27 มี.ค. 2022 เวลา 02:21 • ความคิดเห็น
- เชื่อเถอะ ว่าเกิดมาเป็นคน ยังไงก็ต้องเจอ แต่จะมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับ... ดวงมั้ง 😑
- ในสังคมมนุษย์ เป็นสังคมที่น่ารำคาญที่สุด คนเราเวลารวมกลุ่มกัน ส่วนใหญ่ก็จะนินทาคนอื่น มันเป็นเหมือนกลไกรอย่างหนึ่งในตัวของมนุษย์ทุกคน แต่ถ้าบ้านไหนที่พ่อแม่ใส่ใจลูกแล้วอบรมสังสอนให้รู้เท่าทันกลไกรแย่ ๆ ของนิสัยมนุษย์ล่ะก็ คนคนนั้นก็จะรู้กหลีกเลี่ยงการนินทาว่าร้ายคนอื่น
- เราเองก็เคยใช้ชีวิตช่วงนึ่งไปกับความพยายามแบบนั้นค่ะ ด้วยความถูกปลูกฝังมาเรื่องการเป็นคนขายของที่ดี แต่เราก็หลุ่นพ้นจากเรื่องนินทาคนอื่นหรือการถูกคนอื่นนินทาไม่ได้หรอก สิ่งที่เราทำได้ก็มีแค่การทำใจและไม่ไม่ใส่ใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
- แต่เมื่อหลายปีที่ผ่านมานั้น เราที่ไม่สนใจจะใช้ชีวิตต่อก็เริ่มที่จะออกมาด่าพวกข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น เจ้าพวกสิ่งมีชีวิตน่ารังเกียจพวกนี้ ยิ่งขุดค้นเรื่องของพวกแม่งลงไป ก็ยิ่งเจอมุมมองน่าสะอิดสะเอียน ...เราขอบอกก่อนนะ ว่าเวลาเราขุดเรื่องใครจริง ๆ เราจะมองหาข้อดีของคนคนนั้นเป็นที่ตั้ง มันเป็นนิสัยที่ไม่ดีต่อการหาข้อมูลค่ะ แต่มันก็ติดเป็นนิสัย กว่าจะเอามันออกได้ก็ต้องไปเจอความจริงที่เลวร้ายเอาเรื่อง ความจริงที่คนร้ายที่ก่อคดีแบบนี้มัน.... หาคำอธิบายไม่ถูก มันข้านขั้นความน่าทุเรจของจริงไป แล้วก็เลยความสมเพศไปไกลมากจนไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าอะไรดี
- คนส่วนใหญ่ที่เห็นแค่ส่วนนี้ก็คงหันหน้าหนีไปแล้ว แต่เรดาก็ลองศึกษาคนกลุ่มนี้ต่อ ไม่ใช่เพราะความอยากรู้อะไรหรอกค่ะ แค่สงสัยว่ามันเสียที่ตรงไหน แล้วอะไรเป็นเหตุที่ทำให้คนพวกนี้ลงมือทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้ แล้วคนแบบนี้จะเป็นยังไงต่อ ...
- คนที่ทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนมีอนาคตที่ดีนะ แปลกใจมั้ย แรก ๆ เราก็แปลกใจ แต่พอเข้าใจเรื่องสังคมรวมฝูงแล้วก็เข้าใจ... แถมได้เห็นข้อเสียของมันด้วย ระบบของงานต่าง ๆ ถ้ามีเรื่องของเส้นสายเข้ามาเกียวเมื่อไหร่ ประสิทธิภาพขององค์กรจะลดลงทันที
- แต่เรื่องคุณภาพของงาน มันก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย และเราก็ขี้เกียจจะพูดเรื่องนี้มาก ๆ เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นดาบสองคม เราว่าเขา เขาก็ว่าเรา และมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย คือ...งานของพวกเขาก็ไม่ได้ดีขึ้นมากพอ ตัวเราเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย แต่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือความเกลียดชัง
- เราเป็นคนนึงค่ะ โดนนินทาว่าร้ายมาทั้งชีวิต เรียกว่าตั้งแต่เกิดเลยว่าได้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่งเป็นเวรกรรมอะไร เรื่องนึงที่เรามั่นใจก็คือ เราไม่ว่าร้ายใครก่อน ยิ่งสมัยก่อนรนรงค์เรื่องการข่มขืน ยิ่งไม่เคย เราเคยนินทาคนอื่นจริง แต่ทุกครั้งเราจะคิดก่อนว่า ไอ้คนนั้นมันเคยว่าเรามั้ย
- สมัยเด็กนี่ โดนว่าแต่เรื่องแรง ๆ คือ... เป็นเด็กดวงซวยที่ก็ไปรู้เรื่องเหี้ย ๆ ของคนอื่นเยอะ แล้วเราก็ไม่ใช่คนเดียวที่รู้ เรื่องแย่ ๆ ในสังคมมันไปไวจะตาย มีคนอื่นปากโป้งไปเล้าให้คนอื่นฟัง แต่ตัวคนพวกนี้แม่งก็ขี้ขลาด กลัวคนรู้ว่ามันเอาไปพูด ก็โยนให้คนอื่น ส่วนมาเราก็จะซวยค่ะ ... เนี่ย การใช้ชีวิตแบบไม่เสือกเรื่องใคร ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะได้อยู่อย่างสงบนะ
- เรื่องแบบนี้ โดนบ่อย ๆ เข้าก็ชินได้ค่ะ เราเลยไม่แปลกใจเวลาคนมาขุดเรื่องตัวเองแล้วจะเริ่มใช้สายตาดูถูกใส่แล้วก็เกลียดเรา เพราะขนาดตัวเราเองตามเรื่องของตัวเองยังงง งงว่าพวกนี้พูดถึงใคร ? พูดถึงเราเหรอ ? แล้วเราไปทำอย่างนั้นเมื่อไหร่ ? พอเข้นถามหนักเข้าก็เริ่มเจอการคลีนตัวเอง การคลีนตัวเองของคนเรา ส่วนมากจะมีความจริงปนอยู่ แต่มันมักออกมาในแบบที่ทำให้ตัวเองดูดี คนส่วนมากจะเป็นแบบนั้นแหละค่ะ แต่เราเจอความยุ่งยากมากกว่า เพราะเรื่องของเรามันมีบางจุดแปลก ๆ มีบางเรื่องที่เหมือนคนเขาไม่ค่อยอยากพูด เราก็เลยต้องใช้ตัวช่วยนิดหน่อย ก็ได้เรื่องราวมาค่อนข้างครบมั้ง
- เรื่องที่คนเขาไม่อยากพูดถึงเรา มันเป็นเรื่องเลวร้ายที่... อย่ารู้เลยดีกว่า (เพื่อตัวพวกคุณเอง) มันเป็นเรื่องสมัยเด็กมาก ๆ ประมาณ 1-2 ขวบ แบบ... เด็กขนาดนั้น จำไม่ได้ก็ไม่น่าแปลก แต่ที่เราติดใจคือ ชาวบ้านเขาเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง และเราเองก็คิดดูแล้วว่ามันมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเรื่องจริง เพราะมันตอบข้อสงสัยของเราได้หมด ว่าทำไมถึงเจอพวกโรคจิตบ่อย ๆ แล้วทำไมคนพวกนั้นถึงทำแบบนั้นกับเรา
- ทีนี้... ก็เหลือแค่การไปเข้นถามเอากับเจ้าตัว ซึ่งบางที่ก็อาจจะไม่จำเป็น เพราะถ้าเข้นถามแล้วผลมันออกมาว่าเป็นเรื่องจริง เราอาจจะฆ่ามันเลยก็ได้ ... มันอาจจะดูโหดร้ายไปหน่อย แต่ก็ยอมรับความจริงจากใจว่า โอกาสที่จะเกิดขึ้นก็สูงมากค่ะ
- แต่เราก็ได้เรียนรู้จากเรื่องพวกนี้มาเยอะทีเดียว พอได้ลองคิดทำความเข้าใจคนร้ายดูแล้ว มันก็สะอิดสะเอียน แล้วมันก็ตอนคำถามหลายข้อของเราได้หมดว่าทำไมสังคมถึงไม่เจริญ เพราะพอคนกลุ่มนี้หลุดเข้าไปมีโอกาสเติบโตในสังคม มันก็เกิดเป็นปัญหาเกียดใหม่ ๆ ขึ้นมา แล้วมันยึดโยงกันไปแทบจะทุกอย่าง
- พอคนจัญไรได้ดีโดยที่ยังไม่เคยสำนึกผิด และไม่เคยได้รับโทษของตัวเอง สิ่งที่ตามมาก็คือเครือข่ายตัวปัญหาที่เข้าไปแก้ไขระบบทำให้พวกตัวเองมีโอกาสมากขึ้น ซึ่งมันไปแย่งโอกาสของคนอื่นที่เขาเหมาะสมกว่าและควรจะได้ แล้วพอเรามองดูสภาพสังคมตอนนี้ ... เข้าใจแล้วว่าทำไมทำไมมันดูง่อย ๆ แล้วทำไมมันถึงมีแต่ความเชื่อพิลึกพิลัน
