27 มี.ค. 2022 เวลา 17:51
หลังม่านเหล็ก: สตาลินนิสซึ่มและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ EP. 3
โจเซฟ วิสริโยโนวิช ยูกาสชวีลี่ สตาลิน สั่งกำจัดคู่แข่งเขาในพรรคทันทีที่ขึ้นสู่ตำแหน่ง
โจเซฟ สตาลิน หรือ นิคเนม Soso https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/30870795/
เขาใช้วิธีผูกมิตรไว้ก่อนกับคนสนิทของเลนินได้แก่ คอมมิวนิสต์ฝ่ายขวา ซีโนเวียฟ และกาเมเนฟ ที่เป็นศัตรูกับทร็อตสกี้ ( ทั้งที่ กาเมเนฟแต่งงานกับน้องสาวทร็อตสกี้ )
การปกครองพรรคโดยสามผู้นำ ( Triumvirate )ของคอมมิวนิสต์ฝ่ายขวาอันมีสตาลินเป็นเลขาธิการพรรคและเล่นบทตาอยู่คนกลาง เริ่มบทโหดด้วยการปลด ทร็อตสกี้ ออกจากผู้บัญชาการกองทัพแดง (1925) ปลดออกจากโปลิตบูโร ( 1926 ) จากคณะกรรมการกลาง ( ต.ค. 1927 ) ปลดจากพรรคคอมมิวนิสต์ ( พ.ย. 1927 ) เนรเทศไปคาซัคสถาน ( ม.ค. 1928) และ ในที่สุด ก.พ. 1929 ถูกขับออกจากสหภาพโซเวียต และถูกฆ่าในที่สุดที่เม็กซิโก
เลฟ ดาวิโดวิช บรอนสตีน หรือ ลีออน ทรอตสกี้ https://en.wikipedia.org/wiki/Leon_Trotsky
ต่อมาสตาลินได้หักหลัง ซีโนเวียฟชาวยิวจากยูเครนและกาเมเนฟสหายสนิทของเลนินตั้งแต่ยังไม่ทันที่จะเนรเทศทร็อตสกี้ด้วยซ้ำ โดยเล่นบทคนกลางหันมาจับมือกับคอมมิวนิสต์ฝ่ายซ้ายคือบูคาริน ทอมสกี้ และไรคอฟ ผู้กุมอำนาจใหม่ในพรรค และเนรเทศ ซีโนเวียฟ และกามาเนฟ ไปไซบีเรีย ถึงสามครั้งและในที่สุดทั้งคู่ถูกยิงเป้าในปี 1936 โดยถูกยัดข้อหาวางแผนฆ่าคีรอฟ
แซร์ไก คีรอฟ คนที่สามจากซ้ายถัดจากสตาลิน https://en.wikipedia.org/wiki/Sergei_Kirov
แต่การขึ้นสู่อำนาจเบ็ดเสร็จของสตาลินสำเร็จด้วยการลอบสังหารสหายโปลิตบูโรคนสำคัญของเขาคือ คีรอฟ ในปี 1934 ( ซึ่งทางตะวันตกสงสัยว่าสตาลินเป็นคนวางแผนลับนี้และให้ฆ่าปิดปากผู้สังหารรวมทั้งทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนถูกสตาลินไต่สวนด้วยตัวเองและสั่งยิงเป้าทันที โดยสตาลินแสร้งทำประหนึ่งว่าเป็นการล้างแค้นและกวาดล้างให้สหายสนิท )
นิวยอร์คไทม์อ้างหนังสือพิมพ์รัสเซียในปี 2532 ว่าในช่วง 1926-1953 ตำรวจลับฆ่าศัตรูของสตาลินไปประมาณ 20 ล้านคน (ไม่นับที่ตายที่สตาลินกราดอีก 1.1 ล้านคน ไม่รวมทหารเยอรมันอีก 8 แสนคน และพลเรือนอีก 4 หมื่น และไม่รวมทหารและพลเรือนรัสเซียในสงครามโลกครั้งที่สอง อีก 20 ล้านคน! ซึ่งเป็นผลจากสงครามโลก)
แต่จากการคำนวณใหม่เชื่อว่าตำรวจลับของสตาลินฆ่าศัตรูสตาลินไปประมาณ 6-9 ล้านคนในช่วงนั้นโดยเฉพาะในกรณีที่สังหารคีรอฟ ซึ่งเรียกขานกันว่าเป็น”การกวาดล้างครั้งยิ่งใหญ่”( The Great Purge )ก็มีจำนวนที่น่าตกใจถึง 700,000 คน!
