จีน..ผู้รับเคราะห์รายใหญ่จากสงครามรัสเซียยูเครน
สงครามรัสเซีย-ยูเครน ผ่านมามากกว่าหนึ่งเดือน ท่าทีของชาติตะวันตกและนานาชาติเริ่มมีความชัดเจนว่ามีทิศทางไปทางใด
สอดคล้องกับสถานการณ์การสู้รบในยูเครน ที่กองกำลังทั้งรัสเซีย ยูเครนและพันธมิตร ได้แสดงศักยภาพในการรบ
และสถานการณ์ปัจจุบันว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบกว่าใคร?
ใครยังมีอาวุธและเสบียงมากกว่ากัน?
นอกสนามรบในเวทีการเมืองชาติยุโรปและอเมริกาได้รณรงค์ให้นานาชาติทำการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียอย่างหนักหน่วง เพื่อลงโทษฐานทำสงครามถล่มยูเครน
โดยวันที่18 มีนาคม "ประธานาธิบดี โจไบเดน" ได้ต่อสายตรงถึง"ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีน"
ได้กล่าวถึงบทสนทนาวันนั้นในการประชุมหารือกับ NATO ว่าไม่ได้กล่าวข่มขู่จีน
เพียงแต่ไปกล่าวเตือนประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ถึงผลลัพธ์ถ้าจีนยื่นมือไปช่วยเหลือรัสเซียในด้านต่างๆ
การสนทนาถึงสองชั่วโมงระหว่าง โจ ไบเดน และ สีจิ้นผิง
แผนการบุกยูเครนของ"ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน" มีการเตรียมการมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทางอเมริกาก็ได้กล่าวเตือนทั่วโลก ว่ารัสเซียจะยกกองทัพรุกรานยูเครนอย่างน้อยถึงสามครั้ง
ซึ่งถ้าย้อนดูในช่วงเวลานั้นมีหลายเหตุการณ์ที่น่าสนใจ เริ่มจาก ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์
ปูติน เดินทางไปร่วมพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูกาลหนาวที่ปักกิ่งและเซ็นสัญญาความร่วมมือ15ฉบับ
รวมถึงขายนำ้มันและก๊าซธรรมชาติให้กับจีนเป็นเวลา10ปี ซึ่งการเยือนปักกิ่งในครั้งนี้ ใช้เวลาไม่ถึง 9 ชั่วโมง
และไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับแขกที่เข้าร่วมพิธีเปิดโอลิมปิคฤดูหนาวอีกด้วย ตรงกับในช่วงเวลานั้นที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกาได้กล่าวเตือนถึงการบุกยูเครนของรัสเซีย
หลังจากประธานาธิบดี
วลาดิเมียร์ ปูติน ได้เดินทางกลับมอสโคว์
กรรมาธิการของพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั้ง 7 ท่าน ได้มีการประชุมลับเป็นเวลาถึงหนึ่งสัปดาห์
กรรมธิการพรรคทั้ง7 คน โดยมีสีจิ้นผิง เป็นประธานกรรมธิการ
ทางสื่อจีนได้คาดการณ์ว่าจะประชุมกันถึงเรื่องรัสเซียกับยูเครน ซึ่งในเวลานั้นมีแต่เพียงสื่อตะวันตกที่กล่าวว่ามีโอกาสสูงที่จะเกิดสงครามรัสเซียกับยูเครน
ความกังวลของผู้บริหารระดับสูงของจีนต่อการที่รัสเซียบุกยูเครนนั้น
เป็นผลเนื่องมาจากยูเครนมีความสำคัญหลายด้านกับจีน ตลอด20ปี ที่ผ่านมา
เป็นแหล่งนำเข้าสินค้าเกษตรอาหารสัตว์อันดับต้นๆของจีน
ปี 2021 จีนนำเข้าข้าวโพดจากยูเครนถึงแปดล้านสองแสนตัน เป็นเกือบ30% ของความต้องการทั้งหมดของจีน
จากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ของจีนจนถึงต้นปี 2022 จีนมีบริษัทเข้าไปลงทุนในยูเครนกว่า
30 แห่ง มีมูลค่ากว่า 9000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และยังมี COFCO Group บริษัทรัฐวิสาหกิจของจีนที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับค้าขายอาหารและสินค้าเกษตรได้ลงทุนก่อสร้างท่าเรือที่เมืองออเดซ่า มูลค่ากว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งเวลานี้น่าจะถูกกองทัพรัสเซียทำลายราบเป็นหน้ากองไปแล้ว