- ถามว่าทางแก้มันมีรึเปล่า ... มีค่ะ แต่เขาไม่อยากทำ เราดูมานานละ เรื่องการทำลายทรัพกรณ์ของคนอื่น แล้วตัดโอกาสคนอื่น จากนั้นก็ปล่อยกู้พอประมาณ เงินกู้มันคือยาพิษชนิดนึง ถ้าได้มามากพอ ยาพิษมันก็เป็นยารักษาได้ (ขึ้นอยูกับคน) แต่ถ้าน้อยไป มันจะเป็นยาเลี้ยงไข้ที่โหดร้ายมาก ๆ
-ปัญหาหนี้ ถ้าแก้รูปแบบการใช้หนี้ได้ ทุกคนที่เป็นหนี้ก็มีสิทธ์ปลดหนี้ได้ เช่นการพักชำระหนี้, การลดดอกเบี้ยตามกฎหมายเรื่องดอกเบี้ยนี่สำคัญมากนะ ถ้าดอกเบี้ยตามกฎหมายลดจนเท่ากับธนาคาร หนี้เงินนอกระบบจะน้อยลง เพราะยอมรับเถอะว่า พวกไปขอกู้ธนาคารมา ส่วนมากกู้มาก็ไปได้สร้างอะไร แล้วเอามาปล่อยกู้ต่อ เป็นยาพิษให้คนอื่นไปอีก
- การช่วยคน ถ้าตั้งช่วยจริง คนรอดกันนานแล้ว ... มีธนาคารรับซื้อหนี้ที่กล้าบังคับดอกเบี้ยมั้ยละ แล้วเงินกู้ sme กล้าปล่อยให้ทุกคนแค่ไหน เราเป็นคนนึงที่ไม่เคยเข้าถึงเงินกู้ที่มากพอจะช่วยให้ตัวเองรอดได้เลย คือ ... มีสิทธ์กินได้แค่ยาพิษ แล้วก็อยู่บนความเสี่ยงมาตลอด ถึงอย่างนั้นเราก็ยังเฉือนเนื้อตัวเองช่วยเขา ทั้งที่ตัวเองก็เอาตัวรอดโคตรยากขนาดนี้ ...
- คิดดูแล้ว ... ทั้งชีวิตเราที่เสียสละโอกาสมากมายให้คนอื่น ก็ไม่เคยได้อะไรกลับมาเลยนี่หว่า ... โอกาสที่ให้คนอื่นไปมันก็...นอกจากจะไม่ได้อะไรตอบแทนแล้ว บางคนที่ได้ดิบได้ดี แม่งก็เสือกมาสร้างสังคมหัวXXX กดทับคนอื่นอีก ...
- ปัญหาหนี้สิ้น ถ้าแก้ได้ ชีวิตคนส่วนใหญ่จะดีแหละมีความสุขขึ้นจนผิดหูผิดตาเลย แต่มันไม่มีใครอยากแก้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเงินกู้โง่ ๆ ที่ปล่อยกู้มาแล้วไม่ได้สร้างเหี้ยอะไรเลย คนก็ไม่อยากจะแก้ เพราะอะไรน่ะเหรอ .... เพราะการหยอดยาพิษแบบนี้ คนชั้นล่างจะหลุดจากการเป็นหนี้อยากมาก ทำงานส่งแต่ดอก จนดอกแซงต้นไปแล้ว เจ้าหนี้ก็ใช้หนี้ธนาคารหมดแล้ว ลูกหนี้ยังใช้หนี้ไม่หมดเลย แล้วเวลาในชีวิตของลูกหนีสายทาสกลุ่มนี้ก็หมดไปกับการทำงานให้หนี้ เป็นชีวิตที่โคตรแย่ ใครซะใจกับเรื่องนี้ ข้อให้แม่งต้องมาเจอชะตากรรมแบบนี้ดูบ้าง ....
- ปัญหาหนี้สิ้นที่เป็นสังคมอุบาต มันทำให้เราเข้าใจอย่างหนึ่งว่า สังคมไทยนี่แม่งโคตรอำหิตเลย ส่วนเรื่องการแถลงขาวขายนโยบายอะไรทั้งหลาย ถ้าเขาไม่ได้ทำจริง มันก็แค่เรื่องตอแหลนั่นแหละ
- ปัญหาหนี้สิ้น ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ ปัญหาเรื่องการขยายโอกาสในชีวิตคน ตามแค่สามเรื่องนี้ก็ได้เห็นแล้วว่า สังคมมันทุเรศแค่ไหน กฎหมายตรงนี้มีไว้ทำไม แล้วเพราะอะไรมันถึงไม่แก้ แล้วก็เรื่องที่ดูสวยหรูอย่าง "คนกลับตัวเป็นคนดีแล้วนะ เราต้องให้โอกาสเขา".... เหยือของพวกแม่ง ได้โอกาสอะไรในชีวิตบ้าง ?...ก่อนจะสร้างความเชื่อให้คนร้ายมีชีวิตที่ดี ชีวิตเหยือดีรึยัง ?.... ล่าสุดวัดก็ส่งเสริมให้คนได้สมบัติของคนอื่นแล้วด้วย ทำบาปมาก็สามารถจ่ายเงินซื้อบุญหรือสร้างกำแพงกันบาปที่วัดได้ ... ใครเป็นสอนให้พระหากินแบบนี้ ...?
- ขี้เกียจอานทวนคำผิดค่ะ เอาเป็นว่าจบเลยแล้วกัน ...
โฆษณา