ผู้นำทั้งหมดได้แก่บูคาริน และ ไรคอฟสหายสนิทเลนินถูกประหารชีวิตด้วยการถูกยิงเป้าเพียงสองปีหลังจากที่คีรอฟตาย ส่วนทอมสกี้ฆ่าตัวตายเพื่อหลบหนีการจับกุมของตำรวจลับ
มือสังหารโหดของสตาลินหนีไม่พ้นหัวหน้าเคจีบี หรือสมัยนั้นเรียกว่า NKVD หัวหน้าNKVDหลายคนไม่ลงตัวกับสตาลินก็ถูกกำจัดจนหมดจนสตาลินได้คนจอร์เจียด้วยกันมาเป็นมือสังหาร และหัวหน้าตำรวจลับ
คนสำคัญนั้นคือจอมพลแห่งสหภาพโซเวียต ลาฟเลนตี้ เบเรีย ( แต่งตั้ง 1939-1953 )รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งและรัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายใน ผู้บัญชาการ NKVD หรือต่อมาคือ KGB หรือ FSB สมัยปูติน
NKVD หรือกระทรวงกิจการภายในประกอบไปด้วยสายลับและมือสังหารอยู่ภายใต้การสั่งการโดยตรงของสตาลิน และมีหัวหน้าเพชฌฆาตชื่อ พลตรี วาสิลี บล้อคคินซึ่งสตาลินเลือกมากับมือเพื่อทำหน้าที่นี้ตั้งแต่อายุ 31 เพียงสองปีหลังเลนินตาย คือตั้งแต่ปี 1926-1953
พลตรี วาสิลีบล้อคคิน https://en.wikipedia.org/wiki/Vasily_Blokhin
ในช่วง29 ปีที่เขาทำหน้าที่นี้ NKVD ประหารคนไป 828,000 คน และเพียง6 ปีที่ทำงานภายใต้สตาลิน เขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการ เรือนจำ และเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่สังหารหมู่ผู้คนมากมาย หนึ่งในจำนวนนั้นคือเหล่านายพล นายทหารและพลทหารโปแลนด์ที่ยอมจำนนในช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่สอง 8000 คน และ ตำรวจลับโปแลนด์ 6000 คน และสายลับและผู้เกี่ยวข้องอีกครึ่งกรมสืบราชการลับอีก 8000 รวม 22,000 คน โดยตัวเขาเองสังหารไป 7000 คนด้วยการยิงเข้าที่ก้านสมองศีรษะด้านหลัง ด้วยปืนวอลเธอร์ของเยอรมัน ทุกวัน ยกเว้นวันกรรมกร( 1 พค )วันเดียว ซึ่งเป็นวันหยุดพิเศษของพรรคคอมมิวนิสต์
คำสั่งยิงทิ้งทหารโปแลนด์ที่ตั้งแท่นเสนอโดย เบเรีย ลงนามโดยโปลิตบูโร 6 คน ประกอบด้วย สตาลิน วยาเชสลาฟโมโลตอฟ ลาซาร์กากาโนวิช คลีเมนท์โวโรชิรอฟ อนาสตาสมิโกยัน และ มิคาอิลกาลินิน https://en.wikipedia.org/wiki/Katyn_massacre https://en.wikipedia.org/wiki/Katyn_massacre
หลังจากที่สตาลินโจมตีโปแลนด์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองสตาลินออกคำสั่งตามข้อเสนอของ ลาฟเลนตี้ เบเรีย ลงวันที่ 4 เมษายน 1940ให้บล้อคคินเริ่มปฏิบัติการพิเศษทันทีในเรือนจำที่ห้องประหารซึ่งทาสีแดงทั้งห้องในป่า แคตติน ที่เมืองสมอร์เลนซกะ ติดพรมแดนเบลารุส
บล้อคคินได้รับคำสั่งโดยตรงจากสตาลิน เขาจะสวมหมวกหนังสีดำคลุมหน้าและมีชุดกันเปื้อนหนังสีดำคลุมอกและเอวยาวกรอมเท้าและถุงมือหนังสีดำยาวถึงไหล่ ป้องกันเลือดและเศษสมองกระเด็นเปรอะพร้อมด้วยกระเป๋าหนังสีดำบรรจุปืนพกเยอรมันหลายสิบกระบอกพร้อมลูกกระสุน เมื่อปืนร้อนก็จะเปลี่ยนทีละกระบอก
ผู้ถูกประหารจะถูกนำตัวเข้ามาทีละคน ถูกสั่งให้คุกเข่าในระหว่างควบคุมตัวเสียงพัดลมตีกลบเสียงปืน โดยไม่มีการประกาศ บล้อคคินจ่อยิงศีรษะข้างหลัง และจัดการชำระล้างเลือดและศพทันที คืนวันที่ 4 เมษายน จัดการไป 390 ศพ แต่ละวัน จะยิงทิ้งไม่น้อยกว่า 250 และตัวบล้อคคินเองจะใช้เวลาไม่ถึง 3 นาทีในการยิงแต่ละคนทั้งคืน! และจะขนศพไปทิ้งในหลุมที่ใช้รถตักดินขุดหลุมขนาด 10 เมตร ขุดหลุม20-25 หลุมทุกคืนจนเสร็จสิ้นภาระกิจ
ฉากภาพยนตร์ของโปแลนด์สร้างปี 2007 เรื่องการสังหารหมู่ที่แคตตินที่พลตรีบล้อคคินสังหารทหารโปแลนด์ 7000 คนด้วยตัวเองใน28คืนติดกัน
เพชฌฆาตผู้นี้ ถูกบันทึกในกินเนสบุ้คว่าเป็นผู้ที่สังหารมนุษย์มากที่สุดในโลก ที่ ป่าแคตติน เขาสังหารไปถึง7000 คน ยิงทุกคืน10 ชั่วโมงติดกัน 28 คืน!
ยิ่งกว่านั้น บล้อคคิน ยังรับหน้าที่สังหารบุคคลสำคัญระดับสูงทุกคนที่สตาลินสั่งให้กำจัด ด้วยการสังหาร อดีตนายตัวเองผู้บัญชาการตำรวจลับรัสเซีย NKVD หรือ KGB ซึ่งคือ เกนริค ยาโกดา ( 1938 ) และ นิโคไล เยซอฟ ( 1940 ) ภายใต้การกำกับของเบเรีย
อิวาน นากอร์นี ( Butcher of Kiev สมญา” คนฆ่าสัตว์แห่งเคียฟ “ ผู้สังหาร ชาวยูเครนไป อย่างน้อยหนึ่งหมื่นคนภายใน18เดือนจากที่ถูกสังหารทั้งสิ้น 20,000 คน)กำลังรายงานผลงานให้สตาลินผู้ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจพร้อมด้วยผู้บัญชาการเคจีบี นิโคไล เยซอฟ สมญา Bloody Dwarf หรือ “ คนแคระกระหายเลือด “ซึ่งต่อมาถูก บล้อคคินประหารชีวิต https://timenote.info/en/Ivan-Nagorny
นอกจากสตาลินจะถูกสงสัยว่าวางยาพิษเลนินและยิงภรรยาตนเองแล้ว เขายังปกครองประเทศด้วยความโหดเหี้ยมและรุนแรง ด้วยการ สั่งฆ่า ทรมาน เนรเทศ ผู้ที่ไม่เห็นด้วยทั้งยังได้มีส่วนทำให้ชาวนา 3.5 ล้านคนในยูเครนต้องตายเพราะอดอาหารเพื่อสร้าง” นารวม” ที่สมบูรณ์แบบตามลัทธิคอมมิวนิสต์ มาร์กซิสซึ่ม- เลนินนิสซึ่มและเป็นผู้ทำให้เกิดการทำ” สงครามเย็น” ระหว่างสหรัฐและโซเวียตนาน 45 ปี
เชอร์ชิลได้ขนานนามการปกครองของรัสเซียในช่วงสตาลินนี้ว่าเป็นการ ปกครองภายใต้ ” ม่านเหล็ก”ในการพูดที่มหาวิทยาลัยเวสต์มินสเตอร์ ในรัฐมิสซิสซูรี่ในปี 1946
สเวตตาลาน่า ลูกสาวสตาลิน เชื่อว่าสตาลินถูกลอบวางยาพิษ ทีละน้อยโดยเบเรีย โดยให้องครักษ์สตาลิน ชื่อครุสตาเลฟเป็นผู้กระทำการ โดยใช้ยาพิษ “ โวฟาริน “ แต่สตาลินเส้นโลหิตในสมองซีกซ้ายแตกและจบชีวิตของเขาเมื่อ 69 ปีที่แล้ว
จากซ้ายไปขวา อนาสตาสมิโกยัน นิกิต้าครุสเชฟ โจเซฟสตาลิน กอร์กี้มาเลนกอฟ ลาฟเลนตี้เบเรีย และ วยาเชสสลาฟโมโลตอฟ ขณะเดินควงแขนโดยจอมสังหารเคจีบีเบเรียของสตาลินไปที่จตุรัสแดงในปี 1945 https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTYxPb5TGvLfa7os3VXQS8DPzVGR-KNy5MOIMrP2fb59GbF3ODjIRqMnr-W&s=10
หลังจากสตาลิน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คนถัดไปคนที่สองคือ นายพล นิกิต้า ครุสเชฟ ทหารชาวยูเครนผู้ร่วมรบในสตาลินกราดได้ลดความสำคัญของสตาลินและประณามนโยบายอันโหดเหี้ยมของเขาและเริ่มการปฏิรูปโซเวียต
อีกไม่นานระบอบปูติน( Putinism ) ในช่วงที่เขาปกครองรัสเซีย คงจะต้องแหวกม่านเหล็กออกมาให้ผู้นำโลกเสรีได้นำมาวิเคราะห์ว่าผู้นำรัสเซียในช่วงสงครามยูเครนจะกลายเป็นยุค สตาลินใหม่ หรือไม่
ขอขอบคุณ
โฆษณา