ปลายปี2020 รัฐบาลทั้งสองประเทศได้ร่วมเซ็นสัญญาความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ยูเครนเป็นหนึ่งในประเทศที่สำคัญของโครงการ one belt one road เป็นประตูในการขนส่งสินค้าจากจีนไปยังประเทศ
ในยุโรป
เดือนกรกฏาคม ปี2021 "โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน" ยังได้สายตรงกับประธานาธิบดี สีจิ้นผิง กล่าวถึงยูเครนจะเป็นสะพานเชื่อมจีนกับชาติในยุโรป
นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับยูเครนด้าน
อาวุธยุทโธปกรณ์มีมากกว่าคนทั่วไปนึกถึง
ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าจีนพึ่งพารัสเซียจากการสั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ
แต่สำหรับยูเครน จีนได้พึ่งพาเทคโนโลยีทางการทหารมากมาย เช่น
ปี2014 จีนสั่งซื้อเครื่องยนต์ไอพ่นสำหรับเครื่องบิน 250 ตัวจากบริษัท Motor Sich เพื่อที่นำไปใช้ในเครื่องบินขับไล่
หรือ เรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิง ลำแรกของจีนซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินวาร์ยักของสหภาพโซเวียต
แล้วเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายเรือลำนี้ได้ถูกมหาเศรษฐีมาเก๊าซื้อเรือลำนี้ไป โดยอ้างว่าจะไปทำเป็นคาสิโน
จนในปี2001 เรือลำนี้ได้เปิดตัวอยู่ในกองทัพปลดแอกประชาชนของจีน
เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน ที่ได้มาจากซากเรือของยูเครน
แน่นอนว่าการรุกรานยูเครนของรัสเซียจะกระทบกับผลประโยชน์ของจีนในยูเครน
และเป็นต่างชาติที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
หลังจากสองอาทิตย์ ที่รัสเซียรุกรานยูเครน สื่อทางการจีนเริ่มมีการนำเสนอข่าวจากฝั่งยูเครนมากขึ้น
แตกต่างกับช่วงแรกที่นำเสนอข่าวจากฝั่งรัสเซียข้างเดียว
เช่นเดียวกันเหตุการณ์ วันที่ 1 มีนาคม ผู้ประกาศข่าวหญิงข้ามเพศของช่อง CCTV ได้ถูกลงโทษ หลังจาก เธอได้สวมชุดสีเหลืองและนํ้าเงิน ซึ่งเป็นสีของธงชาติยูเครน
แต่ทางช่องได้มีการปรับสีให้เข้มขึ้น สำหรับภาพที่ถูกเผยแพร่ออกไป
จิน ซิง ผู้ประกาศข่าว ที่สนับสนุนยูเครนผ่านการสวมใส่เสื้อผ้า และ ภาพแก้ไขสีเสื้อ
แต่หลังจากนั้นในวันที่16 มีนาคม ช่องCCTV ได้นำเสนอรายงานข่าวเป็นครั้งแรก
เกี่ยวกับ ทหารยูเครนได้ทำลายรถถังของรัสเซียไปกว่า 1700 คัน
ช่วงเวลาเดียวกัน สื่อโซเซียลจีนได้มีการพูดถึงบทความของอดีตนักการฑูตจีน Wu Jianmin ที่ยกเหตุการณ์ 911 ว่าเป็นวิกฤตการณ์ระดับโลก
คล้ายกับสงครามรัสเซียยูเครนในปัจจุบัน
ซึ่งวันนั้นหลังจากเกิดเหตุการณ์ 911 ไม่ถึง 5 ชั่วโมง ผู้นำจีนในสมัยนั้นคือ "เจียงเจ๋อหมิน"
ได้โทรศัพท์แสดงความเสียใจกับ " อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช " กับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น
และจีนได้เป็นเสมือนพันธมิตรที่สำคัญของอเมริกาตลอดระยะเวลา10ปี
ตรงนี้ส่งผลให้จีนพัฒนาประเทศและมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจจนเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจอันดับสองดังเช่นปัจจุบัน
นอกจากนี้ กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้ขยายช่วงการเคลื่อนไหว (band)
ของราคาซื้อขายเงินรูเบิลกับเงินหยวนเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็นผลให้เงินรูเบิลอ่อนค่าลงเร็วขึ้น
ซึ่งหมายถึง รัสเซียต้องจ่ายเงิน
รูเบิลเพิ่มขึ้นเมื่อซื้อสินค้าจีน
การขยาย band ดังกล่าวช่วยให้เงินหยวนตามทันความผันผวนสุดขีดของค่าเงินรูเบิล
ช่วยให้บริษัทจีนลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้นับจากถูกคว่ำบาตร เงินรูเบิลอ่อนค่าลงเกินกว่า 20%
แต่รัฐบาลจีนเองยังสงวนท่าทีที่จะเข้าร่วมกับชาติในยุโรปและอเมริกา คว่ำบาตรรัสเซีย และไม่ยอมเรียกการกระทำของรัสเซียต่อยูเครนว่า "รุกราน"
ซึ่งสถานการณ์นี้เองจะมีผลกับแผนการจะดำรงตำแหน่งผู้นำของ ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง
ในการประชุมสมาชิก
พรรคคอมิวนิสต์จีนครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้
ถ้าดูจากปัญหาของจีนปัจจุบันมีมากมายทั้งภายในและภายนอก ซึ่งล้วนจะมีผลต่อการคัดเลือกคณะทำงานในสมัยต่อไป
ในวันที่15 มีนาคม มีสื่อบางสำนักได้พูดถึงคำกล่าวของผู้อาวุโสของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี คือ"จูหลงจี"
ที่กล่าวถึงประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ว่าควรจะเอาประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง
และควรจะหันมาให้ความสำคัญปัญหาเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้าย ปี2021 เพียงแค่4.4%
ซึ่งเป็นผลจากนโยบายควบคุมของโรคระบาดโควิดที่ต้องการให้เป็นศูนย์ ทำให้มีหลายเมืองทยอยปิดเมืองและเปิดเมืองชั่วคราว ตั้งแต่ปลายปี2021
นอกจากนี้ผู้อาวุโสท่านนี้ยังตั้งคำถามถึงนโยบายความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของประธานาธิบดี
สีจิ้นผิง ว่าจะสามารถขับเคลื่อนประเทศให้เจริญรุ่งเรืองเป็นจริงอย่างที่เค้าเคยทำไว้ได้หรือไม่
และวิจารณ์ถึงนโยบายต่างประเทศที่ทำให้เวลานี้จีนเริ่มห่างหายจากนานาชาติ โดยเฉพาะอียู
หรือชาติยุโรปที่ยังไม่สามารถเจรจาทำสัญญาการค้าได้เสียที และอาจจะมืดมน
ถ้าจีนยังไม่แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในสงครามรัสเซียยูเครน
วันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ครบรอบ1 เดือนในการรุนรานยูเครนของกองทัพรัสเซีย
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้กำหนดให้ วันที่ 9 พฤษภาคม เป็นวันประกาศชัยชนะของการรบในสงครามครั้งนี้
ส่วน โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้เดินสายขอความช่วยเหลือกับผู้นำประเทศต่างๆผ่านการวิดีโอคอล
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งอังกฤษ ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบียและกาตาร์ ได้ตอบตกลงจะช่วยเหลือยูเครนในทั้งทางตรงและทางอ้อม
เซเลนสกี ปราศรัย ให้สภาผู้แทนราษฎร ญี่ปุ่น
ซึ่งรัฐมนตรีคนสนิทของเซเลนสกี ได้กล่าวว่ากำลังนัดหมายกับทางการจีนในการวิดีโอคอล กับผู้นำทั้งสองประเทศ
จากนี้คงรอดูว่าแผนการปราศรัยของ โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กับ ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ในวันอันใกล้นี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของสงครามรัสเซียยูเครน หรือไม่
ถ้าประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ยังคงยึดหมั่นในคำสัญญากับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่จะช่วยเหลือรัสเซียทุกด้าน
ก็จะไม่มีทางได้เห็นคำปราศรัยของประธานาธิบดี โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี กับรัฐบาลจีน
และอาจจะเกิดคลื่นใต้นํ้าภายในพรรคคอมมิวนิสต์มากขึ้น ส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งในสมัยหน้าของประธานาธิบดี สีจิ้นผิง อย่างแน่นอน
ข้อมูลอ้างอิง
- 13
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
