27 มี.ค. 2022 เวลา 08:21 • ท่องเที่ยว
มีข่าวดีมาบอก..ผมสอบหลักสูตรฟรีไดฟ์
Level1ของPADI ผ่านแล้วครับ
เป็นนักฟรีไดฟ์เต็มตัวซะที😄
นักเรียนฟรีไดฟ์ของPADI
มี3หลักสูตร
1.Level1 Free diver
2.Advance Free diver
3.Master Free diver
ต้องจบLevel1ก่อนแล้วถึงจะต่อหลักสูตรอื่นได้
สิ่งที่ต้องสอบคือ
1กลั้นหายใจอยู่กับที่หน้าคว่ำบนผิวน้ำให้ได้ไม่ต่ำกว่า90วินาที
2.ตีฟินใต้น้ำ30เมตร(Pool dynamic)
3สาวเชือกลงใต้น้ำ10มตร โดยใช้ศรีษะลง(Free immersion)
4มุดลงแบบเป็ด(duck dive)ดิ่งลง10เมตร ขนานไปตามแนวเชือก ห้ามจับเชือก
5.ช่วยคนหมดสติที่ความลึก5เมตร
(ครูจะไปนอนรอที่5เมตร)
..
วันนี้ผมทำได้ค่อนข้างดี รวดเดียวผ่าน
..
กว่าจะได้วันนี้
ผมต้องวิ่งประจำ
ต้องฝึกเครียร์หูวันละ500ครั้ง
(ยืน เดิน นั่ง นอน และ หัวห้อยขาคาเตียง)
ลงน้ำทะเลบ่อยๆ ฝึกความคุ้นชิน
นอนให้พออย่างน้อย6ชั่วโมง
งดแอลกอฮล์ ชากาแฟ
..
จากที่ดำน้ำได้แค่2เมตร ขยับเป็น3,5,7เมตร
แต่ไม่เคยลงถึง10เมตร
..
วันสอบผมลงถึง10.3เมตร
ไม่มีอาการกระตุก
ของกระบังลม(เป็นอาการที่ร่างกายต้องการคายคาร์บอนไดออกไซด์)
ไม่เจ็บหู (จากการเคลียร์หูไม่ได้)
ไม่เหนื่อย(ร่างกายปรับตัวได้ดี)
..
เลยขอครูลงไปลึกที่สุดของทะเลบริเวณนั้น
วัดได้11.3เมตร ผมก็ทำได้
..
เป็นการพิสูจน์ได้ว่า เราไม่เก่งแต่เราพัฒนาได้ ด้วยการฝึกฝน
..
ผมได้ฟังคุณหมอท่านหนึ่ง ท่านเป็นนักฟรีไดฟ์ กล่าวว่า ถ้าฝึกฟรีไดฟ์จะทำให้เลือดข้นขึ้น เพราะขณะที่เรากลั้นหายใจ ม้ามจะปลดปล่อยเม็ดเลือดแดงออกมามากขึ้น เร่งการสร้างเม็ดเลือดแดงมากขึ้น
ร่างกาย สุขภาพจะแข็งแรงขึ้น
..
สังเกตน้องชายที่เริ่มฟรีไดฟ์ มาระยะหนึ่งสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
..
เหนืออื่นใดคือ..
เราจะอยู่กับน้ำหรือทะเลยังไงให้ปลอดภัยโดยไม่เป็นอันตราย รวมถึงช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วยเป็นสิ่งสำคัญ
..
นายก้าวเล็ก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา