัวรุกก็จะนำโดยกลุ่มผู้เล่นสเปน เช่นอิสโก้ หรือ มาร์โก อเซนซิโอ
ตอนแรกก็เหมือนเปเรซ จะทำตามที่ซีดานต้องการ แต่ปัญหาคือ เบลมาโชว์ฟอร์มสุดยอด ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิง ปี 2018 ด้วยการยิง 2 ประตู พาทีมชนะลิเวอร์พูล 3-1 โดยหนึ่งในนั้นคือการโอเวอร์เฮดคิกอันสวยงามหมดจดอีกด้วย
แล้วยิ่งประกอบกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตัดสินใจย้ายไปยูเวนตุสหลังจบเกมแชมเปี้ยนส์ลีก ทำให้เปเรซ กลับลำ 180 องศา เขาจะเสียทั้งโรนัลโด้และเบลไปในซัมเมอร์เดียวกันไม่ได้ สุดท้ายจึงเลือกจะเก็บเบลเอาไว้เพื่อเป็นคีย์แมนให้ทีมต่อไป
เมื่อเปเรซไม่ทำตามที่ขอ ส่งผลให้ซีดาน ประกาศลาออกทันที ทั้งๆที่เพิ่งได้แชมป์ยุโรป 3 สมัยซ้อนมา
พอเสียซีดาน เรอัล มาดริด เปลี่ยนโค้ชเป็นฆูเลน โลเปเตกี และเปลี่ยนอีกครั้งเป็นซานติอาโก้ โซลารี่ ซึ่งผลงานก็ย่ำแย่ลงจนน่าตกใจมาก ถึงตรงนี้ เปเรซรู้แล้วว่าการเสียซีดานไป มันเสียหายหนักขนาดไหน เขาจึงทาบทามซีดานกลับมา ในเดือนมีนาคม 2019 แต่คราวนี้ซีดานมีเงื่อนไข คือต้องปล่อยเบลทิ้งจากทีมให้เขาด้วย
ในซัมเมอร์ปี 2019 เรอัล มาดริด จึงประกาศปล่อยเบล ที่เหลือสัญญา 3 ปี ออกจากทีมแบบไม่มีค่าตัว โดยทีมที่ติดต่อเข้ามาคือเจียงซู ซูหนิงจากจีน ที่พร้อมจ่ายค่าเหนื่อย 600,000 ปอนด์ เท่าที่เบลได้รับ
เบล กับเจียงซู ซูหนิง ตกลงกันได้หมดแล้ว มีการทำโปสเตอร์โฆษณาเบลใส่เสื้อเจียงซู เริ่มโปรโมทกันแล้ว แม้แต่ซีดานก็ยังให้สัมภาษณ์ว่า "ผมไม่ได้มีอะไรเป็นการส่วนตัวกับเบล เรากำลังเจรจากับสโมสรที่พร้อมรับเขาไปอยู่ และถ้าเขาย้ายออกจากทีมวันพรุ่งนี้ มันจะเป็นเรื่องดีสำหรับทุกคน"
แต่จุดที่ทำให้ดีลล่ม คือความสับสนเรื่องการเงินของเรอัล มาดริดเอง ที่เปลี่ยนใจ ไม่ยอมให้เจียงซูเซ็นฟรี เพราะมองว่านักเตะอย่างเบล ที่เหลือสัญญาตั้ง 3 ปี จะเซ็นฟรีแบบนี้มันไม่แฟร์ จึงเปลี่ยนเงื่อนไข ให้เจียงซู จ่ายค่าตัวส่วนหนึ่งมาด้วย
สุดท้ายเจียงซู จ่าย 2 อย่างพร้อมกันไม่ไหว ดีลจึงล่ม คอสมิน โอลารู โค้ชของเจียงซู ซูหนิงกล่าวว่า "เราพร้อมจ่ายค่าเหนื่อยของเบล ซึ่งแพงมหาศาลมาก แล้วอยู่ๆมาดริดจะมาเรียกค่าตัวด้วยอีก ซึ่งแบบนี้มันเกินงบของเราไปแล้ว จริงๆดีลทุกอย่างลุล่วง 90% แล้ว แต่คนที่ทำให้มันล่มคือฝั่งมาดริด ไม่ใช่เรา"
ความจริง มีสโมสรอื่นที่ยังสนใจเบลอยู่ แต่ปัญหาคือค่าเหนื่อยมหาศาล 600,000 ปอนด์ต่อวีก ไม่มีใครจ่ายได้ ทีมส่วนใหญ่จ่ายได้แค่ระดับ 2-3 แสนปอนด์ต่อวีกเท่านั้น ถ้าเบลจะย้ายไป ก็ต้องลดค่าเหนื่อยของตัวเองลงมากกว่าครึ่ง ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธทุกข้อเสนอแล้วอยู่เรอัล มาดริดต่อ
ซีดาน พยายามกดดันเบล ด้วยการส่งลงสนามน้อยมากๆ จนเบลหายไปจากวงโคจร เป็นการบอกว่า คุณอยู่ต่อ ก็ไม่ค่อยได้ลงนะ จะอยู่ต่อจริงหรือ?
จริงๆ ก่อนหน้านี้ เบลเคยเป็นผู้เล่นที่มีลุ้นบัลลงดอร์ด้วยซ้ำ แต่พอไม่ได้เล่นฟุตบอลสม่ำเสมอแบบนี้ โอกาสจะได้โทรฟี่ส่วนตัวอะไร ก็เป็นไปได้ยาก
แต่สิ่งที่เบลทำ ผิดจากที่ทุกคนคาด นั่นคือ คุณไม่ส่งผมลงเล่นก็ตามใจ ผมแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ครบก็พอ ไปซ้อมตรงเวลา ซ้อมเสร็จกลับบ้าน สุดสัปดาห์รับเงิน
นี่คือกลยุทธ์ที่โคล้ด มาเกเลเล่ ที่ครั้งหนึ่งเคยมีปัญหากับเชลซี เคยใช้ โดยมาเกเลเล่กล่าวว่า "เวลาผมอึดอัดใจ จะทำอย่างไรน่ะหรือ ผมเปิดดูบัญชีธนาคาร แล้วก็อมยิ้มไง"
เบลซ้อมฟุตบอลตามหน้าที่ พอวันหยุดก็เอาเครื่องบินส่วนตัวไปเที่ยวตามเมืองต่างๆ ไปออกรอบตีกอล์ฟ ไปผลาญเงินอย่างเพลิดเพลิน เขาไม่เข้าร่วมกิจกรรมใดๆ กับนักเตะในทีมทั้งสิ้น เป็นเพื่อนกันแค่ในสนามซ้อมพอ
การที่เบลไม่แคร์เรอัล มาดริด แค่ซ้อมตามหน้าที่ให้ผ่านไปวันๆ เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้กันดี และนั่นจึงเป็นที่มา ของเหตุการณ์ในเกมยูโร 2020 รอบคัดเลือก ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2019 พอจบเกมที่เวลส์ชนะฮังการี 2-0 เพื่อนๆทีมชาติ ทำป้ายมาฉลองแซวว่า WALES.GOLF.MADRID. In that order (เวลส์ > กอล์ฟ > มาดริด เรียงความสำคัญตามนี้!) ซึ่งเบลก็หัวเราะอย่างชอบใจตอนเห็นป้าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแฟนๆมาดริดจะแค้นแค่ไหน เพราะเหมือนเบลเห็นคุณค่าของกอล์ฟสูงกว่าต้นสังกัดด้วยซ้ำ
การมีอยู่ของเบล มีแต่ส่งผลในแง่ลบต่อเรอัล มาดริด เพราะเบลเป็นผู้เล่นซีเนียร์ แต่กลับทำตัว Toxic ไม่สร้างบรรยากาศที่ดีภายในสโมสร เหมือนเจตนาคือมารับเงินแล้วกลับบ้านแค่นั้นจริงๆ มันมีผลกระทบต่อนักเตะคนอื่นให้ขาด Passion ไปด้วย
