27 มี.ค. 2022 เวลา 10:08 • ความคิดเห็น
จากยากูซ่ากลายมาเป็นพ่อพระ...
ยากูซ่า หรือ บางคนเรียกว่ามาเฟียญี่ปุ่น
มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ยุครุ่งเรืองของโชกุน
โดยในยุคนั้นจะเป็นพวกซามูไรที่ไร้เจ้านาย
มักทำทรงผมและแต่งตัวแปลกตา ถือดาบยาว
ใช้คำพูดรุนแรง อ้างตัวเป็นผู้รับใช้โชกุนเรียกร้องค่าคุ้มครองจากชาวบ้าน
ประกาศตัวว่าเป็นผู้พิทักษ์คุ้มครองหมู่บ้านที่ตัวเองไปเรียกเก็บเงิน
1
เมื่อหมู่บ้านมีโจรผู้ร้ายเข้ามารบกวน
ซามูไรไร้นายพวกนี้จะใช้กำลังเข้าต่อสู้ เพื่อรักษาความสงบในพื้นที่
ต่อมายุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป ซามูไรก็ถูกกลืนหาย
บ้างก็ไปเป็นพ่อค้าเร่ที่รวมกลุ่มกันค้าขายในงานเทศกาลต่างๆ
พร้อมจะดูแลความปลอดภัยให้ โดยสมาชิกจะต้องจ่ายค่าเช่าและค่าคุ้มครองมา
บ้างก็ไปเป็นนักพนัน คอยคุ้มกันบ่อนซึ่งมีเงินทองหมุนเวียนจำนวนมาก
โดยรอยสักตามร่างกายเริ่มเข้ามาในช่วงนี้
เพื่อต้องการเป็นสัญลักษณ์ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่
และหากใครทำความผิดก็จะตัดนิ้วก้อยมือซ้ายทิ้ง
เพราะนิ้วก้อยซ้ายจะสำคัญมากในการจับถ้วยลูกเต๋าเวลาเล่นพนัน
แล้วยากูซ่าก็ได้วิวัฒนาการกลายมาเป็นองค์กรที่ทำธุรกิจมุมมืดมากมายหลายแบบ
ทั้งการพนัน การรีดไถเงิน การขายยาเสพติด ขายอาวุธ
รวมไปถึงการเกี่ยวพันกับนักการเมือง
สมาชิกยากูซ่าในแต่ละกลุ่มจะมีกฎลงโทษต่างๆ
ไล่จากเบาไปหาหนัก ซึ่งหาใครทรยศก็มักจบลงด้วยความตาย
เมื่อเป็นยากูซ่าแล้วจึงยากที่จะถอยออกมา
แต่ก็มีชายคนหนึ่งที่ได้วางมือจากการเป็นยากูซ่า
พร้อมทั้งหันมาเผยแพร่ศาสนา และพยายามที่จะช่วยยากูซ่าคนอื่น
ที่ต้องการจะถอนตัว เขาคือ ยาสุมาสะ อาโอกิ
ยาสุมาสะ อาโอกิ เป็นยากูซ่าตั้งแต่วัยรุ่น เขาเป็นสมาชิกแก๊งอินิกาวะ คาอิ
หนึ่งในแก๊งยากูซ่าที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว
ในช่วงที่อาโอกิอายุ 16-20 ปีเขาเป็นแค่สมาชิกหางแถว
เขาต้องพิสูจน์ตัวเอง ทำผลงาน
ให้คนในแก๊งเห็น ผลที่ได้ก็คือเขาต้องเข้าออกๆ บ้านเยาวชนถึง 5 ครั้ง
และติดคุกเยาวชนอีก 2 ครั้ง
เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เขาสักลายทั้งตัว และตัดนิ้วก้อยตัวเอง
เพื่อเป็นการแสดงคำขอโทษต่อหัวหน้าแก๊ง
อาโอกิทำงานในธุรกิจมืดทุกอย่าง
ทั้งการพนัน ทั้งรีดไถ ทั้งข่มขู่ ทั้งทะเลาะเบาะแว้งต่อยตีกับแก๊งอริ
เขาสร้างผลงานมากมาย จนไต่เต้าเป็นผู้บริหารระดับสูงในแก๊ง
แต่มันก็ต้องแลกด้วยการที่เขาต้องติดคุกผู้ใหญ่อีก 3 ครั้ง
อาโอกิต้องเข้าคุกอีกครั้งเมื่อตอนอายุ 47 ปี
เขาถูกจับข้อหากักขังลักพาตัวอันเป็นเหตุแก่ความตาย
เขาถูกตัดสินจำคุก 15 ปี
และเมื่ออาโอกิอยู่ในคุก
เขาก็ถูกแก๊งคู่อริหมายหัว
ค่าหัวของเขาอยู่ที่ 500,000 เหรียญสหรัฐ
ข่าวนี้ได้กระจายมาถึงหูคนในแก๊งคู่อริที่ถุกขังคุกเดียวกันกับอาโอกิ
1
อาโอกิจึงถูกชกต่อยจากแก๊งอริเป็นว่าเล่น
แต่เขาก็กระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดมาได้
จนแก๊งคู่อริใช้ค้อนมาทุบหัวอาโอกิเข้าอย่างจัง
เขาล้มหมดสติเลือดออกทันที
1
อาโอกิถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
แล้วก็ได้ทราบว่ากะโหลกศีรษะของเขาแตก
สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก และสุ่มเสี่ยงที่จะเสียชีวิต
แพทย์ใช้ความพยายามในการยื้อชีวิตของเขาอยู่นาน
จนในที่สุดอาโอกิก็รอดตายได้อย่างปาฎิหาริย์
2
อาโอกินอนพักไม่ได้สติอยู่หลายวัน กว่าที่เขาจะฟื้น
อาโอกิตื่นขึ้นมาเห็นพระคัมภีร์ไบเบิลวางอยู่ข้างเตียง
เขาลองหยิบขึ้นมาเปิดอ่านดู
เขาอ่านไปเรื่อยๆ หน้าแล้วหน้าเล่า
และเมื่อมาถึงบทที่ 23:4
“แม้ข้าพเจ้าเดินผ่านหุบเขาเงามัจจุราช
ข้าพเจ้าจะไม่เกรงกลัวความชั่วร้าย เพราะพระองค์อยู่กับฉัน”
ด้วยคำสอนประโยคนี้มันสะกิดใจอาโอกิ
มันทำให้เขารู้สึกสงบเป็นครั้งแรกในชีวิต
2
ไม่นานนักอาโอกิก็ถูกย้ายที่คุมขังไปที่คุกคุมาโมโตะ
ซึ่งเป็นสถานที่คุมขังนักโทษร้ายแรง นักโทษส่วนใหญ่จึงมีแต่คนก้าวร้าว
ชอบใช้ความรุนแรง
แต่สถานทีนี้ไม่ได้ทำให้อาโอกิต้องใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด
มันกลับยิ่งขัดเกลาจิตใจ
อาโอกิให้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
อาโอกิได้เจอกับบาทหลวงโยจิ
บาทหลวงโยจิได้เผยแพร่หลักคำสอนของศาสนาคริสต์ให้กับคนในคุก
ทำให้อาโอกิเข้าใจและเลื่อมใสในศาสนามากยิ่งขึ้น
เขาละทิ้งความรุนแรง เขาละทิ้งการใช้กำลัง
และตั้งใจจะหันมาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์แทน
เขารู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ขึ้นมา
ในปี 2014 ครบ 15 ปีที่ต้องโทษ
อาโอกิก็ออกจากคุก
เขาถอนตัวออกจากแก๊งยากูซ่า
และไปโบสถ์แทน
1
ซึ่งก่อนที่อาโอกิจะพ้นโทษนั้น
ทางการญี่ปุ่นได้ออกกฎหมายกวาดล้างยากูซ่า
ร้านค้า บริษัท ไม่ต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้กับแก๊งยากูซ่าอีกต่อไป
รวมไปถึงยากูซ่าไม่มีสิทธิ์ซื้อบ้าน ไม่สามารถซื้อรถด้วยชื่อของตัวเอง หรือแม้แต่จะซื้อโทรศัพท์มือถือ
สักเครื่องหนึ่งก็ยังลำบาก ทำให้ยากูซ่าหากินลำบาก จำนวนยากูซ่าทั่วประเทศ
จึงลดลงอย่างมากจากที่เคยมีมากถึง 1 แสน 8 หมื่นคน เหลือเพียงประมาณ 3 หมื่นกว่าคน
2
ชาวบ้าน พ่อค้า ประชาชน เริ่มไม่กลัวยากูซ่า และมองว่ายากูซ่าเป็นกลุ่มคนที่น่ารังเกียจ
ทำให้ยากูซ่าที่คิดกลับตัวก็ไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้
ไม่มีใครรับทำงาน ไปที่ไหนก็ไม่มีใครต้องการ
สุดท้ายก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตเป็นยากูซ่าทำสิ่งผิดกฎหมายใหม่อีกครั้ง
1
อาโอกิต้องการที่จะช่วยเหลืออดีตยากูซ่าเหล่านี้ เมื่อเขาออกจากคุกมาแล้ว
ก็มาเปิดศูนย์พักพิงให้กับอดีตสมาชิกยากูซ่าที่อยากจะถอนตัว
เขาหวังที่จะช่วยเหลือชีวิตอดีตยากูซ่าให้กลับมาใช้ชีวิตในสังคม
ให้มีคนจ้างงาน มีอาชีพสุจริต
อาโอกิตัดสินใจที่จะทำโครงการนี้ไปตลอดชีวิตที่เหลือของเขา
การช่วยเหลืออดีตสมาชิกยากูซ่าให้กลับสู่สังคมได้นั้น
เป็นการเผชิญกับแรงกดดันทั้งสองฝ่าย
ทั้งฝ่ายแก๊งยากูซ่าที่จ้องจะทำโทษกับคนที่ทรยศกับแก๊ง
ทั้งฝ่ายชาวบ้านคนทั่วไปที่รังเกียจ ไม่คบค้ากับยากูซ่า
แต่อาโอกิต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าคนเราเปลี่ยนแปลงกันได้
เขาใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตทำสิ่งไร้ค่า ทำลายชีวิตคนอื่น
แต่เขาก็ยังได้รับโอกาสจากบาทหลวงโยจิ ที่ทำให้เขาตาสว่าง
ซึ่งทำให้เขากลับตัวกลับใจกลายเป็นคนใหม่ได้
2
ในตอนนี้เขาจึงอยากให้โอกาสนั้นกับคนอื่นบ้าง
และคิดว่าคนอื่นก็กลับตัวได้เช่นกัน
ไม่มีคำว่าสายเกินไป
หากเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นครับ
2
อ้างอิงข้อมูลและรูปภาพจาก
โฆษณา