นอกจากนั้นการคงอยู่ของเบล ทำให้ทีมเสียเงินไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่โค้ชไม่ได้ใช้งาน อย่าลืมว่าเบลได้ค่าเหนื่อยแพงที่สุดของสโมสรอยู่ คุณต้องจ่ายเงินขนาดนี้ ให้นักเตะที่หมดใจอย่างนั้นหรือ
เรื่องนี้ทำให้แฟนเรอัล มาดริด โกรธแค้นเบล ในแง่ว่าคุณเป็นนักฟุตบอลประสาอะไร ไม่คิดจะทะเยอทะยานเพื่อความสำเร็จของตัวเองหน่อยหรือ แล้วตอนนี้ทีมกำลังลำบาก โควิดก็ทำให้รายได้ลด แล้วยังต้องระดมทุนสร้างสนาม ทำไมต้องมาเสียเงินกับนักเตะที่ปล่อยใจไปวันๆ อย่างคุณด้วย
แต่ถามว่ามีใครทำอะไรเบลได้ไหม? คำตอบคือไม่มี เพราะตอนเซ็นสัญญาฉบับใหม่ กันในปี 2016 เบลไม่ได้บังคับให้สโมสรยื่นสัญญาให้เสียหน่อย แต่สโมสรตัดสินใจด้วยตัวเอง
ในเมื่อเขาทำทุกอย่างครบ มาซ้อมทุกครั้งไม่เคยสาย แล้วเรอัล มาดริดจะไปทำอะไรได้ คุณจะไม่ใช้งานผมก็เรื่องของคุณ แต่ก็ต้องจ่ายเงินตามที่ตกลงกันไว้มาแค่นั้น
เรอัล มาดริดออกตัวอะไรไม่ได้มาก แต่ก็ใช้ นสพ.มาร์ก้าเป็นเครื่องมือ รูเบน ฆิมิเนซ คอลัมนิสต์ของมาร์ก้า เขียนโจมตีว่า "ให้ตายเถอะ เบลตั้งใจจะหัวเราะอยู่บนสแตนด์ไปจนถึงปี 2022 จริงๆน่ะหรือ เขามีความตั้งใจจะเล่นฟุตบอลอยู่บ้างหรือเปล่า"
สิ่งที่มาดริดทำผ่านมาร์ก้า คือโจมตีเรื่องจิตสำนึกของเบล เตือนว่าถ้าทำแบบนี้ ภาพลักษณ์คุณก็จะเสียหายเอง แฟนบอลมาดริดจากที่ควรจะรัก ก็จะเกลียดคุณ อนาคตไม่สามารถกลับมาร่วมงานกันในทางอื่นๆ เช่น ทูตสโมสร ได้ รวมถึงย้ำว่า คุณจะทนไม่มีความสุขแบบนี้ต่อไปทำไม คนเราปกติ คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยากไม่ใช่หรือ?
แต่เบล ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ทำไมเขาต้องทิ้งรายได้มหาศาลแล้วไปรับเงินน้อยลงด้วยล่ะ ถ้ามาดริดไม่อยากให้เขาอยู่ ก็ฉีกสัญญาแล้วจ่ายส่วนต่างมาสิ
ในมุมของแฟนเรอัล มาดริดบางส่วน และ มาร์ก้า จึงมองเบลว่าเป็นปรสิตที่คอยกัดกินสโมสร สูบเลือดสูบเนื้อ ไม่มีความรักใดๆ ให้กันเลย
แต่ในทางตรงข้าม เบลจะมองว่าเขาเคารพสัญญาทุกอย่าง ตอนเซ็นสัญญาก็ตกลงใจร่วมกัน แล้วคุณจะมาบีบให้ผมไปรับเงินน้อยลงที่อื่นได้ยังไง
เรื่องราวมันเลยคาราคาซังมาเรื่อยๆ แบบนี้ หลังจากซีดานอำลาทีม เป็นคาร์โล อันเชล็อตติ เข้ามาคุมแทน อันเช่ตอนแรกก็ใช้งานเบลอยู่ 3 เกมแรกของฤดูกาลนี้ ส่งลงเป็นตัวจริงครบทุกนัด แต่เบลก็มาเจ็บเข่า เจ็บน่อง ตามด้วยติดโควิด ไปๆ มาๆ อันเช่เลยต้องไป ใช้งานนักเตะคนอื่นแทนยาวมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนเบล ก็รับบทแค่ตัวสำรองเท่านั้น
สำหรับเบล ตอนนี้เขาก็อยู่สบายๆ แล้ว อีก 3 เดือนสัญญากับเรอัล มาดริดจะหมด พอรับเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็แยกย้ายกันไปแค่นั้น
-------------------------------
แบ็กกราวน์ของเรื่องเป็นแบบนี้ เป็นที่มา ที่ทำให้เขาโดนคอลัมนิสต์จากมาร์ก้าด่าว่าเป็น ปรสิตจากเวลส์
ยิ่งตอนมาซ้อมให้เวลส์ ยิ้มหน้าชื่นตาบาน ดูเหมือนมีความสุขมากๆ เป็นชนวนให้ฝั่งมาดริดมีความไม่พอใจมากขึ้นไปอีก
จริงๆ ไม่ใช่แค่มาร์ก้า แต่รายการดัง Chiringuito ก็คอนเมนต์ว่า "เบลต้องถูกกำจัดทิ้งเดี๋ยวนี้เลย จ่ายเงินค่าสัญญาไปซะให้จบๆ เราจะปล่อยให้เขามาหัวเราะเยาะใส่ทีมของเราแบบนี้ไม่ได้"
เช่นเดียวกับโทมัส รอนเชโร่ จากนสพ.อาส เขียนบทความว่า "เบล ออกไป-เดี๋ยว-นี้"
อย่างไรก็ตาม เบล ไม่ได้ไปแสดงอารมณ์โมโหอะไรที่โดนฝั่งสเปนแซะ เขาตอบโต้ด้วยผลงานในสนาม ในเกมที่เวลส์ชนะออสเตรีย 2-1 เบลยิงฟรีคิกสุดงามในครึ่งแรก ตามด้วยตะบันเสียบสามเหลี่ยมในครึ่งหลัง เขายิงสองลูกพาเวลส์ไปรอเจอผู้ชนะระหว่างสกอตแลนด์ กับ ยูเครน คือทรงนี้ มีโอกาสดีทีเดียวที่จะได้ไปฟุตบอลโลก
เบล แสดงมาตรฐานให้เห็นว่า ถ้าคุณส่งผมลง ผมก็พร้อมทำผลงานได้ดีแบบนี้แหละ แต่คุณไม่ใช้งานผมเอง ทั้งๆที่ มีสัญญากันอยู่ แล้วจะไปโทษใครได้ล่ะ
ขณะที่ประเด็นคอลัมน์ "ปรสิตจากเวลส์" ของมาร์ก้า เบลได้อ่านบทความแล้วเรียบร้อย หลังเกมชนะออสเตรีย เขาเขียนอธิบายความรู้สึกตัวเองทางทวิตเตอร์ มีใจความว่า "เวลาผู้คนฆ่าตัวตายเพราะถูกสื่อมวลชนเล่นงานโจมตี ถามหน่อยว่าใครรับผิดชอบกับเรื่องนี้ได้บ้าง สำนักข่าวปล่อยให้นักเขียนแบบนี้ เขียนบทความออกมาได้ยังไง"
"แต่ผมโชคดีที่อยู่หน้าสปอตไลท์มานาน จนหนังหนามากพอ ที่จะไม่ไปฆ่าตัวตาย แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ได้รู้สึกอะไรนะ บทความเหล่านี้ มันสร้างความเสียหาย และสร้างความผิดหวัง เพราะมันเป็นเรื่องราวที่ไร้สาระมากๆ เลย"
"สื่อมวลชนคาดหวังผลงานระดับเหนือมนุษย์จากนักกีฬาอาชีพ พวกเขาจะเป็นคนแรกที่มาฉลองกับนักกีฬาถ้าประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พลาดขึ้นมา พวกเขาจะไม่สนใจเลยว่ามนุษย์ทุกคนก็พลาดได้ แต่สื่อจะไล่ฉีกนักกีฬาคนนั้นให้เป็นชิ้น และกระตุ้นให้แฟนๆ โกรธแค้นนักกีฬาคนนั้นด้วย"
"ความกดดันของนักกีฬามันมหาศาลนะ และสื่อแย่ๆ จะยิ่งเพิ่มความเครียดให้นักกีฬา หรือใครสักคนที่อยู่กลางแสงไฟ มากขึ้นไปอีก จนพวกเขาอาจทำอะไรเลวร้ายลงไปก็ได้"
"ผมหวังว่าในอนาคต เด็กๆ จะมีทักษะในการแยกแยะข่าว อันไหนดี อันไหนแย่ ได้ด้วยตัวเอง และผมก็หวังว่านักข่าวควรมีจรรยาบรรณในการนำเสนอมากกว่านี้ กฎเกณฑ์ต่างๆ ในวงการสื่อก็ควรจะเข้มงวดกว่านี้ด้วย"
"ผมอยากจะให้โพสต์นี้ เป็นการกระตุ้นให้สังคมเปลี่ยนแปลง วิธีที่คุณวิจารณ์คนอื่น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อย่าคาดหวังอะไรที่โอเวอร์เกินจริง อย่าคิดเอาเอง ว่าเขาต้องทำแบบนั้น แบบนี้ อย่างที่คุณต้องการให้ได้"
"และทั้งหมดนี้ ผมว่าทุกคนรู้ดีว่า ปรสิตที่แท้จริงคือใคร!"
คำกล่าวของเบล เป็นการโจมตีสื่อสเปนแบบตรงไปตรงมา นอกจากจะวิจารณ์เรื่องจรรยาบรรณแล้ว เขายังด่ามานูเอล ยูเลีย ว่าแกเองต่างหาก ที่เป็นปรสิต ที่สร้างชื่อเสียงด้วยการเกาะกระแสเขียนด่าเรื่องของเขา
เรื่องราวของเบล ก็จบลงตรงนี้
การตัดสินใจ ปักหลัก โกยเงิน แม้ไม่ได้ลงเล่นก็ไม่แคร์ แบ่งความเห็นของแฟนบอลเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายแรกคิดว่า น่าเสียดายสำหรับเบล ที่ทิ้งช่วง Prime ของตัวเองไปกับการอยู่บนม้านั่งสำรอง
นับจากปี 2019 - 2022 เบลมีอายุ 30 31 32 ยังเล่นฟุตบอลได้อย่างแข็งแกร่งอยู่ และถ้าไปอยู่กับทีมดีๆ หน่อย ได้ลงเป็นประจำทุกสัปดาห์ เขาอาจมีลุ้นบัลลงดอร์ได้เลย
โอเค อยู่กับที่อื่นอาจได้เงินน้อยกว่า แต่มันก็ระดับ 2-3 แสนต่อวีก ซึ่งก็มหาศาลมากอยู่ดี
แล้วเงินเท่าที่เขามี ก็มากจนไม่รู้จะมากยังไงแล้ว ยอมรับเงินน้อยลงหน่อย แต่ได้อยู่บนแถวหน้าของวงการต่อไปเรื่อยๆ ไม่ดีกว่าหรือไง
ความเห็นหนึ่งในโลกออนไลน์เขียนว่า "เบลมีศักยภาพพอที่จะเป็น GOAT ได้ แต่เขาไม่เลือกจะมุ่งหน้าไปทางนั้น เขาทิ้งพรสวรรค์ของตัวเองไปอย่างน่าเสียดายจริงๆ"
อีกอย่าง ถ้าเบลอำลาทีมแต่แรก ทุกคนก็แฮปปี้หมด กับสโมสรก็เป็นการแยกจากกันด้วยดี ไม่ใช่อำลากันด้วยความโกรธเคืองแบบในวันนี้ คิดตามหลักมีคนรักเยอะๆ ก็น่าจะดีกว่ามีคนเกลียดนะ
นั่นคือมุมแรก แต่ก็มีอีกฝ่ายจำนวนไม่น้อย ที่มองว่า เบล คงคิดมาดีแล้ว เพราะเอาจริงๆ เขาก็ประสบความสำเร็จสูงสุดแล้วในระดับสโมสร ด้วยการคว้าแชมป์ยุโรป 4 สมัย ไม่เห็นต้องไปพิสูจน์ตัวเองกับที่อื่น
แล้วเขาก็ทำทุกอย่างตามกฎทุกอย่าง คุณจะเกลียดผมก็เกลียดไป จ่ายเงินมาแล้วกัน
ลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าคุณได้เงินเดือน 60,000 บาท แล้วโดนบริษัทกดดันให้ไปรับเงินเดือน 30,000 ที่อื่น คุณจะไปไหม ถ้าคุณยังไม่อยากไป แล้วทำไมเบลต้องไปด้วย
เบลอยู่ไปเรื่อยๆ ให้ครบสัญญาดีกว่า แล้วพอได้เงินครบ เขาก็เพิ่งอายุ 32 ยังมีเวลาประสบความสำเร็จกับที่อื่นอยู่ ปัจจุบันโรนัลโด้อายุ 37 ปี แต่ยังเล่นในระดับสูงได้ ทำไมเขาจะทำไม่ได้บ้าง
อีกอย่าง การกระทำของเรอัล มาดริดก็ไม่เห็นจะสง่างามตรงไหน จ่ายค่าเหนื่อยแพงๆ เพื่อรั้งให้นักเตะอยู่กับทีม แล้วพอใช้งานไม่ได้ ก็จะโละทิ้งโดยเอาสื่อมวลชน เอาคำว่าจิตสำนึกมากดดันให้นักเตะยอมย้ายไปเอง ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะยอม แต่เบลไม่แคร์ และเป็นแค่ไม่กี่คนที่กล้าต่อกรกับทีมใหญ่แบบมาดริดโดยไม่กลัวเลย
จากนี้ไป ก็แน่นอนว่าเบลจะโกยเงินให้ครบในอีก 3 เดือนสุดท้าย แล้วอำลาเรอัล มาดริด ไปเล่นที่อื่นแทน ด้วยวัย 32 ปี
เมื่ออยู่ครบสัญญา นี่คือนักเตะที่เรอัล มาดริด เสียเงินค่าเหนื่อยให้มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์
สามปีแรก (2013-2016) เบลรับค่าเหนื่อย 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ จากนั้นอีก 6 ปีหลัง (2016-2022) เบลรับค่าเหนื่อย 600,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ รวมแล้วใน 9 ปี เบลได้เงินไป 234 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 10,375 ล้านบาท
ดังนั้นในวันที่เบลอำลาทีม นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าสโมสรจะมี Reaction อย่างไร
จะกล่าวสรรเสริญ ในฐานะคนที่สร้างความสำเร็จมากมายให้ทีม หรือ กล่าวขอบคุณแบบผ่านๆ อย่างเสียไม่ได้ เพราะโดนเบลดูดค่าเหนื่อยไปมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ไม่ว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร แต่สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ ก็จะเป็นกรณีศึกษาที่ดี ให้โลกฟุตบอล ว่าถ้าสองฝ่ายมีสัญญากันแล้ว ต่อให้ชอบใจหรือไม่ชอบใจอย่างไร คุณก็ต้องเคารพมัน และทำตามคำสัญญาให้ลุล่วงไปให้ได้ โดยไม่ผิดคำพูดของตัวเอง
#PARASITEORRIGHTTODO
- 13
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
